20 ม.ค. 2564 | 19:39 น.
มันคงไม่ง่ายเลยใช่ไหมครับ ถ้าต้องเกิดมาในครอบครัวที่สูญเสียคุณแม่ตั้งแต่ยังเด็ก คุณพ่อกลายเป็นคนหมดไฟ ไม่อยากทำอะไร และมีน้องชายที่ยังเด็กมาก แต่มีชายคนหนึ่งเติบโตในครอบครัวอย่างที่กล่าวมาอย่างแข็งแกร่งและกลายเป็นบุคคลที่ใครต่างก็เคารพชื่นชม นี่คือเรื่องราวของ ‘เรนโงคุ เคียวจูโร่’ เสาหลักเพลิงแห่งกลุ่มพิฆาตอสูรจาก ‘ดาบพิฆาตอสูร’ การ์ตูนที่กำลังโด่งดังไปทั่วญี่ปุ่นและต่างประเทศ *** บทความมีการสปอยล์เนื้อหาจากหนังสือการ์ตูนและภาพยนตร์แอนิเมชั่น*** ความหมายของความแข็งแกร่ง เรนโงคุ เคียวจูโร่ เกิดในครอบครัวนักดาบพิฆาตอสูร คำว่า ‘เรนโงคุ’ ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า ‘ไฟชำระ’ ตระกูลของเขาเป็นผู้ใช้วิชาดาบปราณเพลิง ซึ่งไม่ว่าจะไปยุคสมัยไหนก็จะเป็นเสาหลักของกลุ่มพิฆาตอสูรได้เสมอ พ่อของเขาก็เช่นกัน ‘เรนโงคุ ชินจูโร่’ ก็เป็นเสาหลักเพลิงที่ได้รับการยอมรับอย่างมาก แต่เพราะอาการป่วยของภรรยา ‘รุกะ’ ที่ไม่อาจรักษาหายได้ ทำให้ชินจูโร่เสียใจเป็นอย่างมาก เขารู้สึกเหมือนสูญเสียสิ่งสำคัญที่อยากปกป้องไป ทำให้กลายเป็นคนหมดอาลัยตายอยากในเวลาต่อมา ทิ้งให้เคียวจูโร่และน้องชาย ‘เซนจูโร่’ ต้องเติบโตอย่างยากลำบาก อาการของชินจูโร่แย่ลงไปอีกเมื่อผู้เป็นภรรยาจากไป เขากลายเป็นคนเกรี้ยวกราด ไม่สนใจโลกภายนอก แม้แต่วันที่เคียวจูโร่ได้กลายเป็นเสาหลักเพลิง เขาก็ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ซ้ำยังไล่ตะเพิดเคียวจูโร่ออกไปอีก การที่ต้องเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก และต้องอยู่กับพ่อที่กลายเป็นแบบนั้นไปแล้ว เคียวจูโร่นึกสงสารเซนจูโร่จับใจ เคียวจูโร่ต้องการที่จะเป็นที่พึ่งให้กับน้องชายคนเล็กของเขาให้ได้ พร้อมกับรักษาคำสัญญาที่แม่ได้ให้ไว้ รุกะ แม่ของเด็กหนุ่มทั้งสองรู้ดีว่าตัวเองมีเวลาชีวิตเหลืออีกไม่มาก เธอจึงเอ่ยถามกับเคียวจูโร่ว่า รู้หรือไม่ว่าทำไมเจ้าถึงแข็งแกร่งกว่าคนอื่น เคียวจูโร่ในวัยเยาว์นั้นไม่รู้คำตอบ รุกะจึงกล่าวว่า “เพื่อช่วยเหลือคนอ่อนแอยังไงล่ะ ผู้ที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์มากกว่าคนอื่นจะต้องใช้พลังนั้นเพื่อโลกเพื่อคนอื่น พลังที่ได้รับจากสวรรค์จะใช้ทำร้ายผู้คนหรือหาประโยชน์ใส่ตนเองไม่ได้ “การปกป้องผู้ที่อ่อนแอเป็นหน้าที่ของผู้ที่เกิดมาแข็งแกร่ง