คริสโตเฟอร์ จัดจ์: เจ้าของเสียง Kratos จาก God of War ผู้เคยมีอคติต่อการแสดงในเกม

คริสโตเฟอร์ จัดจ์: เจ้าของเสียง Kratos จาก God of War ผู้เคยมีอคติต่อการแสดงในเกม

ความคิดที่เปลี่ยนไปของ คริสโตเฟอร์ จัดจ์ (Christopher Judge) เจ้าของเสียง Kratos จาก God of War ที่เพิ่งคว้ารางวัลสาขาการแสดงยอดเยี่ยมไปจากงาน The Game Awards 2022 จากผลงานในเกม God of War Ragnarök ที่เมื่อก่อนเขาเคยต่อต้านการแสดงในวิดีโอเกม

  • การขึ้นรับรางวัล Best Performance ในงาน The Game Awards 2022 และคำกล่าวยาว 8 นาทีของ คริสโตเฟอร์ จัดจ์
  • เส้นทางอาชีพสายนักแสดงที่เป็นที่จดจำจากบท Teal'c ในซีรีส์ชุด Stargate
  • ความคิดที่แปรเปลี่ยนไปเมื่อได้มาเป็นส่วนหนึ่งของเกม God of War (2018)

ผมเป็นนักแสดงคนสุดท้ายในแคลิฟอร์เนียร์ที่ไปแคสท์บทบาท (Kratos) ใน God of War… คอรี (ผู้กำกับเกม) เองยังบอกกับผมเลยว่าเขาไม่คิดว่าผมจะเล่นบทนี้ หรือแม้แต่กรณีของผมเอง ถ้าตอนนั้นผมรู้ว่ามันคือเกม ผมอาจจะไม่สมัครเข้ามาตั้งแต่ทีแรกแล้ว

คือส่วนหนึ่งของถ้อยคำกล่าวรับรางวัลชนะเลิศสาขาการแสดง (Best Performance) ยาว 8 นาทีของ ‘คริสโตเฟอร์ จัดจ์’ (Christopher Judge) ชายเสียงเข้ม ร่างใหญ่ ผู้เป็นนักแสดงและนักพากย์เสียงเบื้องหลังตัวละคร ‘เครโทส’ (Kratos) จากเกม ‘God of War Ragnarök’ณ งาน The Game Awards 2022 ในวันที่ 9 ธันวาคม 2022

ไม่เพียงแต่ ‘อัล ปาชิโน’ (Al Pacino) นักแสดงในตำนานแห่งฮอลลีวูดที่ปรากฎตัวมามอบรางวัลจนสร้างความประทับใจให้คนดูอยู่ไม่น้อย แต่คำกล่าวรับรางวัลที่ยาวจนทางงานต้องขึ้นป้ายว่า ‘Please Wrap It Up’ หรือ ‘โปรดขมวดจบได้แล้วครับ’ ของจัดจ์ ที่สะท้อนให้เราเห็นถึงความหมายของบทบาทเครโทส ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในการขัดเกลามุมมองของเขาไปอย่างไร และความหมายของบทดังกล่าวที่มีต่อชีวิตของเขา

สาเหตุที่จัดจ์กล่าวเช่นนั้นบนเวทีก็เป็นเพราะว่า ส่วนหนึ่งทางทีมผู้พัฒนา God of War ก็อับจนหนทางในการใฝ่หาผู้คนที่เหมาะสมพอจะมาสวมบทเป็นเครโทส อีกส่วนหนึ่งก็เพราะว่าตัวจัดจ์เองเคยมีอคติต่อการแสดงในวิดีโอเกม เพราะเขามองว่าบทบาทในเกมเป็นที่ทางของนักแสดงที่ตกอับและค่อย ๆ จางหายไปอย่างช้า ๆ แต่การสวมบทเป็นโครโทสจะเปลี่ยนแนวคิดของเขาไปตลอดกาล

ก่อนจะมาสวมชุดโมชั่นแคปเจอร์และให้เสียงเป็นเครโทสในวิดีโอเกม จัดจ์เองก็คลุกคลีอยู่ในอุตสาหกรรมบันเทิงอยู่แล้ว เพียงแต่อยู่ในแขนงของภาพยนตร์และซีรีส์ โดยชิ้นงานที่ทำให้ผู้ชมจดจำใบหน้าเขาได้ และสามารถถือว่าเป็นหมุดหมายสำคัญของเส้นทางอาชีพของจัดจ์เลยก็คือการแสดงในทีวีซีรีส์แนวแอคชั่น-ไซไฟ ‘Stargate SG-1’ ในบท ‘Teal'c’ ผู้กำเนิดมาจากต่างดาว แถมยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นสัญลักษณ์อยู่ที่หัว

นอกจากซีรีส์ชุด Stargate แล้ว จัดจ์เองก็ได้ไปแสดงในภาพยนตร์และซีรีส์มากมายหลายเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากเสียเท่าไรนัก

หลายคนยังแทบไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่าเขาก็อยู่ในหนังเรื่อง ‘The Dark Knight Rises’ ภาพยนตร์แบทแมนปิดไตรภาคของเสด็จพ่อ คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) ด้วย!

