ต้นสน กัญชา และช่วงเวลาที่แสนดี ที่มาของ ‘Somewhere’ ใน ‘Somewhere Only We Know’ เพลงฮิตของ Keane

ต้นสน กัญชา และช่วงเวลาที่แสนดี ที่มาของ ‘Somewhere’ ใน ‘Somewhere Only We Know’ เพลงฮิตของ Keane

ต้นสน กัญชา และช่วงเวลาที่แสนดี ที่มาของ ‘Somewhere’ ใน ‘Somewhere Only We Know’ เพลงฮิตของ Keane

/ I walked across an empty land I knew the pathway like the back of my hand /   รูปถ่ายหนึ่งรูป (หรือหลายรูป) ยังนอนนิ่งอยู่ที่ไหนสักแห่งในวันที่เราล้วนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เช่นเดียวกับความทรงจำในรูปถ่ายที่ล้วนตกตะกอนอยู่ภายในลิ้นชักความทรงจำและถูกทับด้วยเรื่องราวใหม่ ๆ ที่พอกพูนขึ้นตามประสบการณ์ชีวิต หากเมื่อถูกสะกิดด้วยภาพโพลารอยด์สักใบ คำพูดสักหนึ่งคำ สถานที่สักแห่งหน หรือบทเพลงสักหนึ่งเพลง เรื่องราวเหล่านั้นก็ราวกับถูกปลุกให้มีชีวิตขึ้นอีกครั้ง และกำลังเชิญชวนให้เราเข้าไปสัมผัส สำหรับใครหลาย ๆ คน บทเพลง ‘Somewhere Only We Know’ เป็นเพลงแบบนั้น – เพลงที่เปิดฟังครั้งใดก็ราวจะย้อนช่วงเวลาแห่งวันวานให้กลับมาเต้นรำตรงหน้า ท่ามกลางเมโลดี้ไพเราะของเปียโนที่เหมาะเจาะกับเสียงร้องเปี่ยมอารมณ์และเนื้อเพลงเหมือนถ้อยโคลงจากนิทานภาพสำหรับเด็ก คำ ‘Somewhere’ ภายในเพลงนี้ทำให้เราหวนนึกถึงสถานที่และบรรยากาศที่เคยคุ้นแต่ตอนนี้ห่างหาย และปรารถนาอย่างจริงใจที่จะกลับไปยัง ‘ที่แห่งนั้น’ อีกสักครั้ง ไม่เพียงแต่สำหรับคนฟังจากทั่วโลกเท่านั้น แม้แต่ศิลปินทั้ง 3 คนจากวง Keane เอง บทเพลงนี้ก็เป็นเพลงสำคัญสำหรับพวกเขา ที่ไม่ว่าจะหยิบมาร้องหรือเล่นครั้งใด ก็คล้ายกับจะย้อนความสุขในวัยเยาว์ก่อนหน้าที่จะกลายเป็นวงดังให้คืนกลับมาเหมือนเคยทุกครั้งไป   กลับไปที่จุดเริ่มต้น “ผู้คนตีความความหมายของเพลง ‘Somewhere Only We Know’ ไว้ต่างกันมากมาย แต่สำหรับผมเพลงนี้หมายถึงช่วงวัยแรกรุ่นที่เรา (สมาชิกวง Keane) ได้นั่งบนพื้นด้วยกันและสูบกัญชา ผมนึกถึงสถานที่นั้นทุกครั้งที่เปล่งเสียงร้องมัน” ท่ามกลางเสียงเปียโนที่เล่นวนด้วยเมโลดี้คุ้นหู ‘ทอม แชปลิน’ (Tom Chaplin) คือนักร้องนำที่ใช้เสียงนุ่ม ๆ ของเขาร้องเพลง ‘Somewhere Only We Know’ รอบแล้วรอบเล่ามาตั้งแต่วันที่เพลงนี้ถูกเผยแพร่ให้โลกได้ฟังพร้อมอัลบั้ม ‘Hopes and Fears’ เมื่อปี 2004 โดยที่ภายในใจของนักร้องนำคนนี้กำลังนึกถึงภาพความสุขในอดีต - บนสนามหญ้าในหมู่บ้านเล็ก ๆ ในอีสต์ซัสเซกซ์ ประเทศอังกฤษ สมาชิกวง Keane ที่ล้วนเป็นเพื่อนสมัยเด็กของกันและกันกำลังนั่งพ่นควันปุ๋ย พูดคุย และปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับช่วงเวลาแสนสุขอันยากจะลืมเลือน วัยเด็กของสมาชิกวง Keane นั้นเติบโตมาอย่างเรียบง่ายในแบตเทิล เมืองเล็ก ๆ ที่เงียบสงบ หากชีวิตบนเส้นทางดนตรีของพวกเขาได้มาบรรจบกันเมื่อเพิ่งผลัดใบจากวัยเด็กและย่างเข้าวัยรุ่นตอนต้น ภายในรั้วโรงเรียนทอนบริดจ์ เมืองเคนต์ ทิม ไรซ์-ออกซ์ลีย์ (Tim Rice-Oxley) มือเบส และ ริชาร์ด ฮิวจ์ส (Richard Hughes) มือกลอง เริ่มมองหาสมาชิกสำหรับก่อตั้งวง พวกเขาได้ชักชวน โดมินิค สก็อตต์ (Dominic Scott) เพื่อนชาวไอริชให้เข้าร่วมในฐานะมือกีตาร์ พร้อมกับรอคอยจนกว่า ทอม แชปลิน ที่เด็กกว่าพวกเขาสามปีจะพร้อม และยกตำแหน่งนักร้องนำให้เขา ในวัยเยาว์ที่สุ้มเสียงเพิ่งแตกหนุ่มอย่างนั้นเองที่วงดนตรี ‘Lotus Eaters’ ค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่าง พร้อมกับมิตรภาพในวันวานของเด็กหนุ่มทั้งสี่คนที่แน่นแฟ้นขึ้นทุกขณะ เริ่มต้นด้วยการเป็นวงดนตรี cover และขึ้นโชว์ในงานโรงเรียนเพื่อสั่งสมประสบการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาเปลี่ยนชื่อวงเป็น ‘Keane’ และเมื่อสำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมฯ ปี 1999 วงดนตรีวงนี้ก็เริ่มออกเดินทางจากเมืองเคนต์ มุ่งหน้าสู่มหานครลอนดอนเพื่อหวังให้ค่ายเพลงสักค่ายสนใจในตัวพวกเขา และลงท้ายด้วยการเซ็นสัญญา

