09 ธ.ค. 2564 | 14:18 น.
อีดิธ ปิยัฟ เสียงสวรรค์แห่งปารีส เจ้าของบทเพลง ‘La Vie En Rose’ ที่ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนดั่งชื่อเพลง แม้จะไม่ได้ฟังเพลง ‘La Vie En Rose’ เพลงดังของ ‘อีดิธ ปิยัฟ’ (Édith Piaf) นักร้องเจ้าของฉายา ‘นกกระจอกน้อย’ และ ‘สมบัติแห่งกรุงปารีส’ มานาน แต่เมื่อเนื้อเพลง La Vie En Rose ดังเข้ามาในหู เรื่องราวชีวิตของเธอที่เคยถูกถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์ชีวประวัติในชื่อเดียวกับเพลงก็แวบขึ้นมาในความทรงจำด้วย La Vie En Rose หมายถึง ชีวิตสีชมพู แต่หากจะแปลด้วยสำนวนภาษาไทยที่ใกล้เคียงคงจะเป็นชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เรื่องน่าเศร้าสำหรับอีดิธ ปิยัฟ ผู้เป็นเจ้าของเพลง คือชีวิตของเธอกลับไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบเหมือนดั่งชื่อเพลงและชื่อภาพยนตร์
อีดิธ ปิยัฟ เป็นหญิงสาวที่มีพลังเสียงและเนื้อเสียงเป็นเอกลักษณ์จนส่งให้เธอกลายเป็นนักร้องที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในช่วงปลายยุค 1930s เธอคือนักร้องชาวฝรั่งเศสที่ได้เจอแมวมองจากการร้องเพลงแลกเงินอย่างวณิพกริมถนน ซึ่งก่อนหน้านั้น อีดิธถูกแม่ทอดทิ้ง เพราะผู้เป็นแม่ต้องการไปตามหาความฝันในการเป็นศิลปิน เมื่ออีดิธได้เจอพ่อ เธอก็ถูกส่งไปให้หญิงสาวในสถานขายบริการเลี้ยงดู กระทั่งเมื่อเธอเริ่มมีชื่อเสียง ผู้มีพระคุณของเธอก็ถูกฆ่าตาย แถมตอนที่มีความรัก คนรักของเธอก็ดันมีเจ้าของอยู่แล้ว ทั้งยังจากไปก่อนวัยอันควรด้วยเหตุเครื่องบินตก บั้นปลายชีวิตของอีดิธจบลงด้วยความทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็งตับ แต่ความเจ็บปวดที่เธอได้รับถึงขั้นฉีดยาวันละหลายเข็มก็ไม่อาจต้านทานแรงใจที่พยายามฝืนตัวเองร้องเพลงได้ “วันที่ฉันหยุดร้องเพลงคือวันที่ฉันตาย” อีดิธฉบับภาพยนตร์ นำแสดงโดย ‘มารียง กอตียาร์’ (Marion Cotillard) ได้กล่าวไว้ ซึ่งเสียงของเธอก็วิเศษพอจะทำให้ทุกคนรอชม และมันก็วิเศษพอจะได้รับการยกย่องให้เป็น ‘สมบัติของชาติ’ ด้วยเช่นเดียวกัน “ฉันไม่ได้เห็นปารีสมานานหลายปี แต่คืนนี้ที่เธอร้องเพลง เหมือนฉันได้อยู่บนถนน ใต้ท้องฟ้า เสียงของเธอคือจิตวิญญาณของปารีส” ‘มาร์เลเนอ ดีทริช’ (Marlene Dietrich) นักแสดงชาวเยอรมัน-อเมริกัน ที่ในชีวิตจริงเคยเป็นเพื่อนสนิทของอีดิธได้กล่าวไว้ในภาพยนตร์ มาร์เลเนอเป็นสาวผมบลอนด์ผู้มีดวงหน้างดงามจนได้รับฉายาเทพธิดาเดินดิน ซึ่งตัวเธอเองเคยมีข่าวเรื่องความสัมพันธ์ที่พิเศษบางอย่างกับอีดิธด้วย แต่ก่อนจะไปลงลึกถึงเรื่องราวในวัยสาวของอีดิธ ปิยัฟ เรามาดูจุดเริ่มต้นของเจ้านกกระจอกน้อยกันก่อน โดยในบทความชิ้นนี้จะมีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์อัตชีวประวัติ La Vie En Rose (2007) ไปพร้อมกัน