ในด้านของผลงานการพากย์เสียงตัวละคร จัดจ์ก็มีผลงานอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง He-Man and the Masters of the Universe หรือบทบาทที่เป็นที่จดจำอย่างการให้เสียงเป็น ‘แม็กนีโต’ (Magneto) ในซีรีส์อนิเมชั่น X-Men: Evolution นอกจากนั้นก็ยังมีผลงานการพากย์เสียงใน World of Warcraft: Warlords of Draenor และ Starcraft II: Legacy of the Void อีกด้วย

แต่ดูเหมือนว่าตัวเขาดูจะไม่พิศมัยกับการแสดงในเกมเสียเท่าไรนัก ดังที่เราได้กล่าวไปในตอนแรก แต่เมื่อจัดจ์ได้ผ่านเข้ามาพบกับ God of War มุมมองและความรู้สึกที่เขามีต่อการแสดงในเกมก็พลิกผันไปตลอดกาล

มีอยู่วันหนึ่งผู้จัดการก็ส่งบท ๆ หนึ่งมาให้จัดจ์ได้ลองอ่านเพื่อที่จะไปออดิชั่นบทดังกล่าว ซึ่งเป็นบทบาทของตัวละครในเกม และอย่างที่เ้ราทราบกันว่าจัดจ์ดูจะไม่ชอบการที่จะต้องไปแสดงในเกมเสียเท่าไรนัก แต่ผู้จัดการของเขาก็ยืนกรานว่า “เอาน่า ลองอ่านดูก่อน” จัดจ์จึงค่อย ๆ เปิดหน้ากระดาษพร้อม ๆ กับเปิดใจตัวเองในการลองอ่านดู

พอผมได้ลองอ่าน ผมก็โทรกลับไปหาผู้จัดการผมทันที แล้วผมก็ถามเขาว่า ‘ไหนบอกว่าเป็นบทในเกมไง?’

ด้วยเนื้อเรื่องที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพประกอบไปด้วยตำนานของเทพ เคล้าด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ของพ่อ-ลูก ที่คนเป็นพ่ออย่างจัดจ์เองก็เข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง เขาจึงทึ่งกับสิ่งที่เห็นเอามาก ๆ เรื่องราวในเกมอาจไม่ได้เป็นอะไรที่ไร้สาระหรือมีเส้นเรื่องที่ด้อยคุณภาพเสมอไป กลับกันโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เขาได้อ่านมันกลับเป็นเนื้อหาคุณภาพไม่ต่างจากภาพยนตร์ดี ๆ สักเรื่องเลย

คือผมคิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่าทั้งหมดนี้มันจะไปอัดอยู่ในเกมได้ยังไง

หลังจากที่ทึ่งแรกกับการอ่านบทจนถึงขั้นว่าเขาบรรยายความรู้สึกว่า ‘ไม่รู้ตัวเลยว่าอ่านสคริปต์ของวิดีโอเกมอยู่’ ก็ยังมีทึ่งที่สองและสามหลั่งไหลตามต่อกันมาเรื่อย ๆ เมื่อเขาได้เข้าไปสู่กระบวนการออดิชั่นหรือเวิร์คช็อปเพื่อเตรียมตัวเองให้พร้อมกับการแสดง ถึงขั้นว่ามีการทดสอบเคมีของนักแสดงสองคน (Chemistry Test) ว่ามาแสดงร่วมกันแล้วจะเข้ากันได้หรือไม่ จนคำถามที่วนไปวนมาในความคิดของจัดจ์คือ

นี่มันคือเกมจริง ๆ ใช่ไหม?!

จนกระทั่งจัดจ์ก็เริ่มเปิดใจและมองปัจจัยหลาย ๆ อย่างให้กว้างขึ้นจนเขาได้เห็นว่า การมาแสดงในเกมก็ไม่ได้แปลว่าผลงานเหล่านั้นจะถูกลดทอนคุณภาพไป ดาราเบอร์ใหญ่อีกหลายคนก็มาแสดงในเกมกันตั้งเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็น ซามูเอล แอล. แจ็กสัน (Samuel L. Jackson) ใน Grand Theft Auto: San Andreas หรือ มาร์ก แฮมิลล์ (Mark Hamill) ที่พากย์เป็น โจ๊กเกอร์ (Joker) ในแบทแมนหลายเวอร์ชั่นไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือเกม ซึ่งก็คุณภาพคับจอทั้งนั้น

ท้ายที่สุด การได้มามีส่วนสำคัญใน God of War ทั้งสองภาคก็ทำให้จัดจ์ได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ ที่มีต่อการแสดงในเกมว่ามันก็ไม่ได้แย่เหมือนที่เขาเคยคิดว่ามันเป็น แถมเขายังกล่าวเพิ่มเติมต่ออีกว่ายุคสมัยนี้ กลายเป็นว่ามีดาราเบอร์ใหญ่อีกหลายคนเลยที่อยากจะมาแสดงนำในเกม เพราะคุณภาพของเกมที่ผลิตออกมาพิสูจน์ตัวเองอย่างประจักษ์ชัดต่อใครหลาย ๆ คนแล้วว่า เครื่องมือการเล่าเรื่องแบบนี้ก็เจ๋งแจ๋วไม่แพ้ภาพยนตร์เลยแม้แต่น้อย แถมยังมีบางแง่มุมที่ขยายไปไกลมากกว่าภาพยนตร์เสียด้วยซ้ำ

 

ภาพ

Getty Images 

Sony

 

อ้างอิง:

God of War: Games no longer where actors careers 'go to die' - BBC

God of War | Raising Kratos | "Making Of" Documentary - Youtube

God of War's Christopher Judge Stole The Game Awards With Fire Fit, Epic Speech - Kotaku