จงรับผิดชอบหน้าที่และทำหน้าที่ให้ลุล่วง นี่เป็นคำสั่ง จงอย่าลืมเลือนเป็นอันขาด” นั่นจึงทำให้สองสิ่งนี้กลายเป็นสิ่งที่คอยยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับ เรนโงคุ เคียวจูโร่ เสมอมา เสาหลักเพลิงผู้ยิ่งใหญ่ เคียวจูโร่เป็นคนที่มีความรักลึกซึ้งต่อมนุษย์ การต่อสู้ในศึกรถไฟนิรันดร์ เขาได้ให้ความสำคัญกับการรักษาชีวิตผู้โดยสารอย่างถึงที่สุด หรือตอนที่เขาต้องมนต์อสูรและกำลังจะถูกหญิงสาวคนหนึ่งทำลายแก่นแห่งจิตใจ เขาก็ทำการหยุดหญิงคนนั้นโดยไม่ทำร้ายถึงชีวิต ในตอนท้ายของศึกครั้งนี้ ‘อาคาสะ’ อสูรข้างขึ้นที่ 3 ได้ปรากฏตัวออกมาพร้อมชักชวนให้เคียวจูโร่มาเป็นอสูรเช่นเดียวกับตน แต่ก็ถูกปฏิเสธ เพราะเคียวจูโร่รักและศรัทธาต่อความเป็นมนุย์ เขามองว่าการที่ร่างกายเสื่อมถอยตามกาลเวลานั้นเป็นความงดงามของการมีชีวิตอยู่ เมื่อความเห็นไม่ตรงกันก็มีแต่ต้องต่อสู้กันเท่านั้น เกิดเป็นการปะทะกันระหว่างเสาหลักเพลิงแห่งกลุ่มพิฆาตอสูรกับอสูรข้างขึ้นที่แข็งแกร่งกว่าอสูรทั่วไปหลายเท่า การต่อสู้ผ่านไปเรื่อย ๆ บาดแผลที่ฝากไว้บนตัวของอาคาสะก็ค่อย ๆ เลือนหายไปด้วยพลังของอสูร ตรงกันข้ามกับเคียวจูโร่ที่ได้รับบาดเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ “อย่าตายสิเคียวจูโร่ จงกลายเป็นอสูรและต่อสู้กับข้าไปตลอดกาล” อาคาสะพูดขึ้นหลังจากเห็นเสาหลักเพลิงผู้แข็งแกร่ง แต่ในตอนนี้กลับมีสภาพที่ยากเกินกว่าจะรักษาหายเป็นปกติ เคียวจูโร่ได้ตัดสินใจใช้วิชาดาบสุดท้ายที่ชื่อเดียวกับตระกูลของเขาอย่าง ‘เรนโงคุ (ไฟชำระ)’ เข้าโจมตี แม้ท้ายที่สุดจะไม่อาจตัดหัวอสูรร้ายได้ แต่เคียวจูโร่ก็หยุดยื้อเพื่อให้อาคาสะอยู่เจอเข้ากับดวงอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้น เพราะอสูรนั้นต่อให้แข็งแกร่งเพียงใด แต่พวกมันก็ไม่อาจเอาชนะแสงอาทิตย์ได้ สุดท้ายอาคาสะต้องตัดแขนตัวเองทิ้งและวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต แม้จะโดนดาบนิจิรินของ ‘คามาโดะ ทันจิโร่’ พระเอกของเรื่องเสียบเข้ากลางอกก็ไม่หันกลับมาแม้แต่น้อย สร้างความเจ็บปวดใจให้กับทันจิโร่อย่างมาก เขาได้ตะโกนสุดกำลังเพื่อพูดความในใจออกไปว่า “อย่าหนีนะ! เจ้าคนขี้ขลาด ไม่ว่าเมื่อไหร่กลุ่มพิฆาตอสูรก็มุ่งมั่นต่อสู้ภายใต้ความมืดมิดของราตรีที่พวกอสูรอย่างแกได้เปรียบ ถึงจะเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อไม่สามารถรักษาบาดแผลให้หายทันที