17 ธ.ค. 2561 | 14:29 น.
มีฝันก็จงอย่าหยุดฝัน และนั่นคือสิ่งที่ แคทริโอนา เอลิซา มักนายน เกรย์ (Catriona Elisa Magnayon Gray) สาวงามลูกครึ่งฟิลิปปินส์-ออสเตรเลีย วัย 24 ปี ที่เป็นทั้งพิธีกรรายการโทรทัศน์และนักแสดงคนนี้ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเธอทำได้ตามนั้นในฐานะผู้คว้ามงกุฎนางงามจักรวาลคนที่ 67 และถือเป็นคนที่ 4 ของฟิลิปปินส์ ห่างจากอดีตนางงามจักรวาลรุ่นพี่อย่าง เปีย อาลองโซ วอร์ชบาร์ค (Pia Alonzo Wurtzbach) ที่คว้ามงจากเวทีเดียวกันได้มาแค่ 2 ปี นับเป็นชัยชนะของสาวงามจากฟิลิปปินส์ผู้ซึ่งแฟนๆ นางงามทั่วโลกรู้ดีว่าเธอนั้นมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และไม่ยอมให้ใครหรือสิ่งใดมาดับฝันเธอง่ายๆ หากคุณเป็นแฟนนางงามเวทีใหญ่ๆ ระดับสากล คุณจะเห็นว่าแคทริโอนาเคยผิดหวังมาก่อนจากการเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายบนเวทีประกวดมิสเวิลด์ในปี 2016 ที่สหรัฐอเมริกา แม้พกความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม แต่ก็มิอาจจะคว้ามงกุฎสีฟ้าเทอร์ควอยซ์มาครองได้ แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้เธอย่อท้อ เธอกลับมาพร้อมกับความหวังครั้งใหม่ โดยลงประกวดนางงามระดับชาติอีกครั้งบนเวที Binibining Pilipinas 2018 ซึ่งถือลิขสิทธิ์เฟ้นหาสาวงามตัวแทนของประเทศไปประกวดมิสยูนิเวิร์สหรือนางงามจักรวาล 2018 และเธอก็ทำได้สำเร็จ คว้าตั๋วมาประกวดมิสยูนิเวิร์สครั้งที่ 67 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจัดขึ้นที่อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี เธอรู้ดีว่าการเอาใจแฟนๆ เจ้าภาพเป็นสิ่งที่นางงามมืออาชีพจะต้องทำ และต้องทำให้ได้ด้วย เธอสวมชุดสีเขียวสดที่ช่วงบนได้แรงบันดาลใจจากการสวมสไบของสาวไทยตัดกับกางเกงขาบานสีดำ เดินอวดร่างสูงระหงออกมาทักทายแฟนๆ ทั้งชาวไทยและฟิลิปปินส์ ที่ต่างก็มารอให้กำลังใจเธอกันอย่างล้นหลามที่อาคารผู้โดยสารขาเข้า สนามบินสุวรรณภูมิ กวาดความประทับใจแรกเห็นจากแฟนๆ ไปได้มากโข ก่อนหน้านั้น เธอเคยเดินทางมายังเมืองไทย ทำงานในฐานะนางแบบและท่องเที่ยวไปตามภูมิภาคต่างๆ เก็บเรื่องราวและประสบการณ์ไว้มากมาย โดยส่วนหนึ่งของการเดินทางมาเมืองไทยครั้งล่าสุดก่อนการประกวดในครั้งนี้ เธอพร้อมทีมงานเพื่อนร่วมทางได้เตรียมการต่างๆ ถ่ายทำวีทีอาร์ และบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์การเดินทางให้แฟนๆ ที่ติดตามชมเธอผ่านพื้นที่ออนไลน์ส่วนตัวได้เข้ามากดไลค์ กดแชร์เรื่องราวที่เธอนำเสนอ ทั้งภาพของวัดวาอารามที่เธอไปกราบนมัสการ สถานที่ท่องเที่ยวที่เธอไปสัมผัส และอัธยาศัยไมตรีของคนไทย รวมทั้งอาหารการกินที่เธอไปลิ้มลองมา ซึ่งเธอบอกว่าเธอโปรดมะม่วงดิบจิ้มพริกเกลือและน้ำปลาหวานเป็นที่สุด ความเอาใจใส่ในรายละเอียดของแคทรินา