17 มี.ค. 2567 | 09:10 น.
KEY
POINTS
‘โทริยะมะ อะกิระ’ (Toriyama Akira) มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะนักวาดการ์ตูนดังของญี่ปุ่นอย่างเรื่อง ‘ดราก้อนบอล’ (Dragon Ball) แต่นอกจากนี้เขายังเป็น ‘ทาสแมว’ ตัวยง ที่นำแมวของตนไปไว้ในงานการ์ตูนของเขาด้วย
.
ยกตัวอย่างเช่น แมวขาวตัวอ้วนที่รู้จักกันในนาม ‘ท่านคาริน’ นั้น มาจาก ‘เคโงะ’ และ ‘ท่านบิลล์’ เทพแห่งการทำลายล้าง ก็มาจาก ‘ดีโบ’ ทั้งเคโงะและดีโบคือชื่อแมวที่โทริยะมะเลี้ยงไว้เป็นเพื่อน
เป็นเรื่องน่าประหลาดที่ความรักความผูกพันที่มีต่อแมว มักจะเผื่อแผ่ไปยังแมวตัวอื่น ๆ ถึงไม่ได้เลี้ยง เมื่อพบเจอตามถนนหนทางหรือสถานที่ใด ๆ เหล่าทาสก็มักจะเอื้อมมือไปสัมผัสด้วยความเอ็นดู ไม่ก็ยกมือถือถ่ายรูปไปลงโซเชียลฯ ของตนอย่างไม่รอช้า เป็นภาพน่ารักที่เรามักจะพบเจอได้ทั่วไป และนอกจากนี้ในหมู่ผู้รักแมวบางคน ยังเผื่อแผ่ความรักความเมตตาไปให้แก่ ‘น้อง’ อื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นหมา กระต่าย กระรอก ลามไปถึงช้าง ม้า วัว ควาย ฯลฯ (ทั้งหลายที่มีอยู่บนโลกใบนี้)
โทริยะมะก็มีโมเมนต์อะไรแบบนี้เช่นกัน เขาจึงได้นำเสนอตัวการ์ตูนของเขาในรูปสัตว์ เช่น เรื่องดราก้อนบอลนี้ พระเอกอย่าง ‘โงกุน’ (บางฉบับเรียก ‘โกคู’ ก็คนเดียวกันนั่นแหละครับ) เป็น ‘มนุษย์ลิง’ มาจากดาวไซย่า มีอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาเป็น ‘ผู้เฒ่าเต่า’ ผู้ซึ่งมีอริศัตรูเป็น ‘ไอ้กระเรียน’ (อาจารย์ของเทนชินฮังกับเชาสึ ก่อนที่ทั้งสองจะย้ายข้างมาเป็นศิษย์ร่วมสำนักกับโงกุนและคุริลิน)
ขนาดพระราชาผู้ปกครองโลกในเรื่องก็ยังเป็น ‘หมา’, ตัวร้ายอย่างฟรีสเซอร์เป็น ‘กิ้งก่า’, เซลล์เป็นเจ้าตัวแมลงสาบสีเขียว (อึ๋ย...), พิกโกโร่แรกปรากฏตัวในฐานะผู้นำของเหล่าสัตว์ประหลาดชั่วร้าย, เทพเจ้าที่จะปรากฏตัวเมื่อรวบรวมลูกแก้วดราก้อนบอลครบแล้วก็เป็น ‘มังกร’, สัตว์ในเทพนิยายจีนโบราณ ‘ท่านเจ้าพิภพ’ ผู้มีอำนาจระดับสูงกว่าเทพอื่น ๆ ทั้งบนสวรรค์และในยมโลก ก็เป็นหนอนตัวเขียว ๆ และอ้วนตุ้บ แถมยังมีเพื่อนเป็น ‘เจ้าจ๋อ’ กับผึ้งตัวน้อยไปอีก ฯลฯ
เท่าที่ทราบ ไม่มีใครเคยอธิบายหรือสัมภาษณ์โทริยะมะมาก่อนว่า เพราะเหตุใด ทำไม พระราชาของโลกที่โงกุนตอนเด็กเคยช่วยชีวิตไว้จากพิกโกโร่นั้นจึงปรากฏกายในรูป ‘น้องหมา’ ที่แน่ ๆ ในสังคมญี่ปุ่น หมาค่อนข้างได้รับการดูแลเลี้ยงดูในบ้านเป็นอย่างดี แมวหรือ ‘เนโกะ’ กลับเลี้ยงกันแบบปล่อยสบายอยู่ตามนอกบ้าน
ผิดกับในประเทศอื่น (รวมถึงประเทศไทย) แมวจะเลี้ยงไว้ภายในบ้าน หมาเลี้ยงนอกบ้าน แต่โทริยะมะกลับทำตรงกันข้ามกับชาวญี่ปุ่นทั่วไปในเรื่องนี้ คือเลี้ยงแมวไว้ในบ้านและที่ทำงานของตน แถมยังรักผูกพันขนาดนำเอามาเป็นตัวการ์ตูนในผลงานของตนเองอีกต่างหาก