‘อีดิธ โจวานา กาซียง’ (Édith Giovanna Gassion) ลืมตาดูโลกในปี 1915 ที่เบลเลอวิว (Belleville) ปารีส ท่ามกลางสภาพความเป็นอยู่ที่ขัดสนในชุมชนแออัดที่วุ่นวาย แม่ของอีดิธ ‘แอนเน็ตตา โจวานา ไมยา’ (Annetta Giovanna Maillard) เป็นนักร้องคาเฟ่ ส่วนพ่อของอีดิธ ‘หลุยส์ อัลฟอนส์ กาซียง’ (Louis-Alphonse Gassion) เป็นนักกายกรรมข้างถนน ปี 1918 ตอนที่อีดิธยังเป็นเด็ก แอนเน็ตตาต้องการทำตามความฝันของเธอด้วยการเป็นศิลปิน เธอจึงฝากลูกสาวตัวน้อยไว้ให้ยายเลี้ยงดู กระทั่งหลุยส์กลับบ้านมาจากการเดินทาง เขาพบว่าอีดิธกลายเป็นเด็กขาดสารอาหาร เพราะผู้เป็นยายไร้ความเอาใจใส่ หลุยส์พาอีดิธไปฝากไว้กับแม่ของเขา ซึ่งเป็นเจ้าของสถานบริการหรือซ่องโสเภณี ทำให้อีดิธได้รับการเลี้ยงดูจากหญิงขายบริการที่นั่น ในภาพยนตร์เรื่อง La Vie En Rose อีดิธน้อยมีความสุขในสถานบริการเป็นอย่างมาก เพราะเหล่าพี่สาวต่างพากันรักและเอ็นดูเธอ โดย ‘ตินติน’ หนึ่งในหญิงขายบริการคือผู้ที่สอนอีดิธให้สวดมนต์ ทั้งเธอยังเป็นผู้ที่พาอีดิธเข้าสู่คริสต์ศาสนาหลังจากที่อีดิธต้องเผชิญกับอาการแก้วตาและกระจกตาอักเสบจนมองเห็นไม่ปกติ อีดิธน้อยภาวนาต่อหน้ารูปปั้นพระแม่มารีเพื่อให้เธอกลับมามองเห็นและวิ่งเล่นได้อย่างเด็กทั่วไปอีกครั้ง
สมบัติของชาติ เสียงสวรรค์แห่งกรุงปารีส
ชีวิตของอีดิธ ปิยัฟ ผ่านมาแล้วทั้งช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์และตกต่ำ ซึ่งทั้งหมดนั้นได้รับการถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์ La Vie En Rose อันโด่งดัง โดยบทของอีดิธ นำแสดงโดย ‘มารียง กอตียาร์’ (Marion Cotillard) ซึ่งได้รับรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากบทนี้ หากใครเคยชมภาพยนตร์ดังกล่าวจะรู้ดีว่า อีดิธ ปิยัฟนั้นไม่ใช่หญิงสาวที่สมบูรณ์แบบ หากแต่เป็นมนุษย์ผู้เกิดมาพร้อมความสามารถและความพยายาม เธอดิ้นรนเอาชีวิตรอดมาตั้งแต่เด็ก กระทั่งโตขึ้นจนมีชื่อเสียงโด่งดัง เธอก็ยังคงนิสัยเสียอย่างหนึ่งของเธอเอาไว้ นั่นก็คือความเป็นคนเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจเป็นอย่างมาก (ซึ่งอาจส่งผลมาจากพ่อของเธอที่เป็นคนเจ้าอารมณ์เช่นเดียวกัน)