13 ม.ค. 2564 | 18:09 น.
“โลกนี้สงบสุขแล้ว ไม่จำเป็นต้องฝึกวิชาอีกต่อไป! ยุคต่อไปเป็นยุคของการศึกษาแล้ว (สำนวนแปลไทยจากสำนักพิมพ์ NED)” โกคูถ่ายทอดคำพูดของจีจี้ให้พวกคุริลิน, บุลม่า และผู้เฒ่าเต่าฟัง และบ่นว่าจีจี้ไม่ยอมให้สอนวิทยายุทธให้ลูกเลย แน่นอน เรากำลังพูดถึง ซง โกฮัง พระเอกอีกคน (?) ของเรื่อง Dragon Ball ที่มีความสามารถแฝงสูงกว่าตัวละครตัวใดในเรื่อง แต่กลับเลือกทางเดินแห่งวิชาการ ทำให้ไม่ค่อยมีผลงานเด่น ๆ ให้แฟน ๆ ได้เต็มอิ่มกันเลยตั้งแต่หลังศึกเซลล์เกมเป็นต้นมา เป็นที่น่าฉงนสนเท่ห์อยู่ไม่น้อย ว่าทำไมคนที่มีพลังแฝงสูงที่สุดในเรื่อง กลับเลือกทางเดินแบบนี้ (นัปปะเคยพูดไว้เป็นคนแรก ตอนที่คุยกับเบจิต้า ว่าโกฮังที่เป็นเลือดผสมอาจเป็นซูเปอร์ไซย่าก็ได้) ต้องอย่าลืมว่าตั้งแต่เกิดจนถึงอายุ 4 ขวบ โกฮังไม่เคยมีโอกาสได้ฝึกวิทยายุทธ อีกทั้งไม่ได้เจอเพื่อนของโกคูเลยแม้แต่คนเดียว เปิดตัวโกฮังฉากแรกคืออายุ 4 ขวบแล้ว โกคูเพิ่งพามาเจอคุริลิน, บุลม่า และผู้เฒ่าเต่าเป็นครั้งแรก ดังนั้นชีวิตของโกฮังตั้งแต่เกิดจนถึง 4 ขวบก็รับการอบรมจากจีจี้ซึ่งเป็นลักษณะของ ‘อัดฉีดการศึกษา’ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่โกฮังจะพูดอยู่หลายครั้งว่า “ผมอยากเป็นนักวิชาการ” เพราะตั้งแต่จำความได้ก็มีแต่การศึกษาเท่านั้นแวดล้อมตัวเอง ในโลกแห่งความจริงนั้น อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุประมาณ 4 ขวบยังจัดเป็น Critical Period ที่สิ่งมีชีวิตจะใช้ในการพัฒนาประสาทสัมผัส, การเรียนรู้, การพัฒนาตัวตนของตัวเองอีกด้วย โกฮังจึงใช้ Critical Period ทั้งหมดไปกับ “การศึกษาล้วน ๆ” จนฝังลงไปในจิตใต้สำนึกก็ว่าได้ เวลาที่โกฮังได้สัมผัสกับการต่อสู้จริง ๆ จัดว่าสั้นมาก ได้ฝึกวิชากับพิคโกโล่เพียงปีเดียว (ช่วง 4-5 ขวบ) ก่อนสู้กับเบจิต้าและนัปปะ, แล้วตกกระไดพลอยโจนไปดาวนาเม็กจนกลับมาโลก จากนั้นได้ฝึกวิชาอีก 3 ปี (ช่วง 6-9 ขวบ) ก่อนเจอมนุษย์จักรกลแล้วก็ลากยาวจนจบเซลล์เกม ระหว่างนี้ได้เข้าไปฝึกวิชาในห้องกาลเวลาที่เวลา 1 ปีในห้องเท่ากับแค่ 1 วันบนโลกมนุษย์ ทำให้นับอายุของโกฮังลำบากมากเพราะไม่รู้จะนับอายุขัยจริงหรือนับเวลาของโลกแห่งความจริงกันแน่ จนจบเซลล์เกมโกฮังอายุประมาณ 10-11 ขวบ แล้วจากนั้นก็สงบสุขยาว ๆ จนปรากฏตัวอีกทีโกฮังก็อายุ 16 ย่าง 17 แล้วถึงจะเจอศึกจอมมารบู รวมเวลาชีวิตแล้วโกฮังได้สัมผัสกับการต่อสู้จริง ๆ เพียง 5-6 ปีเท่านั้นเอง ซึ่งต่างจากพ่ออย่างโกคูมากที่จำความได้ก็เอาแต่สู้ ๆ ๆ มาตลอดชีวิต โดยไม่ทำมาหากินอะไรอย่างอื่นอีก ในโลกแห่งความจริงนั้น ช่วงเวลาอายุ 13-19 ของมนุษย์ก็จัดเป็นอีกช่วงหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน ตามทฤษฎีพัฒนาการทางจิตสังคมของ Erikson (Erikson` s theory of Psychosocial Development) นั้น ช่วงอายุที่เรียกว่า Teenage (ช่วงอายุที่ลงด้วยคำว่า -teen คือ อายุ 13-19) เป็นช่วงที่วัยรุ่นจะพัฒนาอัตลักษณ์ (Identity) ของตัวเองขึ้น โกฮังใช้เวลาเกินครึ่งของช่วง teenage นี้ไปกับการศึกษาและความสงบสุข จนอายุ 16 ย่าง 17 ถึงจะมีเหตุให้ต้องกลับมาต่อสู้อีกครั้ง