09 ก.พ. 2564 | 11:30 น.
***บทความชิ้นนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาภายในเรื่อง ‘ผ่าพิภพไททัน’ และ ‘รุ่งอรุณของรีไว’ ฉบับมังงะ / นอกจากความเก่งกาจ มาดนิ่ง ฆ่าไม่ยั้ง ใครก็รั้งไม่อยู่ ของ ‘รีไว แอ็คเกอร์แมน’ อดีตเด็กชายจากเมืองใต้ดิน และเจ้าของตำแหน่งหัวหน้าทหารแห่งกองทหารทีมสำรวจ รีไวยังเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่สะท้อนความแข็งแกร่งของมนุษย์ออกมาได้อย่างมีมิติ เพราะถึงแม้ชีวิตของเขาจะต้องพบเจอกับความสูญเสียอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ความทุกข์ทรมานก็ไม่อาจดึงรีไวให้คุกเข่ายอมแพ้ต่อโชคชะตาได้ ในทางตรงกันข้าม หัวหน้าทหารคนนี้กลับเรียนรู้ที่จะอยู่กับความไม่แน่นอนในชีวิต และยืนหยัดเป็นผู้นำให้คนรอบข้างรู้สึกอุ่นใจ เมื่อบุคลิกภาพที่เตะตา ประกอบกับความสามารถ ความเสียสละ และการยึดมั่นในคำสัญญา ทั้งหมดจึงกลายเป็น ‘เสน่ห์’ ของผู้นำที่ทำให้เพื่อนพ้อง และแม้กระทั่งผู้อ่านหลงรักชายหนุ่มร่างเล็กคนนี้ จากเด็กชายในสลัมสู่ทหารนอกกำแพง ‘รุ่งอรุณของรีไว’ เขียนเรื่องโดย อาจารย์ฮาจิเมะ อิซายามะ (Hajime Isayama) วาดภาพโดย อาจารย์ฮิคารุ ซึรุงะ (Hikaru Suruga) เป็นมังงะภาคแยกจากเรื่อง ‘ผ่าพิภพไททัน’ มีตัวละครเอกเป็นหัวหน้าทหารจากกองทหารทีมสำรวจนามว่า รีไว แอ็คเกอร์แมน โดยเรื่องราวในภาคเสริมจะบอกเล่าประวัติชีวิตของรีไว และจุดเริ่มต้นในการเข้าร่วมกองทหารทีมสำรวจ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดเกี่ยวข้องกับการต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นดินแห่งอิสรภาพระหว่างมนุษย์ในกำแพงและไททันที่อยู่ด้านนอก รีไวเกิดและเติบโตในสลัมใต้เมืองหลวง สถานที่ที่ถูกราชสำนักทอดทิ้งหลังจากยกเลิกแผนการอพยพมนุษย์ลงมาอยู่ใต้ดิน นั่นทำให้ซากเมืองที่ไม่ถูกใช้งานกลายเป็นมหานครแห่งอาชญากรและคนยากจน หลังจากแม่ของรีไวเสียชีวิตลง เขาได้ออกมาใช้ชีวิตกับครอบครัวใหม่ซึ่งประกอบไปด้วยเพื่อนจากสลัม 2 คน คือ เฟอร์แลน และอิซาเบล ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน รีไวแสดงให้เพื่อนทั้งสองเห็นถึงความสามารถและความเด็ดเดี่ยวของเขาจนได้รับยกย่องให้เป็นหัวหน้ากลุ่ม หลังจากดิ้นรนใช้ชีวิตกันมานาน ในที่สุดแสงสว่างจนนอกกำแพงก็เฉิดฉาย นั่นคือการพบกันครั้งแรกของรีไวและ ‘เอลวิน สมิธ’ หัวหน้าของรีไวที่เดินทางมายังเมืองใต้ดิน เพื่อชักชวนทั้งสามคนเข้าร่วมกองทหารทีมสำรวจ แต่ด้วยชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย และการเข้ากองทหารทีมสำรวจแบบฟาสต์แทร็ก (ไม่ต้องเข้าเป็นทหารฝึกหัดก่อน) ทำให้รีไวต้องทนรับสายตาดูถูกและคำเหยียดหยามจากคนบนดิน เช่นตอนที่หัวหน้าหมู่ ‘ฟรากอน’ พารีไวไปยังเตียงนอนสองชั้นฝุ่นเขรอะ เขาเหมารวมรีไวว่าเป็นพวกกินนอนอยู่ในกองขยะ ไร้ความสะอาด