นอกจากนี้เมื่อดูบริบทของสังคมญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุคที่โทริยะมะเกิดและโตนั้น เพิ่งจะผ่านเหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นต้องเผชิญโศกนาฏกรรม 2 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกันอย่างที่ฮิโรชิม่า และนางาซากิ ‘หมา’ ที่เป็นเจ้าครองโลกในดราก้อนบอล อาจจะเป็นภาพแทน (representation) ของสหรัฐอเมริกาในฐานะ ‘เจ้าผู้ครองโลก’ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงก็เป็นได้
แต่ในความเป็นศัตรูของอเมริกาต่อญี่ปุ่น ก็เป็นศัตรูที่ไม่ใช่แบบขาว - ดำสัมบูรณ์ อเมริกาเองมีบทบาทในการฟื้นฟูญี่ปุ่นให้กลับมาเป็น ‘เสือเศรษฐกิจใหม่’ ภายใต้ระบบโลกทุนนิยม ซึ่งกำลังแข่งขันกับสหภาพโซเวียตของโลกสังคมนิยมในยุคสงครามเย็น
ภาพพจน์อเมริกาในญี่ปุ่นจึงเปลี่ยนจากศัตรูมาเป็นมิตร และนี่เองอาจอยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ตัวละครที่ตอนแรกเป็นผู้ร้าย แต่ภายหลังได้ย้ายข้างมาเป็นพวกพ้องของพระเอก ไม่ว่าจะเป็นหยำฉา เทนชินฮัง พิกโกโร่ เบจิต้า แม้แต่ท่านบิลล์ที่เป็นตัวหลักในการอภิปรายในบทความนี้ก็อยู่ในข่ายนี้ด้วย
สิ่งนี้ (ผู้ร้ายย้ายข้างมาเป็นคนดี) เราจะเห็นได้จากเรื่องอื่น ๆ ด้วย ทั้งที่แต่งโดยโทริยะมะ และนักเขียนคนอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเซนต์เซย่า, ดราก้อนเควส, คนเก่งฟ้าประทาน, หรือแม้แต่วันพีซ
ดราก้อนบอล ซึ่งเป็นหนึ่งในการ์ตูนที่อยู่ในความทรงจำตลอดกาลของเด็กเยาวชนที่เกิดทันยุค 80s - 90s เป็นเรื่องที่ได้รับแรงบันดาลใจและดัดแปลงมาจากเรื่อง ‘ไซอิ๋ว’ วรรณกรรมคลาสสิกของจีน แต่ไม่ยักกะถูกจีนเคลมหรือมีเรื่องฟ้องร้องลิขสิทธิ์อะไรกัน ทั้งที่ดราก้อนบอลโด่งดังไปทั่วโลก
ที่จีนไม่เคลมหรือถ้าจะพูดให้ถูกคือทำไม่ได้ ก็น่าจะเพราะไซอิ๋วเป็นสิ่งที่เรียกว่า ‘คลังสมบัติสาธารณะของโลก’ ไปแล้วด้วยส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งก็คือดราก้อนบอลได้พัฒนาเนื้อเรื่องคลี่คลายไปกว่าภาคแรกที่นำมาจากไซอิ๋วไปสู่ภาคต่าง ๆ อีกเป็นอันมาก จนหลุดพ้นจากกรอบของไซอิ๋วไปเยอะ
อย่างไรก็ตาม เมื่อ ‘ซุนหงอคง’ ในไซอิ๋ว ถูกนำมาถ่ายทอดใหม่เป็น ‘ซุนโงกุน’ ในดราก้อนบอล โงกุนกับชาวไซย่าไม่ได้หลุดจากความเป็น ‘ไอ้ลิงกัง’ (คำด่าของฟรีสเซอร์)