เล่นเอาบรรดาแฟนๆ กล่าวชื่นชมกันเป็นอย่างมากว่าเป็นนางงามที่รู้จักทำการบ้านและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี สะท้อนให้เห็นว่าตัวเธอนั้น “กระหายมงมิกิโมโตะ” เพียงใด อีกทั้งระหว่างการเก็บตัวทั้งที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ หรือที่พัทยา ทั้งที่เกาะล้าน ปราสาทสัจธรรม มารีนา โอเชี่ยน ยอชท์ คลับ และสวนนงนุช แคทริโอนาก็แสดงให้เห็นว่าเธอนั้นพร้อมทุกวัน เธอให้สัมภาษณ์สื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างคล่องแคล่ว พร้อมโชว์ความสามารถพิเศษด้านการขับร้องที่มีใบปริญญาโทการันตีมาแล้วจากสหรัฐอเมริกา ทั้งยังแสดงทัศนะเกี่ยวกับเรื่องการใช้ชีวิตในโชเชียลมีเดียได้อย่างแหลมคม เมื่อครั้งที่เธอเคยถูกตัดสินคุณค่าผ่านสังคมออนไลน์ แคทริโอนาส่งเสียงของเธอไปยังเด็กผู้หญิงทั่วโลกว่า ฉันเองก็มีชีวิตช่วงหนึ่งที่ฝากเอาไว้กับโซเชียลมีเดีย ทำไมคนเราต้องเอาชีวิตไปแขวนไว้กับการกดไลค์ในโลกอินเตอร์เน็ต แล้วตัดสินค่าด้วยคำพูดจากคนที่เราไม่รู้จักด้วย ต่อมาฉันก็เรียนรู้ว่าความมั่นใจคือสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเองได้ รู้ว่าตัวเราคือใครและไม่ยอมให้คอมเมนต์หรือคำวิจารณ์ที่ไม่สร้างสรรค์มาทำร้ายตัวเอง” นอกจากนี้ เธอบอกว่าคนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนางงามจักรวาลต้องเป็นผู้หญิงที่ผู้คนเข้าถึงได้ หาใช่ผู้หญิงที่สูงส่งหรือไกลเกินเอื้อม และนางงามจะมีพลังสูงสุดก็ต่อเมื่อแสดงให้เห็นว่า นางงามเองก็เป็นมนุษย์และมีมุมเปราะบาง ไม่ได้สมบูรณ์แบบ และคนอื่นๆ ก็สามารถเข้าถึงจับต้องได้ และเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ กระแสของแคทริโอนา เกรย์ กลับมาเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ในกลุ่มแฟนพันธุ์แท้นางงามจักรวาลทั่วโลกอีกครั้ง ในคืนรอบคัดเลือกหรือ Preliminary Round ที่เธอวาดลวดลายบนรันเวย์รูปตัว X ที่ได้รับการออกแบบให้เป็นเวทีระดับโลกไม่แพ้เวทีซูเปอร์โบว์ล คืนนั้น แคทริโอนามีท่วงท่าการเดินในรอบชุดว่ายน้ำที่ทำเอาใครหลายๆ คนอ้าปากค้างกับการหมุนตัวแบบ สโลว์เทิร์น (Slow Turn) หรือ ลาวา เทิร์น (Lava Turn) ซึ่งเป็นท่าหมุนตัวอย่างช้าแล้วค่อยเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นที่เธอฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดี สอดรับกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย การปลิวสยายของเส้นผม และดวงหน้าที่เย้ายวนและยิ้มแย้มทั้งกับผู้ชมในงาน และกล้องที่คอยจับจ้องทุกวินาทีที่นางงามเยื้องย่าง จนกลายเป็นสิ่งที่ถูกแชร์แพร่ต่อกันไปในโชเชียลมีเดีย เรียกได้ว่าแฟนนางงามได้ใจในความ “ปั๊ว” ของเธอในคืนนั้นมากๆ ทำให้เธอก้าวขึ้นสู่ฐานะตัวเต็งได้ในทันทีหลังจากที่ปล่อยหมัดเด็ดนี้ออกไป "การโพสต์ท่า" คือความพิเศษอย่างหนึ่งที่นางงามฟิลิปปินส์อย่างเธอและรุ่นพี่มี และเตรียมพร้อมกันมาเป็นอย่างดี นางงามฟิลิปปินส์จะมาพร้อมกับสิ่งที่เรียกได้ว่า "ซิกเนเจอร์ โพสต์" ซึ่งเป็นเอกลักษณ์มากๆ อาทิท่ากวางเหลียวหลัง ของเปีย อลองโซ วูร์ทซบาค นางงามจักรวาลปี 2015 หรือท่า Cobra Walk ของจานีน โตกุนน (Janine Tugonon) รองอันดับหนึ่ง นางงามจักรวาลปี 2012 ซึ่งนี่ก็เป็นอีกครั้งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า แคทริโอนา หรือที่แฟนๆ ชาวไทยเรียกเธอกันอย่างน่ารักๆ ว่า “น้องแมวเทา” ก็ทำการบ้านมาและทำได้ดีไม่น้อยกว่ารุ่นพี่เลย ในการประกวดรอบตัดสินที่มีขึ้นเมื่อเช้านี้ซึ่งถ่ายทอดสดให้คนทั้งโลกได้รับชมกันผ่านหลายช่องทาง ทั้งสื่อหลักอย่าง Fox และแพล็ตฟอร์มของ www.missuniverse.com และสถานีโทรทัศน์พีพีทีวี เอชดี ช่อง 36 แคทริโอนา เกรย์ ก็ยังทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถทะลุเข้ารอบ 20 คนสุดท้ายที่ถูกจัดให้อยู่กลุ่มเดียวกันกับสาวงามจากเอเซียแปซิฟิกและแอฟริกา และลอยลำเข้ารอบ 5 คนสุดท้าย แคทริโอนาได้รับคำถามเกี่ยวกับการใช้กัญชาในเชิงการแพทย์ โดยเธอตอบว่า “การใช้สิ่งนี้ รวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่ ควรเป็นไปแบบเหมาะสมและพอดี ไม่ให้มากจนเกินไป” ซึ่งนี่ก็ดีพอที่จะทำให้เธอเข้าไปยืนรอรอบตอบคำถาม รอบ 3 คนสุดท้าย พร้อมกับแทมมารีน กรีน (Tamaryn Green) สาวงามจากแอฟริกาใต้ และ สเตฟานี กูติเยเรซ (Stefany Gutierrez) จากเวเนซูเอลา คำถามฟาดมงที่สาวงามทั้ง 3 คนต้องเจอในรอบสุดท้ายคือ อะไรคือบทเรียนที่สำคัญที่สุดที่เธอได้เรียนรู้มาจากช่วงเวลาที่ผ่านมา และจะนำสิ่งนั้นมาใช้กับการดำรงตำแหน่งนางงามจักรวาลได้อย่างไร ซึ่งแคทริโอนาตอบว่า “เด็กๆในชุมชนแออัดโตนโดในมะนิลานั้นได้สอนให้เธอรู้จักความงามของเด็กๆ และรู้สึกขอบคุณกับการเรียนรู้นั้น” น่าจะเป็นคำตอบนี้นี่เองที่กินใจคณะกรรมการ ซึ่งหนึ่งในนั้นมี ปุ๋ย-พรทิพย์ นาคหิรัญกนก อดีตนางงามจักรวาลปี 1988 ที่เป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในแวดวงธุรกิจและอุตสาหกรรมความบันเทิงระดับโลก ลงคะแนนให้เธอเป็นผู้สวมมงกุฎมิกิโมโตะ ครองตำแหน่งนางงามจักรวาลคนที่ 67 ไปได้ในที่สุด ส่วนตัวแทนประเทศไทย นิ้ง-โสภิดา กาญจนรินทร์ ทำผลงานได้ดีเช่นกัน โดยการเข้ารอบ 10 สุดท้าย พร้อมกับการอวดโฉมในชุดราตรีสีแดงประกายแสดบนเวทีในครั้งนี้ เรื่อง : Tong Duangkong Aroyosmith ภาพประกอบเว็บไซต์ : https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fbit.ly%2F2BnBXny%3Ffbclid%3DIwAR2SsO2uruosQo-BMZs5kRvWqo2sBnxAm8nahRJ5ILxF8ZjAxDqcoMUHQqw&h=AT2tQB0Reql4EAL_C3TKE5mSI70MvX8N09bYhMnulXrxWPmW2ZwTVpFm-IuMA4Sq2J7hdxoDCbvTxJv2TxZAmyCDX_i5KCJpgTdh0vY7NQHIGLmGgRJfi0zJcT0rufQnDUI