และไร้ระเบียบ แต่หารู้ไม่ว่าการใช้ชีวิตอยู่กับกองขยะนี่แหละที่ทำให้รีไวโตมาเป็นหนุ่มสุดเนี้ยบที่เกลียดความสกปรกเป็นที่สุด สิ่งที่คนบนดินทำกับรีไวและเพื่อนจึงสะท้อนปัญหาการเหมารวม และการตัดสินคนจากภายนอกได้เป็นอย่างดี ทั้งคำว่า ‘ขยะ’ ‘อันธพาล’ ‘คนเร่ร่อน’ และ ‘อาชญากร’ ล้วนแสดงให้เห็นว่าคนบนดินส่วนหนึ่งมีทัศนคติที่มองคนไม่เป็นคนเท่ากัน จนนำไปสู่การปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียม แต่สุดท้ายอคติก็ถูกลบล้าง เมื่อรีไวแสดงศักยภาพในการฆ่าไททันให้กองทหารทีมสำรวจได้เห็น และนั่นก็เป็นความเท่ของคนที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ประกอบกับความสามารถที่ใครก็ฉุดไม่อยู่ ความสามารถเป็นที่ประจักษ์...ไม่พูดเยอะเจ็บคอ ก่อนขึ้นจากเมืองใต้ดินมาสู่พื้นโลก เสียงร่ำลือถึงความสามารถในการใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่แบบสามมิติของรีไวก็เรียกร้องให้เอลวินต้องเดินทางมาชักชวนเข้าร่วมกองทหารทีมสำรวจด้วยตัวเอง และเมื่อออกสำรวจนอกกำแพงเป็นครั้งแรก รีไวก็สามารถฆ่าไททันได้ถึง 5 ตัว โดยไททันตัวแรกที่เขาฆ่าก็เป็นไททันวิปริตที่กินรุ่นพี่ในกองทหารทีมสำรวจไป หากไม่นับความแข็งแกร่งทางร่างกายของตระกูลแอ็คเกอร์แมนแล้ว รีไวยังสามารถดึงศักยภาพในการต่อสู้ของตัวเองออกมาผ่านการประเมินคู่ต่อสู้อย่าง ‘เท่าเทียม’ เพื่อตั้งรับ และพลิกแพลงกระบวนท่าให้เข้ากับสถานการณ์ ประกอบกับการตัดสินใจที่เด็ดขาดและรวดเร็วทำให้เขาสามารถล้มไททันได้อย่างง่ายดาย ยกตัวอย่างการต่อสู้ครั้งแรก ขณะที่ทหารรุ่นพี่ในทีมสำรวจกำลังพลาดพลั้งให้กับไททันวิปริต รีไวได้ออกคำสั่งให้เฟอร์แลนและอิซาเบลหยุดการเคลื่อนไหวของไททันด้วยการฟันหัวเข่า ส่วนตัวเองจะดึงความสนใจจากไททันก่อนจะฟันลงไปที่ต้นคอเพื่อปลิดชีวิตของมัน “พวกแกบอกว่าไททันไม่กระจอกใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็อย่าสู้แบบดูถูกมันสิ” รีไวบอกกับเพื่อนร่วมทีมที่เคยดูถูกเขาและเพื่อนว่าไม่สามารถฆ่าไททันได้ นอกจากความสามารถเฉพาะตัว คุณสมบัติความเป็นผู้นำอีกประการที่ถือเป็นเสน่ห์ของรีไวคือ นิสัยที่ไม่อวดตัวว่าเป็นคนเก่ง เรียกว่าพี่ไม่พูดเยอะ พี่ฟันให้เห็นกับตา มิหนำซ้ำรีไวยังเป็นมนุษย์ที่ไม่สนใจคำสรรเสริญเยินยอ สังเกตจากฉากแรกที่รีไวปรากฏตัวบนหลังม้าในผ่าพิภพไททัน เขาได้ยินเสียงชื่นชมจากคนรอบข้าง หนึ่งในนั้นก็คือเด็กน้อยเอเรน แต่สิ่งเดียวที่เขาเอ่ยออกมาคือ “หนวกหูจริง เด็กพวกนี้” หลังจากฆ่าไททันตัวแรกสำเร็จ ตัวที่สองและสามก็ตามมา ถึงขนาดที่เอลวินยังเอ่ยปากว่า “ถ้ามีคนที่มีความสามารถอย่างนาย คนอื่นก็คงอุ่นใจ” และก็เป็นเช่นนั้น ทหารในหน่วยเชื่อมั่นและรู้สึกมีที่พึ่งพิง เอเรนก็เคยชื่นชมรีไวว่าเป็นทหารที่แข็งแกร่งที่สุด แม้กระทั่งศัตรูอย่าง ‘จี๊ค เยเกอร์’ ผู้ครอบครองไททันสัตว์ก็ไม่อยากพบเจอกับคนที่มีความสามารถน่ากลัวอย่างรีไว แต่เห็นทีว่าอาจารย์ฮาจิเมะคงยังต้องจัดฉากต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนต่อไป เพราะรีไวคงไม่ยอมผิดคำสาบานที่ให้ต่อเอลวินว่า ‘เขาจะฆ่าไททันสัตว์ให้จงได้’ รีไวจะทำตามสัญญาขอเวลาอีกไม่นาน คำสาบานของรีไวและเอลวินเกิดขึ้นเมื่อไททันสัตว์และไททันเกวียนบุกมาที่เกาะพาราดี้ ไททันสัตว์ได้เขวี้ยงหินจำนวนมากเข้าหากองทหารที่วิ่งออกไปเป็นตัวล่อนอกกำแพงตามคำสั่งเอลวิน แน่นอนว่าทั้งสองผู้นำต่างรู้สึกผิดต่อการสละชีวิตของทหารใหม่ทั้งกอง แต่นั่นคือทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อซื้อเวลาให้รีไวมีโอกาสสังหารไททันสัตว์ที่กำลังจะถล่มบ้านเรือนในกำแพงจนพังพินาศ ว่าด้วยเรื่องการตัดสินใจสละชีวิตคนส่วนน้อย เพื่อประโยชน์สุขของคนหมู่มาก รีไวอาจได้รับแนวคิดประโยชน์นิยมมาจากหัวหน้าอย่างเอลวิน นั่นทำให้ทุกการตัดสินใจของพวกเขาขึ้นอยู่กับความสุขของคนจำนวนมากที่สุด “Greatest Happiness of the Greatest Number” แต่อีกนัยหนึ่ง รีไวคือทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างถึงที่สุดนั่นเอง “ฉันจะไปปลุกเอเรนที่นอนอยู่บนกำแพง นายกับเด็กใหม่ขี่ม้าหนีไปซะ ช่วยคนให้ได้มากที่สุด” รีไวบอกกับเอลวินเมื่อเห็นว่ากำลังเสียเปรียบในการต่อสู้กับทั้งไททันสัตว์ ไททันเกวียน ไททันขนาดมหึมา และไททันสวมเกราะ แต่เมื่อเอลวินคิดแผนเสียสละตัวเองและทหารใหม่ได้ รีไวก็ทำตามหน้าที่อย่างมุ่งมั่น แม้การทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมจะเป็นสิ่งที่น่านับถือ แต่ในฐานะคนตัดสินใจและคนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็มีสิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยน แรงผลักดันจากการเสียเพื่อน หัวหน้า และลูกน้องจึงจุดประกายให้รีไวจงเกลียดจงชังไททันมากขึ้น ทั้งยังจ้องจะฆ่าจี๊คตลอดเวลา “พวกแกทั้งหมดจะต้องถูกแม่ทัพรีไวกำจัดแน่นอน!” นั่นคือสิ่งที่เพื่อนจากกองทหารทีมสำรวจคนหนึ่งตะโกนออกมาด้วยความมั่นใจก่อนจะถูกไททันกัดจนเสียชีวิต และดาบนั้นก็คืนสนองแทบจะทันที เมื่อรีไวพุ่งเข้ามาฟันคอไททันตัวนั้นจนตาย และถึงแม้ ‘คำสัญญา’ บางประการ เช่น การฆ่าไททันสัตว์ หรือการกำจัดไททันให้สิ้นซากจะยังไม่เป็นจริง แต่คำพูดของรีไวก็ยังมีความน่าเชื่อถือ เพราะเขาไม่ปล่อยปละละเลยสิ่งที่ตนเคยพูด ทั้งยังพยายามอยู่ตลอดเวลา นั่นทำให้ความเชื่อใจต่อผู้ใต้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานยังคงอยู่ เพราะฉะนั้นผู้อ่านก็อาจจะมั่นใจได้ว่า อาจารย์ฮาจิเมะคงจะส่งหัวหน้าทหารของเราไปทำตามสัญญาภายในเวลาอีกไม่นานเป็นแน่ พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักพวกพ้องหมดใจ ความปากร้าย-พูดตรงของรีไวทำให้เขาไม่ใช่คนที่มีวาทศิลป์ในการพูด แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อต้องปลุกใจทหาร รีไวก็สามารถทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในตัวเขาและเชื่อมั่นในตัวเองได้เสมอ ส่วนเวลาปกติ อาการพูดน้อยของรีไวก็ไม่ได้สื่อถึงความเยือกเย็นไร้ความรู้สึก เพราะลึก ๆ แล้วทุกชีวิตของพวกพ้องที่เสียไป รีไวสามารถจดจำได้ทั้งหมด เพียงแต่เขาไม่แสดงออกทางสีหน้าก็เท่านั้น “เป็นเพราะหน่วยของแถวหลังช่วยถ่วงเวลาด้วยการสละชีพต่อสู้กับไททันผู้หญิงต่างหาก ถ้าไม่มีคนพวกนั้นก็ทำไม่สำเร็จหรอก ต้องขอบคุณพวกเขา” รีไวบอกกับเอลวิน เมื่อเอลวินเอ่ยชมเขาหลังจากที่ตรึงร่างของไททันผู้หญิงไว้ได้ จุดนี้แสดงให้เห็นว่า นอกจากรีไวจะไม่สนใจรับความดีเข้าตัวเองแล้ว เขายังระลึกเสมอว่าเส้นทางที่ผู้รอดชีวิตเดินผ่านล้วนเกิดจากเลือดเนื้อและความเสียสละของเพื่อนร่วมทางทั้งสิ้น “ชิ สกปรกเลยพับผ่าสิ” ในมังงะภาคหลักเล่มที่ 3 รีไวบ่นหลังจากฆ่าไททันจนเลือดของมันเลอะมือ เขารีบหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดเลือดออกจากด้ามดาบจนสะอาด ขณะเดียวกัน ‘เพ็ตโทร่า รัล’ หนึ่งในทหารหน่วยรีไวก็กำลังช่วยชีวิตทหารอีกนายที่กำลังบาดเจ็บสาหัสอยู่ นายทหารคนนั้นมองเห็นรีไวและเรียกให้เขาเข้าไปหา พร้อมยกมือที่เปื้อนเลือดของตนเองขึ้นแล้วถามว่า การตายของเขาเป็นประโยชน์หรือไม่? แน่นอนว่าฉากเปิดตัวของรีไวทำให้ใครต่อใครรู้ว่าเขาเป็นคนรักสะอาด แต่ความรักสะอาดของเขาไม่ได้มากไปกว่าความรักลูกน้องและความรู้สึกขอบคุณผู้ที่เสียสละชีวิต รีไวจับมือที่เปรอะเลือดของทหารนายนั้นอย่างไม่มีทีท่ารังเกียจ พร้อมบอกอย่างมั่นใจว่า “นายทำหน้าที่ได้ดีมาก จากนี้ก็เหมือนกัน ความมุ่งมั่นที่เหลืออยู่ของนายจะเป็นพลังให้กับฉันด้วย ฉันสัญญาว่าจะกำจัดไททันให้สิ้นซากให้ได้!!” หลังจากนั้นไม่นาน เอลวินก็เดินทางมาหาเขาเพื่อบอกให้ทั้งหมดถอยทัพกลับเมือง ซึ่งแน่นอนว่ารีไวแสดงความไม่พอใจทันที เพราะเขาไม่อยากให้ลูกน้องตายฟรีโดยที่ภารกิจยังไม่สำเร็จ เรียกได้ว่าแท้จริงแล้ว รีไวเป็นคนที่แคร์คนอื่นมากกว่าที่หน้าตาแสดงออกเยอะทีเดียว แต่นอกเหนือจากเสน่ห์และความสามารถของรีไวที่กล่าวกันไปข้างต้น ในอีกมุมหนึ่ง เขาก็เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดาที่เคยตัดสินใจผิดพลาด มีอารมณ์หวั่นไหว และมีความอ่อนแอในจิตใจไม่ต่างจากคนอื่น ใต้ใบหน้าที่ไร้อารมณ์มีความเป็นคนซ่อนอยู่ เป็นอีกครั้งที่ต้องกล่าวสรรเสริญความสามารถในการสร้างสรรค์ตัวละครของอาจารย์ฮาจิเมะ เพราะนอกจากคุณงามความดีด้านบวกของรีไวแล้ว อาจารย์ยังไม่ลืมที่จะละเลงสีเทาลงบนตัวหัวหน้าทหารคนนี้ เพื่อให้ชีวิตของตัวละครสะท้อนความเป็นมนุษย์ได้อย่างมีมิติมากขึ้น ว่าด้วยเรื่องของการตัดสินใจ บาดแผลครั้งใหญ่ของรีไวเกิดขึ้นหลังจากที่เขาตัดสินใจผิดพลาดในการออกสำรวจนอกกำแพงครั้งแรกพร้อมครอบครัวจากสลัมอย่างอิซาเบลและเฟอร์แลน