หงอคงเป็นลิงที่ได้รับอำนาจพิเศษจนมีฤทธิ์แก่กล้าถึงกับสามารถยกพลลิงจากเขาโงโกะซันขึ้นไปถล่มสวรรค์และยึดอำนาจไปจากเง็กเซียนฮ่องเต้ได้ ส่วนโงกุนก็เป็นมนุษย์ลิงที่พัฒนาตนเองจนมีพลังจนเหนือกว่าพระเจ้า (อีกร่างของพิกโกโร่) หรือแม้แต่ ‘ท่านเจ้าพิภพ’ แต่โงกุนไม่ได้ยึดอำนาจสวรรค์หรือดาวของท่านเจ้าพิภพ โงกุนฝึกปรือกับทั้งสองเพื่อกลับไปปกป้องโลกและช่วยพวกพ้อง
ผิดกันก็คือ โงกุนยังมีลักษณะพิเศษแตกต่างไปกว่าหงอคง ตรงที่เมื่อเห็นพระจันทร์เต็มดวง โงกุนและชาวไซย่าจะแปลงกายเป็นลิงยักษ์สติหลุดอาละวาดทำลายไปทั่ว ส่วนนี้โทริยะมะนำมาจากเรื่องราวของ ‘มนุษย์หมาป่า’ ในโลกตะวันตก
และก็แน่นอนว่า ยุคของโทริยะมะนั้นจีนมีวาทะอันโด่งดังสะเทือนโลกอย่าง “แมวจะเป็นสีอะไรก็ได้ จับหนูได้เป็นพอ” ของท่าน ปธ.เติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีนคนใหม่ หลังยุคเหมา เจ๋อตุง ผ่านไป ‘แมว’ ที่ถูกเปรียบเหมือน ‘ความเป็นจีน’ แบบใหม่ ที่กลับหลังหันจากสังคมนิยมแบบเดิมมาเป็นส่วนหนึ่งของระบบโลกทุนนิยม
เมื่อ ‘แมว’ ยังเป็นสีอะไรก็ได้ นับประสาอะไรกับที่ ‘หงอคง’ จะเป็น ‘โงกุน’ บ้างไม่ได้!
ดราก้อนบอลในภาคแรกของจักรวาลหลัก ‘ปูอัล’ คู่หูของหยำฉา อดีตโจรทะเลทรายที่ต่อมาเป็นพวกพ้องคนหนึ่งของพระเอก มีลักษณะรูปร่างคล้ายแมว แต่ไม่ใช่แมว คำว่า ‘ปูอัล’ มาจาก ‘ผู๋เออร์’ ชื่อชาจีนชนิดหนึ่ง ส่วน ‘หยำฉา’ ก็เป็นอีกคำเรียกของชาจีนที่แพร่หลายในญี่ปุ่น
ดังที่ทราบกันว่า ดราก้อนบอลมีจุดเด่นเรื่องการตั้งชื่อที่นำเอาชื่อผัก ผลไม้ ของกินต่าง ๆ มาตั้งเป็นชื่อตัวการ์ตูนในเรื่อง หยำฉากับปูอัลก็ด้วย ปูอัลเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษ คล้ายแมวแต่ไม่ใช่แมว มีความสามารถด้านการแปลงกายเป็นอะไรก็ได้
หยำฉา ผู้ซึ่งเป็นตัวแทนของมนุษย์ที่ Loser ไม่ได้เก่งกาจเหมือนคนอื่น ๆ ในเรื่อง มีนิสัยเจ้าชู้จนบลูม่าที่เป็นแฟน ทิ้งไปคบกับเบจิต้า แต่หยำฉาไม่ใช่คนโชคร้ายไปเสียทีเดียว นอกจากเป็นพวกพ้องของพระเอกคนหนึ่งแล้ว ยังมีมิตรแท้ที่อยู่ข้างกายตลอดอย่างปูอัล
แม้ปูอัลไม่ใช่แมว แต่บทบาทของปูอัลในเรื่องก็ฉายภาพปูพื้นให้เห็นลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ (รวมทั้งแมว) ด้วย
กล่าวคือความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กข้างกายเช่นหยำฉากับปูอัลนี้ มีปรากฏในกรณีเทนชินฮังกับเชาสึด้วย ในเชิงเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างโงกุนกับคุริลิน ก็ดูจะไม่ต่างจากความสัมพันธ์ของหยำฉากับปูอัล และเทนชินฮังกับเชาสึ
แต่จะต่างกันลิบเมื่อเทียบกับกรณีเบจิต้ากับนัปปะ นัปปะตัวโตกว่าเบจิต้า แต่มีพลังน้อยกว่าเบจิต้า และเบจิต้าก็อยู่ในฐานะเจ้านายของนัปปะ เพราะเบจิต้ามีสถานะสูงส่งเป็นถึง ‘เจ้าชายแห่งดาวไซย่า’ นัปปะจึงเป็นผู้ติดตามรับใช้เบจิต้าเยี่ยงบ่าว ไม่ได้มีสถานะเป็นเพื่อนหรือเท่าเทียมกันแบบหยำฉากับปูอัล หรือเทนชินฮังกับเชาสึ หรือโงกุนกับคุริลิน
