10 ก.พ. 2568 | 10:35 น.
“ไม่ว่าคุณจะมีเงินเท่าไหร่ หรือประสบความสำเร็จแค่ไหน ถ้าคุณยังไม่สบายใจ มันก็ไม่มีความหมาย”
คำพูดนี้เป็นของ ‘เคนดริก ลามาร์’ ศิลปินที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์วงการเพลงไปหมาด ๆ
เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2025 เพลง ‘Not Like Us’ ของเขากวาดรางวัลแกรมมี่ไป 5 รางวัล ทั้งเพลงแห่งปี บันทึกเสียงแห่งปี สร้างประวัติศาสตร์เป็นแร็ปเปอร์คนที่สองที่คว้าสองรางวัลใหญ่ในคืนเดียว พร้อมด้วยรางวัลการแสดงแร็พยอดเยี่ยม เพลงแร็พยอดเยี่ยม และมิวสิควิดีโอยอดเยี่ยม
เมื่อยืนบนเวทีรับรางวัลในเดือนแห่งประวัติศาสตร์คนดำ เขาไม่ลืมที่จะขอบคุณ ‘Dr. Dre’ ผู้วางรากฐานฮิพฮอพฝั่งตะวันตก คนที่ช่วยผลักดันให้เด็กจากคอมพ์ตันคนหนึ่งได้ก้าวขึ้นมายืนบนจุดสูงสุดของวงการเพลง และในไม่กี่วันถัดมา เขาก็จะได้ร่วมงานกับ ‘SZA’ ในการแสดง Halftime Show ของ ‘Super Bowl’ ก่อนจะออกทัวร์คอนเสิร์ตด้วยกัน
แต่เส้นทางกว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เคนดริกเกิดและเติบโตในเมืองคอมพ์ตัน แคลิฟอร์เนีย เมืองที่พ่อแม่ของเขาตั้งใจย้ายมาจากชิคาโกเพื่อหนีวงจรแก๊งอันธพาล แต่ชีวิตกลับพาพวกเขามาเจอกับความยากจน จนครอบครัวเคยไร้บ้านอยู่ช่วงหนึ่ง
สภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยอันตรายนี้ ทำให้เคนดริกต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันตั้งแต่ยังเด็ก ตอนอายุแค่ 5 ขวบ เขาได้เห็นเหตุการณ์สะเทือนใจ เมื่อชายคนหนึ่งที่กำลังขายยาเสพติดหน้าอพาร์ตเมนต์ถูกยิงที่หน้าอก เขาบอกว่านั่นเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขาต้องเรียนรู้ว่า นี่ไม่ใช่แค่สิ่งที่เขาเห็น แต่เป็นสิ่งที่เขาอาจต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมด้วย
ในช่วงวัยเรียน แม้จะเป็นเด็กเรียนเก่ง แต่เขามักจะเงียบเพราะพูดติดอ่าง จนกระทั่งครูมัธยมคนหนึ่งชื่อ ‘มิสเตอร์อินเก้’ จุดประกายให้เขาสนใจการเขียนบทกวีและงานเขียนสร้างสรรค์ เขาหลงรักการเล่นคำ การใช้อุปมาอุปไมย และค้นพบว่าการเขียนคือทางออกที่ช่วยให้เขาระบายความรู้สึกได้ จนกระทั่งเริ่มแร็ปตั้งแต่อายุ 16
ปัจจุบัน เขาคว้ารางวัลแกรมมี่มาแล้ว 22 รางวัล เป็นศิลปินฮิพฮอพคนแรกที่ได้รับรางวัลพูลิตเซอร์ มีทรัพย์สินมูลค่ากว่า 140 ล้านดอลลาร์ และยังรักษาความสัมพันธ์กับแฟนสาวคนแรก ‘วิตนีย์ อัลฟอร์ด’ ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมปลาย
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า การแสดงบนเวที Super Bowl ที่มีผู้ชมกว่า 100 ล้านคนทั่วโลกครั้งนี้ เขาไม่ได้รับค่าตอบแทนแม้แต่บาทเดียว เพราะเป็นธรรมเนียมของ NFL ที่จะออกแค่ค่าใช้จ่ายในการผลิตผลงาน แต่ศิลปินจะได้รับผลประโยชน์จากการโปรโมทและการเพิ่มขึ้นของยอดขายเพลง ทั้งที่โดยปกติค่าตัวต่อการแสดงหนึ่งครั้งของเขาอยู่ที่ราว 2 ล้านดอลลาร์
หลายคนอาจจะมองว่าคนที่ประสบความสำเร็จระดับนี้คงไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว แต่เคนดริกกลับยังคงตั้งคำถามกับตัวเองเสมอว่า เขากำลังใช้ความสำเร็จและอิทธิพลที่มีให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงหรือไม่ นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้เพลงของเขาสามารถเข้าถึงจิตใจผู้คนได้อย่างลึกซึ้ง
บทเรียนที่น่าประทับใจจากเคนดริกคือ แม้เขาจะเติบโตมาจากถนนที่โรยด้วยหนาม แต่เขาเลือกที่จะเปลี่ยนความเจ็บปวดให้กลายเป็นบทกวี เปลี่ยนความยากลำบากให้เป็นแรงบันดาลใจ และสำคัญที่สุด เขาไม่เคยลืมว่าความสำเร็จที่แท้จริงนั้น ไม่ได้วัดกันที่จำนวนรางวัล แต่วัดกันที่ความสงบในใจ
สวัสดีวันจันทร์ค่ะ
พาฝัน ศรีเริงหล้า
อ้างอิง:
NPR. (2015, December 29). Kendrick Lamar: 'I Can't Change The World Until I Change Myself First'. Retrieved from https://www.npr.org/2015/12/29/461129966/kendrick-lamar-i-cant-change-the-world-until-i-change-myself-first
International Business Times. (2025, February). Shocking Amount Kendrick Lamar Was Paid for Super Bowl 2025 & His Net Worth. Retrieved from https://www.ibtimes.co.uk/shocking-amount-kendrick-lamar-was-paid-super-bowl-2025-his-net-worth-1730850
Ebony. (2025, February). Kendrick Lamar Makes History with "Not Like Us" Record and Song of the Year Wins at the Grammys. Retrieved from https://www.ebony.com/kendrick-lamar-makes-history-with-not-like-us-record-and-song-of-the-year-wins-at-the-grammys/