 

ผลัดใบด้วยเสียงเปียโน ความฝันของ Keane พังลงครั้งแล้วครั้งเล่าหลังจากวันนั้น แม้ว่ายังพอจะหาเวทีสำหรับขึ้นแสดงแลกเงินประทังชีวิตได้บ้าง แต่กลับไม่มีค่ายเพลงค่ายไหนสนใจรับพวกเขาเข้าอ้อมกอดอย่างที่หวัง หลังจากผ่านไปสองปี โดมินิคก็ถอดใจ เขาถอนตัวออกจากวงและทิ้ง Keane ให้กลายเป็นวงบริตป็อปไร้กีตาร์ ท่ามกลางความรู้สึกว่า ‘ทุกอย่างกำลังจะจบเห่’ ที่รัวกระหน่ำในจิตใจสมาชิกที่เหลือ จุดเปลี่ยนครั้งนั้นนั่นเองที่ทำให้ Keane กลายเป็น Keane อย่างที่เราได้เห็นและได้ฟังในทุกวันนี้   / So tell me when you're gonna let me in I'm getting tired and I need somewhere to begin /   หลังการจากไปของโดมินิค ทิมก็ตัดสินใจแขวนเบสเข้ากับผนัง แล้วหันหน้าเข้าหาคีย์บอร์ดและเปียโนเพื่อบรรเลงเมโลดี้ในส่วนที่ขาด กลายเป็นต้นกำเนิดวงดนตรีที่ขับเคลื่อนด้วยเปียโนอย่างเช่นปัจจุบัน “ผมไม่เคยเล่นเบสเก่งอยู่แล้ว และก็พบว่าตัวเองเล่นเปียโนเก่งกว่ามาก (ทิมเคยฝึกคลาสสิกเปียโนจนเล่นได้ช่ำชอง และเมื่อรู้สึกเบื่อเขาก็ย้ายไปเล่นคีย์บอร์ด) ผมกับทอมมักจะขึ้นเวทีสองคนบ่อย ๆ และค่อย ๆ เลียแผลจากความผิดหวังให้กัน ท้ายที่สุดเราก็ไม่มีเงินพอจะอยู่ในลอนดอนอีกต่อไป เราระหกระเหินกลับแบตเทิล ใช้บ้านพ่อกับแม่ของผมเป็นสตูดิโอ” ท่ามกลางความผิดหวังที่รุมเร้าและเปียโนตัวเก่าที่บ้าน ทิมนั่งลงหน้าเครื่องดนตรีชิ้นหากินของเขา ประดับมือเข้ากับคีย์ ในหัวมีเสียงดนตรีบางส่วนเสี้ยวจากเพลง ‘Heroes’ ของเดวิด โบวี เป็นจุดเริ่มต้น เขาใช้เสียงเปียโนต่างริทึมกีตาร์ และเริ่มร้อยเรียงท่วงทำนองทั้งหมดออกมาจากภาพหนึ่งภาพในความทรงจำ “เพลงนี้เกี่ยวกับการมีผู้คนให้พักพิง ผมเห็นภาพสถานที่หนึ่งแบบราง ๆ เป็นที่ในซัสเซกซ์ที่เราเคยไปบ่อย ๆ ตอนเด็ก ที่นั่นมีต้นสนที่กำลังผลัดใบ ดูคล้ายสถานที่สำหรับหลบหนีความจริงสำหรับวงดนตรีที่ล้มเหลวอย่างเรา ก่อนหน้านั้นไม่นาน ริชาร์ดส่งภาพหนึ่งมาให้ผมดู เป็นภาพที่เราสามคนเคยถ่ายด้วยกันที่นั่น ตอนนั้นเราน่าจะอายุสัก 11 ปี ผมคิดว่าจิตใต้สำนึกของผมคงนึกถึงรูปใบนั้นตอนที่เขียน ‘Somewhere Only We Know’”   / I came across a fallen tree I felt the branches of it looking at me Is this the place we used to love? Is this the place that I’ve been dreaming of? /   Somewhere สำหรับทุกคน หลังจากทิมร้อยเรียงจนได้เนื้อร้องและเปียโนทั้งหมด เขาเล่นเพลงเพลงนี้ให้ริชาร์ดฟัง ท่ามกลางคำว่า ‘นี่มันเยี่ยมไปเลย’ ที่มือกลองประจำวงพูด เขาก็ได้เสียงกลองเข้ามาเพิ่มในเพลงจนครบถ้วน ผนวกกับการถ่ายทอดเนื้อร้องด้วยเสียงของทอม