เมื่อเป็นความสัมพันธ์แบบนั้น (นาย - บ่าว) พอนัปปะพลาดพลั้งสู้โงกุนไม่ได้ เบจิต้าจึงสามารถฆ่าทิ้งได้โดยไม่ลังเล ผิดกับโงกุนและพรรคพวกที่เมื่อคนในทีมถูกฆ่าตาย จะโกรธแค้นจนระเบิดพลังที่เก็บกดไว้ออกมา
สายสัมพันธ์ระหว่างคนตัวโตกับสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ข้างกายทั้งสองแบบนี้ (เพื่อน และหรือ เจ้านายกับไพร่ทาส) ก็เป็นลักษณะความสัมพันธ์ที่มนุษย์มีต่อสัตว์เลี้ยง การที่ผู้เลี้ยงแมวถูกนิยามเรียกกันในสังคมไทยว่า ‘ทาส’ ก็เป็นอีกเรื่องที่สะท้อนลักษณะความสัมพันธ์ดังกล่าวนี้
เพิ่มเติมในชั้นหลังมานี้มีความสัมพันธ์อีกประเภทคือ ความรักผูกพันต่อสัตว์เลี้ยงในฐานะที่เปรียบประดุจบุตรในอุทรณ์ (บางกรณีมีการล้อกันว่ารักยิ่งกว่าลูกที่เป็นมนุษย์ของตนเองเสียอีก - ว่าไปนั่น)
ดูเหมือนความสัมพันธ์หลักที่โทริยะมะแสดงให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น คือความสัมพันธ์แบบหยำฉา - ปูอัล เทนชินฮัง - เชาสึ และหรือโงกุน - คุริลิน เป็นความสัมพันธ์แบบเพื่อน ซึ่งวางอยู่บนหลักการของความเท่าเทียมกัน แม้ว่าพลังการปล่อยแสงแต่ละคนจะไม่เท่ากัน แต่ความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนนั้นคือ ‘คนเท่ากัน’ (กรณีมนุษย์กับมนุษย์) และหรือ ‘สัตว์โลก (ย่อม) เท่ากัน’ (กรณีมนุษย์กับสัตว์หรือสัตว์กับสัตว์)
ความสัมพันธ์ที่มีต่อสัตว์เลี้ยงนี้แท้ที่จริงคือการจำลองความสัมพันธ์ทางสังคมเข้ามาไว้ภายในบ้านเรือนนั่นเอง!
ตัวการ์ตูนดราก้อนบอลตัวแรกที่เป็นแมวขาวขนปุยมีชื่อเต็มว่า ‘ท่านคาริน’ เดิมโทริยะมะตั้งใจจะให้ท่านคารินมีขนสีน้ำเงิน แต่เมื่อทีมงานวาดเป็นสีขาว แล้วเห็นเหมาะสมกว่า ท่านคารินก็เลยเป็นแมวขาว อดเป็นแมวสีน้ำเงิน แต่ไม่เป็นไร เพราะในยุคเดียวกัน มีแมวสีน้ำเงินโด่งดังอยู่แล้วนั่นคือ ‘โดราเอมอน’ และที่ท่านคารินจะหลับตาตลอดเวลานั้นก็เพราะโทริยะมะวาดจาก ‘เคโงะ’ ซึ่งกำลังหลับอยู่ เนื่องจากวาดตอนอื่นไม่ได้ อย่างที่รู้กันแมวไม่ค่อยจะชอบอยู่นิ่ง ๆ ให้เป็นแบบวาดรูปได้เท่าไรเลย
ท่านคาริน เป็นแมวเฝ้าหอคอยที่อยู่กึ่งกลางระหว่างโลกมนุษย์กับสวรรค์ชั้นถัดไป โดยมีกระบองวิเศษที่ยืดหดได้ตามใจผู้ใช้ ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของโงกุนตอนเด็ก เป็นของเชื่อมต่อยาวถึงกันจากบนหอคอยของท่านคาริน จะยาวไปจนถึงหอคอยอันเป็นที่พำนักของพระเจ้า หรือก็คือสวรรค์นั่นเอง