แขนขาที่เสียไปไม่งอกคืนมาก็ตาม “คุณเรนโงคุไม่ได้พ่ายแพ้! เขาปกป้องทุกคนเอาไว้ได้ ไม่มีใครตายแม้แต่คนเดียว แกนั่นแหละที่พ่ายแพ้ นี่เป็นชัยชนะของคุณเรนโงคุ” เปลวเพลิงที่ไม่มีวันมอดดับ การต่อสู้จบแล้ว อสูรจากไปแล้ว ที่เหลืออยู่ก็คือลมหายใจอันน้อยนิดของ เรนโงคุ เคียวจูโร่ เสาหลักเพลิงผู้ยิ่งใหญ่ เขาได้ใช้พลังเฮือกสุดท้ายนี้ส่งต่อเจตนารมณ์ให้กับทันจิโร่ และส่งข้อความถึงครอบครัวของเขา เคียวจูโร่เป็นเสาหลักที่ใครต่างก็รักและเคารพ เขาเคยเป็นอาจารย์ให้กับ ‘คันโรจิ มิซึริ’ เสาหลักปราณความรัก เป็นคนที่คอยให้กำลังใจ ‘โทคิโท มุอิจิโร่’ และเขายังทำหน้าที่เสมือนเป็นลูกพี่ใหญ่ของสมาชิกเสาหลักด้วยกันอีกด้วย เคียวจูโร่เป็นตัวแทนของคนที่มีจิตใจมุ่งมั่น เขาไม่ลังเลที่จะยอมรับความผิดพลาดในตัวเองอย่างครั้งที่ต้องมนต์อสูร เขายังเป็นคนที่อ่อนโยน รักและเคารพทุกคนในครอบครัว และเป็นคนที่มีความรักต่อเพื่อนมนุษย์อย่างแรงกล้าจนยอมสละชีวิตได้ ในช่วงวาระสุดท้าย เคียวจูโร่ได้พูดกับทันจิโร่ที่กำลังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “จงใช้ชีวิตอย่างภาคภูมิ ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับความอ่อนแอ ก็จงปลุกไฟในตัวให้ลุกโชน กัดฟันและมุ่งหน้าต่อไป หากหยุดฝีเท้าแล้วหมอบคู้ กาลเวลาจะไม่หยุดรอ ไม่มีสิ่งใดเศร้าหมองไปพร้อมกับเจ้าหรอกนะ “อย่าใส่ใจที่ข้าต้องตายลงที่นี่ หากเป็นเสาหลักย่อมต้องปกป้องและเป็นโล่กำบังให้กับรุ่นน้อง หากเป็นเสาหลักไม่ว่าใครก็ต้องทำแบบเดียวกัน จงเติบโตยิ่ง ๆ ขึ้น ข้าเชื่อในตัวพวกเจ้า” การเสียสละชีวิตในครั้งนี้ของเคียวจูโร่ส่งผลให้สมาชิกกลุ่มตัวเอกทั้งสามคนอย่างมาก คามาโดะ ทันจิโร่, อางาซึมะ เซนอิทซึ และฮาชิบิระ อิโนะสึเกะ ต่างมุ่งมั่นและตั้งใจฝึกฝนวิชาดาบมากขึ้น เพื่อที่จะทำตามความเชื่อมั่นที่เคียวจูโร่มีให้กับพวกเขา แม้ว่าหลังจากนี้เรื่องราวของ ‘ดาบพิฆาตอสูร’ จะไม่มีตัวละครที่ชื่อ ‘เรนโงคุ เคียวจูโร่’ อีกแล้ว แต่เปลวเพลิงจากดาบของเขาก็ได้ลุกโชนอยู่ในใจของเหล่าตัวละครเอกและเหล่าแฟนคลับทุกคน เพราะเราจะไม่มีวันลืมเสาหลักเพลิงผู้แข็งแกร่งและอ่อนโยนคนนี้ไปได้อย่างแน่นอน ที่มาของข้อมูล หนังสือการ์ตูนดาบพิฆาตอสูรเล่มที่ 1-21 หนังสือดาบพิฆาตอสูร แฟนบุ๊ค บันทึกกลุ่มพิฆาตอสูร เรื่อง: ทศพล เหลืองศุภภรณ์