จึงไม่น่าแปลกใจที่โกฮังจะพยายามเลือกทางเดินที่จะ ‘ไม่ต่อสู้’ อยู่เสมอ เพราะทั้งจิตใต้สำนึกตอนเด็ก และอัตลักษณ์ที่ตัวเองพัฒนาขึ้น ล้วนเป็นเรื่องของความสงบสุขและการศึกษาเท่านั้น ตัวตนของโกฮังนั้นคือชาวโลก โกฮังจึงพยายามใช้ชีวิตปกติแบบชาวโลก เรียนหนังสือ มีแฟนระหว่างเรียน เรียนจบก็หางานทำ อุทิศตัวเพื่อวงวิชาการ เพียงเท่านี้เองที่โกฮังต้องการ เลือดชาวไซย่าอีกครึ่งหนึ่งในตัวนั้นโกฮังฝังมันลงไปส่วนลึกมานานแล้ว และจะถูกปลุกขึ้นมาต่อเมื่อโกรธ หรือ ถูกท่านไคโอชิน 15 รุ่นก่อนปลุกพลังแฝงขึ้นมาเท่านั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่โกฮังพยายามจะแปลงร่างเป็นเกรทไซย่าแมนเวลาออกปฏิบัติการ เพราะต้องการ ‘อะไรบางอย่าง’ เพื่อมาแยกแยะตัวตนของความเป็นชาวโลก และความเป็นชาวไซย่า ออกจากกัน ลักษณะออกแนวซูเปอร์ฮีโร มากกว่าแนวเป็นนักรบ Z แบบที่เคย แถมยังอาจจะได้รับอิทธิพลด้านลบจากหน่วยรบกีนิว ทำให้โกฮังรู้สึกว่าการโพสต์ท่าแนวหน่วยรบกีนิวนั้นมันช่างเท่เสียเหลือเกิน แต่เรตติงจากแฟน ๆ น่าจะไม่ดีนัก โทะริยะมะจึงตัดบทของเกรทไซย่าแมนทิ้งไปหลังจากนั้นไม่นาน อีกทั้งเรตติงของโกฮังในช่วงนี้น่าจะค่อนข้างแย่ ในที่สุดจึงต้องกลายเป็นว่าโกคูกลับมารับบทพระเอกอีกครั้ง และโกคูกับเบจิต้าจึงกลายเป็นเดอะแบกของเรื่องนี้ไปตลอดจนกระทั่งจบภาค Super ไปเลย ในญี่ปุ่นเอง กระทั่งยุคปัจจุบัน ก็ยังมีวิชาชีพที่เรียกว่า “อาชีพนักสู้” อยู่จริง เช่น อาชีพนักคาราเต้, นักยูโด, นัก Kick boxing, นักสู้ MMA, หรือนักสู้แขนงอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งหลายคนก็มีสำนักหรือมีโรงฝึกของตัวเอง และเมื่อมีลูกก็มักจะบังคับให้ลูกฝึกวิทยายุทธอย่างเข้มงวด เพราะคาดหวังให้ลูกสืบทอดวิชาของสำนักตัวเอง และมักจะมีปัญหาทะเลาะกับลูก เพราะลูกไม่อยากฝึก ลูกไม่อยากสืบทอดกิจการของพ่อ ลูกอยากเลือกทางเดินของตัวเองบ้าง ลักษณะของโกฮังในเรื่องจึงมีภาพของโลกแห่งความจริงแฝงอยู่ (ไม่ว่าโทะริยะมะจะจงใจหรือใส่ลงไปจากจิตสำนึกของตัวเองแบบไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ) ตั้งแต่โกฮังได้รับการปลุกพลังแฝงจากท่านไคโอชิน 15 รุ่นก่อน โกฮังจึงไม่ค่อยจำเป็นต้องแปลงร่างเป็นผมสีทองอีกเลย ดังนั้นในภาค Super ตอนศึกสุดท้ายระหว่างจักรวาล โกฮังจึงตัดสินใจจะไม่แปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่าอีก เพราะ ‘ต้องการสู้ในฐานะเป็นชาวโลก’ มากกว่า โกฮังจึงฝึกวิชาเพื่อฟื้นฟูพลังของร่างอัลติเมทแทน และไม่ใช้ร่างผมสีทองอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียวจนกระทั่งจบภาค Super หากเปรียบสายเลือดของชาวไซย่าว่าเป็นนักสู้ผู้กระหายสงคราม สายเลือดชาวโลกก็เป็นสายเลือดของผู้ใฝ่หาความสงบสุขและชีวิตที่เป็นปกติสามัญ แม้ว่าจะถูกแฟน ๆ ด่าทอว่ากากเดน, ห่วย อย่างไรก็ตาม โกฮังก็น่าจะมีความสุขกับวิถีชีวิตอันสงบสุขแบบชาวโลก มากกว่าชีวิตที่ตื่นเต้นกับการต่อสู้แบบชาวไซย่าอย่างที่พ่อของตัวเองใช้มาตลอดชีวิตเป็นแน่ ถึงจะไม่แข็งแกร่งที่สุด แต่ก็สุขใจที่ได้เลือกทางเดินของตัวเอง โดยที่พ่อไม่บังคับ จึงเป็นความสุขที่แท้จริง I made my own life!!