ท่านคารินเป็นแมวที่มีอายุเยอะ อยู่เฝ้าหอคอยมาหลายร้อยปี มีไม้เท้าข้างกลายซึ่งเป็นสัญลักษณ์ว่าแท้ที่จริงแล้วท่านคารินคือ ‘ผู้เฒ่าอาวุโส’ เป็นอาจารย์ของอาจารย์ของพระเอกในเรื่องอีกต่อหนึ่ง เพราะเคยสอนผู้เฒ่าเต่ามาก่อน น่าสังเกตด้วยว่าไม้เท้าของท่านคาริน เป็นไม้เท้าแบบเดียวกับที่พระเจ้าใช้ในเรื่องด้วย ก่อนจะขึ้นไปพบพระเจ้า ต้องพบท่านเหมียวคารินก่อน เพราะท่านเป็นผู้เฝ้าหอคอยให้พระเจ้า กล่าวอีกนัยคือ ท่านคารินคือ ‘แมวของพระเจ้า’ นั่นเอง นับว่าท่านเหมียวผู้นี้มีสถานะและบทบาทอย่างสูงในเรื่องดราก้อนบอล
ด้วยเหตุนี้ โงกุนกับพรรคพวกจึงเรียกแมวตัวนี้ด้วยสรรพนามว่า ‘ท่าน’ ด้วยความเคารพอยู่ตลอด ซ้ำท่านคารินยังมีบทบาทเปรียบเสมือนที่ปรึกษา (adviser) ด้านการต่อสู้ให้กับโงกุนและพรรคพวกอยู่เสมอ เช่น การให้คำปรึกษาว่าจะล้มราชาปีศาจอย่างพิกโกโร่ได้อย่างไร การวัดพลังว่าโกฮังเมื่อระเบิดพลังขั้นสุดแล้วจะคว่ำเซลล์ได้หรือไม่
ข้างล่างของหอคอยบนพื้นโลกมนุษย์ มีนักรบชนเผ่าอินเดียนแดงคอยเฝ้าไม่ให้ใครมารบกวนเสาหอคอยนี้อยู่ มีตำนานกล่าวว่าผู้ที่สามารถปีนขึ้นหอคอยนี้ได้จะได้รับพลังเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว ผู้ที่ขึ้นหอคอยนี้และเพิ่มพลังได้สำเร็จได้แก่ ผู้เฒ่าเต่า และโงกุน นอกจากนี้นักฆ่าอย่าง ‘เถาไปไป่’ กับซามูไรตัวกลมชื่อ ‘ยาจิโรเบ้’ ปีนขึ้นไปได้ แต่กลับไม่ได้พลังเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ก็เพราะว่าการปีนหอคอยเท่ากับเป็นการฝึกฝนทั้งกายและใจของผู้ปีน เมื่อขึ้นไปถึงยังต้องไล่จับท่านคารินให้ได้ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องยาก เพราะท่านคารินมีความรวดเร็วว่องไว เมื่อจับได้แล้ว ท่านคารินก็จะให้กิน ‘ถั่ววิเศษ’ หรือ ‘ถั่วเซียน’ เป็นถั่วที่กินแล้วจะหายจากอาการบาดเจ็บและอ่อนล้า ทำให้ฟื้นพลังอย่างทันทีทันใด
การปีนหอคอยและไล่จับท่านคาริน ถือเป็นกุศโลบายในการฝึกฝนสร้างพลังให้กับตัวเอง เหมือนได้ออกกำลังกายเยอะนั่นเอง แต่เถาไปไป่กลับเป็นพวกใช้ทางลัด ไม่ยอมฝึก คิดว่าเมื่อขึ้นไปถึงหอคอยแล้วได้กินถั่ววิเศษก็ได้รับพลังโดยอัตโนมัติ ในกรณีของเถาไปไป่การขึ้นหอคอยไปพบท่านคารินจึงไม่ได้ช่วยเพิ่มพลัง ยาจิโรเบ้ก็ได้พลังเพียงเล็ก ไม่ได้ฝึกฝนตนเองเช่นกัน
แต่ยาจิโรเบ้ไม่มีจิตคิดร้ายเหมือนเถาไปไป่ ในเรื่องยาจิโรเบ้น่าจะเป็นผู้ที่ได้กินถั่วเซียนเยอะกว่าใคร แต่ไม่ได้พลัง เพราะชอบรสชาติของถั่วซึ่งเมื่อกินเม็ดหนึ่งจะอิ่มไปนานหลายวัน จึงเหมาะกับนิสัยขี้เกียจของยาจิโรเบ้ ยาจิโรเบ้กลายเป็นคู่หูและเพื่อนซี้ของท่านคาริน เพราะเมื่อขึ้นไปถึงหอคอยและได้กินถั่วแล้ว เขาก็ไม่ได้กลับลงมา ยกเว้นแต่ตอนที่ได้รับคำสั่งจากท่านคารินให้เอาถั่วเซียนไปให้แก่พวกพระเอก
