10 มี.ค. 2568 | 11:24 น.
“เมื่อประตูแห่งความสุขบานหนึ่งปิดลง อีกบานหนึ่งก็จะเปิดออก แต่บ่อยครั้งเรามัวแต่จดจ่อกับประตูที่ปิดไปแล้ว จนมองไม่เห็นประตูอีกบานที่เปิดรอเราอยู่”
นี่คือถ้อยคำของ ‘เฮเลน เคลเลอร์’ ที่ไม่ใช่เพียงคำพูดสวยงาม ทว่าสามารถเอามาปรับใช้กับชีวิตจริงในแทบทุกสถานการณ์
‘เฮเลน เคลเลอร์’ เกิดมาเป็นเด็กปกติ แต่เมื่ออายุเพียง 19 เดือน เธอล้มป่วยหนักจนทั้งตาบอดและหูหนวก หลังจากนั้นเธอก็ติดอยู่กับโลกที่ไร้แสง ไร้เสียง มองไม่เห็นหน้าคนที่รัก ไม่ได้ยินเสียงคนที่เรารัก มันเหมือนมีประตูบานใหญ่ปิดลงตรงหน้า
แต่เฮเลนไม่ยอมแพ้ ด้วยความช่วยเหลือของครู ‘แอนน์ ซัลลิแวน’ เธอเรียนรู้การสื่อสารผ่านการสะกดนิ้วมือและอักษรเบรลล์ จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตเธอเกิดขึ้นเมื่อครูซัลลิแวนพาเธอไปสัมผัสน้ำที่ไหลผ่านมือ และสะกดคำว่า ‘น้ำ’ ลงบนฝ่ามือเธอ ทันใดนั้น เฮเลนก็เข้าใจว่าทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนมีชื่อเรียก และเธอเริ่มถามคำถามเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว นี่คือประตูบานใหม่ที่เปิดในชีวิตเธอ
เธอเปลี่ยนจากเด็กอารมณ์ร้ายกลายเป็นนักเรียนที่กระตือรือร้น เมื่ออายุ 10 ขวบ เธออยากพูดให้ได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่ไม่เคยได้ยินเสียงมาตั้งแต่เด็ก แต่เธอก็ทำได้ จน ‘มาร์ก ทเวน’ นักเขียนดังยังกล่าวว่า “บุคคลที่น่าสนใจที่สุดในศตวรรษที่ 19 คือนโปเลียน และเฮเลน เคลเลอร์”
เฮเลนกลายเป็นสตรีพิการคนแรกที่ได้รับปริญญาจากฮาร์วาร์ด และจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากแร็ดคลิฟฟ์คอลเลจในปี 1904 เธอเขียนหนังสือที่ได้รับการแปลมากกว่า 50 ภาษา เดินทางไปทั่วโลกเพื่อช่วยเหลือคนพิการ และร่วมก่อตั้งองค์กรสิทธิมนุษยชนสำคัญ
เฮเลนเคยกล่าวว่า “อาจจะเป็นเรื่องที่ยากลำบาก ที่จะหาเด็กคนใดมีความสุขยิ่งไปกว่าฉัน เพราะแค่ได้นอนอยู่บนเตียงหลังเล็กของตัวเอง มันก็สุขยิ่งกว่าสิ่งใด และสุขยิ่งกว่าเมื่อคิดถึงวันใหม่ที่จะมาเยือน” น่าทึ่งไหมคะว่า คนที่ควรจะเศร้ากับชีวิตกลับมีความสุขได้มากขนาดนั้น
สำหรับคำพูดที่ว่า “บ่อยครั้งที่เรามัวแต่จดจ่อกับประตูที่ปิดไป จนมองไม่เห็นประตูอีกบานที่เปิดรออยู่” มีความลึกซึ้งทางจิตวิทยา นักจิตวิทยาเรียกเรื่องนี้ว่า ‘อคติด้านลบ’ (Negativity Bias) เป็นธรรมชาติของคนเราที่มักให้ความสำคัญกับเรื่องร้ายมากกว่าเรื่องดี เราจดจำคำวิจารณ์ได้ดีกว่าคำชม และจดจำความผิดพลาดชัดเจนกว่าความสำเร็จ
นึกถึงตอนที่เราผิดหวังกับความรัก หรือพลาดโอกาสสำคัญในหน้าที่การงาน เรามักรู้สึกว่าโลกนี้พังทลาย นั่นคือการจดจ่อกับประตูที่ปิดลง แต่ความจริงคือ มีประตูอีกมากมายที่เปิดรออยู่ เพียงแต่เราไม่ได้สังเกตเห็น
ดร.มาร์ติน เซลิกแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเชิงบวก อธิบายว่าคนเรามีวิธีมองปัญหาต่างกัน คนที่มองโลกในแง่ร้ายจะคิดว่า “ฉันล้มเหลวอีกแล้ว ชีวิตแย่ไปหมด คงเป็นแบบนี้ตลอดไป” ส่วนคนที่มองโลกในแง่ดีจะคิดว่า “ครั้งนี้ไม่สำเร็จเพราะหลายปัจจัย ครั้งหน้าฉันจะลองวิธีใหม่”
คิดถึงความผิดหวังในที่ทำงานสิ ไม่ว่าจะเป็นไอเดียที่ถูกปฏิเสธ โปรเจกต์ที่ล้มเหลว หรือการไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ความผิดหวังเหล่านี้อาจทำให้รู้สึกแย่ แต่บ่อยครั้งมันกลับนำเราไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ทั้งบทเรียนมีค่า การรู้จักตัวเองมากขึ้น หรือโอกาสใหม่ที่ไม่คาดคิด
นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างมากมายในประวัติศาสตร์ เช่น ‘สตีฟ จ็อบส์’ ถูกไล่ออกจาก ‘Apple’ ที่เขาสร้างขึ้น แต่เขาไปสร้าง ‘Pixar’ และ ‘NeXT’ จนสุดท้ายกลับมาที่ Apple พร้อมวิสัยทัศน์ใหม่ที่เปลี่ยนโลก, ‘เจ.เค. โรว์ลิ่ง’ ถูกสำนักพิมพ์ปฏิเสธ 12 ครั้งก่อนที่ ‘แฮร์รี่ พอตเตอร์’ จะได้ตีพิมพ์และกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก
‘คาร์ล ยุง’ นักจิตวิทยาชื่อดังกล่าวว่า “ผมไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับผม ผมคือสิ่งที่ผมเลือกจะเป็น” นั่นหมายความว่าเราอาจควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าจะตอบสนองต่อมันอย่างไร จะยึดติดกับประตูที่ปิด หรือก้าวไปสู่ประตูที่เปิดรออยู่
นักวิทยาศาสตร์พบว่าสมองของเรายืดหยุ่นได้ตลอดชีวิต (Neuroplasticity) เราสามารถฝึกสมองให้มองเห็นโอกาสและความเป็นไปได้ใหม่ ๆ แทนที่จะจมอยู่กับความสูญเสียและความผิดหวัง
เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนคำถามที่ถามตัวเอง แทนที่จะถามว่า “ทำไมเรื่องนี้ต้องเกิดกับฉัน?” ลองถามว่า “เรื่องนี้สอนอะไรฉันบ้าง?” หรือ “มีโอกาสอะไรซ่อนอยู่ในสถานการณ์นี้?”
ลองทำสมุดบันทึกสิ่งดี ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน สิ่งที่เราขอบคุณ และความสำเร็จเล็ก ๆ ที่เราทำได้ การสังเกตเห็นสิ่งดี ๆ เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน เหมือนกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้นเมื่อเราใช้งานสม่ำเสมอ
เมื่อต้องเผชิญกับความผิดหวัง เป็นเรื่องธรรมชาติที่เราจะรู้สึกเสียใจ ให้เวลาตัวเองเศร้าแต่อย่านานเกินไป อาจกำหนดเวลาไว้ชัดเจน “วันนี้ฉันจะเศร้า แต่พรุ่งนี้ฉันจะเริ่มมองหาประตูบานใหม่”
นึกถึงเฮเลน เคลเลอร์ ที่เผชิญกับประตูที่ปิดมากมาย ทั้งความพิการและอคติในสังคม แต่เธอเลือกมองเห็นโอกาสเสมอ โอกาสในการเรียนรู้ การช่วยเหลือผู้อื่น และการเปลี่ยนแปลงโลก
ในวันจันทร์นี้ ลองมองรอบตัวคุณว่ามี ‘ประตูที่ปิด’ อะไรที่คุณยังจดจ่ออยู่? และมี ‘ประตูที่เปิด’ อะไรที่คุณอาจมองข้ามไป? มันอาจเป็นโอกาสในการเรียนรู้ทักษะใหม่ การสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน หรือการลองทำสิ่งที่แตกต่างจากเดิม
ชีวิตเต็มไปด้วยประตูที่เปิดและปิดตลอดเวลา บางครั้งประตูที่เราคิดว่าจะนำไปสู่ความสุขกลับปิดลง ในขณะที่ประตูที่เราไม่เคยสังเกตกลับเปิดออก และนำไปสู่เส้นทางที่ดีกว่าที่เราคาดไม่ถึง
สวัสดีวันจันทร์ค่ะ
พาฝัน ศรีเริงหล้า