และการอัดเสียงเบสด้วยคอมพิวเตอร์ เดโมเพลง ‘Somewhere Only We Know’ ก็พร้อมแล้วสำหรับการบรรจุซองและส่งไปยังค่ายเพลง แม้จะถูกเมินเฉยและเงียบหายจากค่ายเพลงแรกที่พวกเขาส่งเดโมไป แต่ท้ายที่สุด ปี 2003 พวกเขาก็ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงอย่าง ‘Island Records’ และปล่อยอัลบั้ม ‘Hopes and Fears’ ในปีถัดมา บทเพลง ‘Somewhere Only We Know’ กลายเป็นเพลงฮิตทั้งสองฟากของแอตแลนติก - ทั้งในอังกฤษและอเมริกา พาให้ Keane ได้รับรางวัลจากเวที Brit Awards ถึงสองรางวัล คือ Best British Breakthrough Artist และ Best British Album นอกจากนั้นเพลงนี้ก็ยังเป็นเพลงจาก Keane ที่ยังคงขึ้นแท่นเพลงโปรดของผู้คนมาจนถึงปัจจุบัน เช่นเดียวกับคำพูดของทอมที่เราได้ยกมากล่าวไว้ในช่วงต้นของบทความ แม้สำหรับทิมเพลงนี้จะทำให้เขานึกถึงต้นสนที่กำลังผลัดใบและรูปถ่ายที่ริชาร์ดส่งให้ดู หากสำหรับทอม เพลงนี้ได้พาเขาย้อนเวลาไปยังอีกสถานที่ - สนามในหมู่บ้าน และการแอบพ่อแม่ที่ออกไปทำงานสูบกัญชา สำหรับผู้คนบนโลกทั้งใบที่ได้ฟังเพลง ‘Somewhere Only We Know’ ก็คงจะมี ‘Somewhere’ ที่แตกต่างกันไป และมีเรื่องราวภายใต้บทเพลงที่ลึกซึ้งและละเอียดอ่อนไปคนละรูปแบบกัน “ในฐานะคนวัยหนุ่ม เราไม่ได้คุยเรื่องความรู้สึกกันมากนัก เพราะงั้นมันเลยออกมาผ่านเสียงเพลงเสียมากกว่า ผมเคยถามทิมเสมอว่าแต่ละเพลงที่เขาแต่งมีที่มาจากอะไร ถ้าเขาเขียนเพลงอกหัก ผมก็รู้จักคนที่หักอกเขา ไม่ว่าจะเป็นแฟนเก่าหรือใครก็ตาม “มีการตีความมากมายในอินเทอร์เน็ตว่า ‘Somewhere Only We Know’ เป็นเพลงเกี่ยวกับอะไร สำหรับผมนะ มันเกี่ยวกับสถานที่ที่เราโตมาอย่างสงบและเรียบง่าย - พ่อกับแม่ไปทำงานแล้วเราก็นั่งลงกับพื้น สูบกัญชาแล้วก็ไปเที่ยวกัน มันเล่าถึงความเป็นเพื่อนของเราและการเติบโตของเราในฐานะ ‘Keane’ น่ะ” นักร้องวง Keane ให้สัมภาษณ์กับ The Guardian แล้ว ‘Somewhere’ สำหรับคุณล่ะ ย้อนวันวานพาคุณไปยังสถานที่แห่งใด?   / And if you have a minute, why don’t we go Talk about it somewhere only we know? This could be the end of everything So why don’t we go somewhere only we know? /   ที่มา: https://www.theguardian.com/culture/2019/sep/17/how-we-made-keane-somewhere-only-we-know-tom-chaplin-time-rice-oxley https://www.vice.com/en/article/59nd8n/keanes-hit-somewhere-only-we-know-is-apparently-about-smoking-weed https://www.allmusic.com/artist/keane-mn0000857621/biography (Photo by Brian Aris/Live 8 via Getty Images)