ในเรื่องท่านคารินเป็นคนเดียวที่สามารถปลูกถั่วเซียนได้ คนอื่นทำไม่ได้ แม้แต่ยาจิโรเบ้ก็ทำไม่ได้ ไม่ทราบว่าเพราะอะไร ในเรื่องไม่ได้บอกเอาไว้ อย่างไรก็ตามการที่ท่านคารินเป็นแมวเฝ้าหอคอยที่จะไปสู่สรวงสวรรค์ ย่อมเป็นแมวที่ถึงพร้อมซึ่งความดีและมีความรู้บางอย่างที่สิ่งมีชีวิตอื่นไม่มีหรือทำไม่ได้เป็นธรรมดา
ในเอเชียตะวันออกและอุษาคเนย์จะนิยมยกย่องแมวไว้ในฐานะสัตว์มีบุญบารมีสูง เป็นเณร เป็นพระ มาเกิด เมื่อตายจะได้ขึ้นสวรรค์ และการฆ่าแมวถือเป็นบาปมหันต์ เหมือนฆ่าพระฆ่าเณรหรือผู้ทรงศีล แมวใกล้ความเป็นเทพและได้สิทธิเข้าถึงสรวงสวรรค์มากยิ่งกว่ามนุษย์
ในหลายสังคม แมวขาวขนปุยอย่างท่านคารินนี้มีบทบาทในพิธีกรรม ไม่ว่าจะเป็นพิธีกรรมหลังได้อำนาจอย่างในสังคมไทยสยามคือพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ที่จะมีพิธีเฉลิมพระราชมณเฑียร (ภาษาชาวบ้านคือพิธีขึ้นบ้านใหม่) ก็จะมีขั้นตอนที่เรียกว่า ‘อุ้มวิฬาร์’ คือการอุ้มแมวเข้าไปในพระราชมณเฑียรหลังใหม่ที่จะใช้เป็นที่ประทับว่าราชกิจในรัชกาล หรืออย่างพิธีแต่งงานแบบดั้งเดิมของคนลาว เขมร พม่า เวียดนาม ชวา มลายู จะมี 2 สิ่งที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวนำเอามาแลกเปลี่ยนกันคือ ‘พืชพรรณ’ (ในไทยนิยมใช้กล้วยกับอ้อย) กับสัตว์เลี้ยงคือ ‘แมว’ เป็นต้น
นอกจากนี้ความเชื่อเดิมในเอเชียตะวันออกและอุษาคเนย์ ยังมีเรื่องการใช้สัตว์เลี้ยงเป็นตัวแทนนำไปสู่ภพหน้า (แน่นอนว่าภพภูมิที่ว่านี้ สรวงสวรรค์มาเป็นอันดับต้น) เป็นความเชื่อสืบเนื่องจากบทบาทของหมาแมวในฐานะผู้นำส่งวิญญาณในโลกหลังความตาย เมื่อคนรักสัตว์เสียชีวิต สัตว์เลี้ยงแสนรักของตนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเมื่อยังมีชีวิตอยู่นั้นแหละจะมาพาเดินขึ้นไปสู่สวรรค์
ในอดีตยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ความเชื่อนี้ทำให้เมื่อบุคคลสำคัญเสียชีวิต หมอผีจะให้ฆ่าสัตว์เลี้ยงของบุคคลนั้นฝังไว้ข้าง ๆ ศพบุคคลนั้นด้วย ในอียิปต์จึงพบมัมมี่แมว แม้แต่ในดินแดนประเทศไทย ก็มีพบศพหมาถูกฝังอยู่ข้าง ๆ ศพมนุษย์ เช่น ที่เมืองโบราณศรีเทพ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง เป็นต้น หมาแมวเป็นมิตรแท้ของมนุษย์มาอย่างยาวนานทีเดียว
การที่โทริยะมะให้แมวในดราก้อนบอลอย่างท่านคาริน หรืออย่างท่านบิลล์ (ที่จะกล่าวถึงในลำดับถัดไป) มีสถานะสูงส่งอย่างในเรื่อง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใดเลย เป็นเรื่องที่มีในระบบความเชื่อดั้งเดิมของชาวเอเชียตะวันออกและอุษาคเนย์ คาบเกี่ยวไปถึงอินเดีย อียิปต์ เมโสโปเตเมีย ตะวันออกกลาง และตะวันตก ก็ไม่เว้น
นอกจากเคโงะ/ท่านคาริน ยังมี ‘ท่านบิลล์’ เป็นอีกตัวการ์ตูนที่สำคัญของเรื่องในภาคหลัง ๆ ท่านบิลล์ก็เอามาจากแมวที่โทริยะมะเลี้ยงไว้อีกตัวถัดมาที่ชื่อ ‘ดีโบ’ (Debor) เป็นแมวพันธุ์คอร์นิชเรกซ์ (Cornish Rex) ประเภทไม่มีขน
ท่านคารินคือแมวของพระเจ้า หรือก็คือแมวที่พระเจ้าเลี้ยงไว้เฝ้าหอคอย แต่สำหรับกรณีท่านบิลล์นี้ โทริยะมะเขยิบไปอีกขั้น ตรงที่ท่านบิลล์คือเทพเจ้าโดยตัวท่านเอง แต่ก็มี ‘วิส’ ที่เป็นคนดูแล คอยพาท่านบิลล์เข้านอนหรือปลุกขึ้นมาในยามฉุกเฉิน วิสมีพลังอำนาจมากกว่าท่านบิลล์ แต่ก็เป็นคนคอยรับใช้ท่านบิลล์ วิสจึงเปรียบเหมือนเป็น ‘ทาสแมว’ ในเรื่องอีกต่อหนึ่ง
ท่านบิลล์ปรากฏตัวในชุดแต่งกายเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับแบบตัวสฟิงซ์ของอียิปต์โบราณ อย่างไรก็ตาม ท่านบิลล์เป็นส่วนผสมกันอย่างลงตัวระหว่างเทพอินเดียกับเทพอียิปต์
การจัดแบ่งประเภทเทพเจ้าประจำแต่ละจักรวาลออกเป็นเทพผู้สร้าง ผู้รักษา และผู้ทำลายล้างนั้นเป็นอินเดียอย่างมาก ซึ่งจะมี 3 เทพอยู่ชั้นสูงสุดคือ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระนารายณ์ (ผู้รักษา) พระศิวะ (ผู้ทำลาย)
แต่แม้จะจัดประเภทให้เป็นเทพแห่งการทำลายเหมือนพระศิวะ โทริยะมะก็ไม่ได้นำเอาพระศิวะมาแปลงเป็นตัวการ์ตูน เลือกที่จะแปลงโดยการผสมกับอีกอารยธรรมคืออียิปต์โบราณ
ชาวอียิปต์โบราณในประวัติศาสตร์อารยธรรมโลก ถือเป็นจุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์ที่สำคัญของแมว เพราะเป็นยุคที่มนุษย์บูชาแมวเป็นเทพเจ้า มีการสร้างวิหารเพื่อให้แมวได้ประทับอยู่เหมือนอย่างเทพที่สิงสถิตอยู่ในปราสาทราชวัง มีการเลี้ยงดูแมวเป็นอย่างดี มีกฎหมายห้ามฆ่าแมว ใครทำคนนั้นจะถูกลงโทษถึงขั้นต้องถูกประหารชีวิตให้ตายตามแมวไป
ในมหาสงครามที่อียิปต์รบพุ่งกับชาวเปอร์เซีย ชาวเปอร์เซียได้ใช้กลอุบายทำโล่เป็นรูปแมว (บางแห่งว่าเอาแมวมามัดติดกับโล่) ทำให้ทหารอียิปต์ไม่กล้าสู้เพราะกลัวจะทำร้ายแมว อียิปต์เลยแพ้สงครามครั้งนั้น แต่สำหรับชาวอียิปต์แล้ว นั่นเป็นชัยชนะในทางจิตวิญญาณ
ความรักผูกพันต่อแมว เช่นที่ชาวอียิปต์มีได้ส่งผ่านมาให้แก่ชาวกรีกและโรมันตามลำดับ แม้ไม่ถึงกับยกย่องแมวเป็นเทพเจ้า ชาวกรีกและโรมันต่างยังคงรักเอ็นดูต่อเจ้าสี่ขาขนปุยนี้เป็นอย่างดี จนกระทั่งยุคมืดมาเยือน ยุคมืดอันเกิดจากการครอบงำทางโลกย์ของคริสตจักร ชาวคริสต์ผู้มืดบอดทางปัญญาได้กล่าวหาว่าแมวเป็นลูกสมุนของแม่มด แม่มดแปลงกายเป็นแมวได้บ้างละ กระทั่งมีว่าแมวเป็นซาตานที่ลอบขึ้นมาจากนรกภูมิ (ไปกันใหญ่...) ในการล่าและจับเผาผู้ต้องหาว่าเป็นแม่มด ก็มีการล่าและจับเผาแมวไปด้วย (โอ๊ยนอ...)
การที่ท่านบิลล์ปรากฏตัวในรูปแมวที่อยู่ในเครื่องทรงอาภรณ์แบบอียิปต์โบราณ รวมถึงสถานะสูงส่งถึงขั้นเทียบเท่ากับพระศิวะในอารยธรรมอินเดีย ก็สะท้อนอยู่โดยนัยว่าโทริยะมะได้รับแรงบันดาลใจและมีพื้นความรู้เกี่ยวกับอารยธรรมอินเดียกับอียิปต์มาพอสมควร นอกเหนือจากที่แปลงหงอคงในไซอิ๋วของจีนมาเป็นโงกุนในดราก้อนบอลแล้ว ก็ยังแปลงเทพอินเดีย + อียิปต์ มาเป็นท่านบิลล์อีกด้วย
เดิมท่านบิลล์เป็นผู้ร้ายที่จะมาทำลายล้างดาวโลก แต่เกิดเปลี่ยนใจหลังจากได้สู้กับโงกุน เป็นจังหวะก้าวย่างพัฒนาการของตัวการ์ตูนจากร้ายกลายเป็นดี เช่นเดียวกับตัวอื่น ๆ ก่อนหน้า เช่น หยำฉา, เทนชินฮัง, พิกโกโร่, เบจิต้า, จอมมารบู เป็นต้น
คาแรคเตอร์ของแมวก็เหมาะจะเป็นเทพแห่งการทำลายล้างเอามาก ๆ เสียด้วย ผู้ที่มีประสบการณ์เคยเลี้ยงแมวหรือยังเลี้ยงอยู่ในปัจจุบันจะทราบดีว่า แมวนั้นเป็นตัวทำลายข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านขนาดไหน มุ้งลวดเอย ผ้าม่านเอย ที่นอนเอย กล่องกระดาษเอย ทิชชูเอย แก้วน้ำเอย จนถึงคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก คุณท่านก็ชอบมานั่งมานอนทับ ทำเอาเหล่า ‘ต๊าช’ ต่างปวดตับปวดไตไส้พุงกันมานักต่อนัก ยิ่งดุ ยิ่งตี ยิ่งทำ (นั่นแหละครับ)
แม้จะเป็นเทพ ก็ยังมีคาแรคเตอร์บางอย่างที่เป็นแบบแมว ๆ ท่านบิลล์สุดท้ายก็ยอมศิโรราบต่อขนมของกินอร่อย เช่นเดียวกับท่านคารินก็ชอบวิ่งเล่นไล่จับกับเหล่าจอมยุทธ์นักสู้ Z ทั้งหลาย ทุกคนล้วนมีจุดบกพร่องและสูงสุดสู่ความเรียบง่ายธรรมดา ผู้เฒ่าเต่าเป็นอาจารย์ที่ติดท็อปไฟว์ของอาจารย์ยอดนิยมของโลกการ์ตูน แต่ผู้เฒ่าเต่าก็เป็นตาแก่หื่นกาม โงกุนก็ไม่ได้ฉลาดหลักแหลม พระเจ้าก็มีอีกร่างที่เป็นปีศาจ (คือพิกโกโร่ในอดีต)
แม้โงกุนกับพวกจะเก่งกาจด้านการปล่อยพลังแสงกันแค่ไหน แต่เมื่อต้องมาใช้ชีวิตปกติ ทั้งโงกุนและโกฮังต่างยังต้องโดนจีจี้ (ภรรยาของโงกุน และแม่ของโกฮัง) บ่นด่าและบางครั้งก็เอากระทะฟาดกบาล โดยที่ระดับเทพทั้งพ่อ - ลูก ทำอะไรไม่ได้
มนุษย์เองก็ไม่ได้พิเศษเลิศเลอ ตรงข้ามมนุษย์จะพิเศษได้ก็ต่อเมื่อมีความเป็นสัตว์ สัตว์ต่างหากที่พิเศษและมีพลังอย่างแท้จริง สิ่งนี้มีนัยแฝงถึงแนวคิดแบบ ‘หลังมนุษยนิยม’ (Post-humanism) ในดราก้อนบอล เพราะไม่ได้ดำเนินเรื่องโดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ไม่ได้ยกย่องมนุษย์เลอเลิศที่สุดในเรื่อง
ถึงแม้จะนำเสนอว่าพระเจ้าเป็นเพียงมนุษย์ต่างดาวที่มาจากดาวนาเม็กก็ตาม แต่คู่ตรงข้ามของพระเจ้ากลับไม่ใช่มนุษย์โลกหรือแม้แต่ปีศาจซาตานจากนรกขุมไหน หากแต่เป็นมนุษย์ต่างดาวด้วยกันที่มีร่างเป็นสัตว์ประหลาด
สัตว์เป็นประชากรโลกเท่า ๆ กับที่มนุษย์เป็น การมีภาพตัวแทนในเรื่องเป็นสัตว์ยังเหมาะกับผู้ชมที่เป็นเด็กเยาวชน นับว่าดราก้อนบอลเป็นอีกเรื่องที่ได้ปลูกฝังจิตใจรักสัตว์ เห็นชีวิตสายพันธุ์อื่นมีค่า คู่ควรแก่การปกป้อง ในขณะเดียวกันพวกสัตว์เองก็อาจกำลังปกป้องเหล่ามนุษย์ขี้เหม็นอยู่เช่นกันก็ได้ เมื่อรู้จักเผื่อแผ่ความรักไปให้แก่สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ เมื่อนั้นแหละ เราจึงจะถึงพร้อมซึ่งความเป็นมนุษย์โดยสัมบูรณ์
เรื่อง : กำพล จำปาพันธ์
ภาพ : https://dragonball.fandom.com