ในตอนนั้นฝนตกบดบังทัศนวิสัยทำให้รีไวจำใจแยกทางกับเพื่อนอีกสองคนเพื่อไปทำภารกิจหาตัวเอลวินและสังหารเขาทิ้ง แต่นั่นนำมาซึ่งความสูญเสียครั้งสำคัญ เพราะรีไวกลับไปไม่ทันช่วยเหลือเพื่อนทั้งสองคนจากไททัน จุดนี้เองที่ทำให้รีไวระลึกถึงความไม่แน่นอนของชีวิต และทำให้เขาคิดว่า ไม่ว่าจะเชื่อในพลังของตัวเองหรือเชื่อในพวกพ้องก็ไม่มีใครสามารถหยั่งรู้ผลลัพธ์ได้ นี่จึงเป็นที่มาของคำพูดที่รีไวบอกเอเรนให้เลือกในสิ่งที่ตัวเองจะไม่เสียใจทีหลัง ระหว่างที่เพื่อนในกองทหารทีมสำรวจกำลังต่อสู้กับไททันผู้หญิง เพื่อให้เอเรนหลบหนีไปยังที่ปลอดภัย แต่ถึงแม้รีไวจะหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ เขาก็ยังมีอีกคนที่ตัวเองเชื่อใจ และเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งที่พึ่งพิงนั่นก็คือ เอลวิน คนที่ดึงรีไวออกจากความมืดมิดใต้พื้นดิน และทำให้รีไวได้กางปีกออกอาละวาดเหล่าไททันได้อย่างอิสระ ทั้งสองร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมา จนความสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากกว่าหัวหน้าและลูกน้อง แต่เป็นทั้งเพื่อน พี่น้อง และครอบครัวทีมสำรวจ ในตอนที่ไททันหญิงหลุดจากพันธนาการกลางป่า รีไวกำลังจะกลับไปหาหน่วยของเขา แต่เอลวินสั่งให้รีไวเติมใบมีดและแก๊สก่อน ตัวรีไวที่ไม่ทราบเหตุผลกลับลงมือทำทันทีพร้อมบอกว่า “ฉันเชื่อในการตัดสินใจของนาย” และเขาก็เชื่อเช่นนั้นมาตลอด แม้กระทั่งตอนที่เอลวินส่งตัวเองไปเผชิญหน้ากับไททันสัตว์ เมื่อร่างที่เกือบไร้วิญญาณเอลวินถูกส่งกลับมาขณะที่รีไวกำลังจะมอบเข็มฉีดยาให้แก่เอเรนเพื่อนำไปฉีดใส่อาร์มิน จึงไม่น่าแปลกใจที่รีไวจะเกิดความรู้สึกลังเล หนึ่งในนั้นย่อมปะปนด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ถึงแม้รีไวจะเลือกอาร์มินด้วยเหตุผลว่าอาร์มินมีความสามารถที่คนอื่นไม่มี แต่อีกใจหนึ่งก็คงเป็นเพราะเขาอยากให้ ‘เพื่อนรัก’ ได้พักผ่อนเสียที จากผ่าพิภพไททันที่กำลังจะดำเนินมาสู่ตอนอวสาน เราได้เห็นตัวละครหลายตัวเติบโตและเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมและความโหดร้ายที่พวกเขาต้องเผชิญ ในส่วนของรีไว เราอาจไม่ได้เห็นพัฒนาการทางด้านร่างกายมากนัก แต่เราก็ยังเห็นความคงเส้นคงวาที่สะท้อนตัวตนของเขาได้อย่างชัดเจน ในจุดนี้ ความมีเสน่ห์ของรีไวจึงไม่ใช่แค่ความเป็นนักสู้ ผู้นำ คนรักความสมบูรณ์แบบ หรือคนเล็กที่ทำเรื่องยิ่งใหญ่ แต่คือทุกสิ่งทุกอย่างใน ‘ชีวิต’ ทั้งขาวและดำที่นำพาความสุขและความเศร้ามาหลอมรวมกันเป็น ‘รีไว’ ตัวละครที่ลงตัวและเป็นที่รักของพวกพ้องและผู้อ่านนั่นเอง เรื่อง : วโรดม เตชศรีสุธี อ้างอิง ‘ผ่าพิภพไททัน’ และ ‘รุ่งอรุณของรีไว’ ฉบับมังงะ แปลไทยโดย สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจ