Cannibal Holocaust: หนังคัลท์ตำนาน สยองจนคนถามว่าถ่ายจากเรื่องจริงหรือเซ็ตถ่ายหนัง

Cannibal Holocaust: หนังคัลท์ตำนาน สยองจนคนถามว่าถ่ายจากเรื่องจริงหรือเซ็ตถ่ายหนัง

'เปรตเดินดินกินเนื้อคน' หรือ 'Cannibal Holocaust' ภาพยนตร์คัลท์สยองในตำนาน ผู้บุกเบิกภาพยนตร์แนว Found Footage ที่ทำออกมาสมจริงจนโดนข้อหาว่าฆาตกรรมนักแสดง

ไม่มีผู้สร้างคนไหนอยากทำงานกับผมเลย หลังจากภาพยนตร์เรื่องนั้น

หากกล่าวถึงภาพยนตร์ต้องห้าม ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คงต้องเป็น Cannibal Holocaust ด้วยความโหดและความสมจริงขีดสุดจนผู้กำกับภาพยนตร์ถึงขั้นว่าโดนกล่าวหาว่าก่อเหตุฆาตกรรมกับนักแสดงจริง ๆ จนเกิดเป็นประเด็นร้อนที่ถูกจารึกไว้บนประวัติศาสตร์ภาพยนตร์อย่างไม่เลือนหาย

ย้อนกลับไปในวันที่ 29 ธันวาคม 2022 รักเกโร ดิโอดาโต ผู้กำกับที่เนรมิตภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมาก็เสียชีวิตอย่างสงบด้วยวัย 83 ปี ด้วยเหตุนี้เราจึงถือโอกาสย้อนดูวีกรรมที่เขาได้ทิ้งไว้บนโลกใบนี้กับภาพยนตร์ Cannibal Holocaust ว่าเพราะอะไรผู้คนถึงพากันสงสัยว่าการตายและความโหดเหี้ยมในเรื่องคือเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง

เปรตเดินดินกินเนื้อคน

Cannibal Holocaust หรือที่รู้จักกันในชื่อไทยว่า เปรตเดินดินกินเนื้อคน คือภาพยนตร์สัญชาติอิตาลีที่ออกฉายในปี 1980 และกำกับอย่างเลือดเย็นโดย รักเกโร ดิโอดาโต (Ruggero Deodato) อดีตผู้ช่วยผู้กำกับจากกองถ่ายภาพยนตร์สปาเก็ตตี้เวสเทิร์น (Spaghetti Western) ระดับขึ้นหิ้งของ เซอจิโอ กอร์บุชชี (Sergio Corbucci) เรื่อง Django (1966) แต่ภาพยนตร์ที่นำพาชื่อของดิโอดาโตให้เป็นที่รู้จัก (ทั้งในทางลบและทางบวก ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาหรือมุมมองของผู้คน) ก็แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องที่เรากำลังจะกล่าวถึงกันในบทความนี้

ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของศาสตราจารย์ด้านมนุษยวิทยานามว่า แฮโรล มอนโรล (Harold Monroe) ที่ต้องเดินทางเข้าไปในป่าอเมซอนเพื่อไปตามหาทีมถ่ายทำสารคดีชาวอเมริกันจำนวนสี่คนที่ได้หายตัวไป ณ ป่าดังกล่าว มอนโรลและทีมก็ได้ตามรอยไปจนถึงชนเผ่าพื้นเมืองผ่านตัวประกันที่เขาจับไว้เพื่อใช้นำทาง แต่ท้ายที่สุดก็ได้พบว่าพวกเขาเหล่านั้นเพลือเพียงโครงกระดูก…

เนื้อหาที่เราเล่ามานั้นได้ครอบคลุมเนื้อหาไปกว่าครึ่งเรื่องแล้ว แม้จะมีแค่ฉากเปลือยกายนิด ๆ หน่อย ๆ แต่ก็ของจริงของหนังเรื่องนี้ยังไม่เริ่มขึ้นเลยด้วยซ้ำ เพราะแม้จะพบแต่โครงกระดูก แต่สิ่งที่มอนโรลได้ติดมือกลับนิวยอร์ดมาด้วยคือ ‘ม้วนฟิล์ม’ ของฟุตเทจที่ทางทีมงานได้บันทึกไว้ ไม่เพียงแค่มันเป็นหลักฐานเดียวที่พอจะไขความสงสัยได้บ้างว่าพวกเขาหายไปไหน แต่มันคือความสยองที่เกิดขึ้นบนผืนป่าอเมซอนที่ต้องถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ (ภาพยนตร์)

บิดาแห่งหนัง Found Footage

ก่อนจะหลอนกับกล้องวงจรปิดของ Paranormal Activity ก่อนจะขนหัวลุกกับวิดีโอของ The Blair Witch Project หรือแม้แต่ภาพยนตร์สัญชาติไทยที่ดังไกลไปหลายประเทศอย่าง ร่างทรง หนังที่ถูกยกให้เป็นผู้บุกเบิกหนังแนว Found Footage ก็คือ Cannibal Holocaust นี้เอง 

หากย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น การเล่าเรื่องสไตล์นี้นับว่าเป็นเรื่องใหม่ ถึงขั้นว่าฉีกกฎเดิม ๆ ที่เคยมีอยู่เลยก็ว่าได้ แถมยังลดเลือนเส้นกั้นระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องแต่งจากมุมมองของผู้ชมอีกด้วย เพราะแทนที่จะเป็นมุมกล้องสวย ๆ กับแสงไฟที่ถูกเซ็ทมาอย่างดี การนำเสนอเรื่องราวแบบ Found Footage กล้องจะมีความโครงเครงและไม่ได้มีภาพที่สมบูรณ์แบบเหมือนการถ่ายทำตามขนบ ให้ความรู้สึกเหมือนมีคนไปแอบบันทึกเหตุการณ์นั้นมาจริง ๆ 

แต่ปัจจัยที่ทำให้ผู้ชมตั้งคำถามว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า คือการทารุณกรรมสัตว์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในเรื่อง ตั้งแต่แมงมุม งู เต่า ลิง รวมไปถึงหมูป่าที่ถูกฆ่าจริง ๆ จนทำให้หลายคนโจมตีภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้ว่าดิโอดาโตจะออกมาบอกว่าสัตว์ที่ถูกฆ่าเหล่านั้นก็ถูกนำไปให้ชาวชนเผ่าที่มาเป็นตัวประกอบ (ใช่ครับ ตัวประกอบในเรื่องมาจากชนเผ่าพื้นที่จริง ๆ) แต่การฆ่าสัตว์และนำเสนอมันบนจอภาพยนตร์ก็เป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับอยู่ดี

 

หายไปหนึ่งปี จนโดนข้อหาฆาตกรรม

นอกจากความสมจริงที่มีอยู่ในเรื่องแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าสงสัยไปกว่าเดิมว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็คงเป็นเพราะการที่นักแสดงทั้งสี่หายหน้าหายตาไปอย่างไร้ร่องรอย จนมีข่าวลือว่าพวกเขาเหล่านั้นเสียชีวิตไปแล้วจริง ๆ ยิ่งทำให้ข้อสันนิษฐานที่ว่า รักเกโร ดิโอดาโต ได้ฆ่านักแสดงของเขาไปแล้วจริง ๆ สมเหตุสมผลกว่าเดิม

ครั้งหนึ่งตอนสู้คดีในชั้นศาล ผมได้พาหนึ่งในนักแสดงไปแล้วก็บอกกับผู้พิพากษาว่า ‘เห็นไหม เขายังมีชีวิตอยู่’

แต่เมื่อเรื่องราวไปไกลเกินกว่าที่ดิโอดาโตคิด เขาจึงต้องเผยกับสาธารณะชนว่าจริง ๆ แล้วเขาได้ทำสัญญากับนักแสดงว่าหลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายในระยะเวลาหนึ่งปี เหล่านักแสดงทั้งสี่ห้ามปรากฎตัวกับสื่อ เรียก ๆ ง่าย ๆ ว่าพยายามหายตัวไปเลย หนังเรื่องนี้จะได้ดูสมจริงกว่าเดิม แต่ดูเหมือนว่ามันจะเลยเถิดไปหน่อย ดิโอดาโตจึงรอดจากข้อหาฆาตกรรมไป

แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังโดนข้อหาการทารุณกรรมสัตว์จากการฆ่าสัตว์หลายตัวในเรื่อง แถมภายหลังหนังเรื่องนี้ ดิโอดาโตก็เผยว่าไม่ค่อยมีโปรดิวเซอร์คนไหนที่อยากจะทำงานกับเขาเสียเท่าไหร่

 

แรงบันดาลใจที่ก่อให้เกิดเป็น Cannibal Holocaust

ก่อนจะมาสร้างประวัติศาสตร์กับเปรตเดินดินกินเนื้อคน ดิโอดาโตก็เคยกำกับภาพยนตร์แนวคนกินคนมาก่อนแล้ว แล้วผู้สร้างภาพยนตร์จึงโยนโจทย์ใหม่ให้กับเขา ว่าอยากให้มีหนังคนกินคนในป่าดงดิบกันบ้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด

ดิโอดาโตได้แรงบันดาลใจในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากการดูข่าวในช่วงที่อิตาลีเกิดความรุนแรงจาก กองทัพแดง (Red Brigades) ซึ่งเป็นกลุ่มนิยมคอมมิวนิสต์ที่มุ่งแยกประเทศออกจากอิตาลี ดิโอดาโตเห็นว่าสื่อหลายสำนักดูพยายามที่จะนำเสนอข่าวและถ่ายภาพเหตุการณ์ให้ดูรุนแรง 

ดิโอดาโตพยายามจะสื่อว่าสิ่งที่เราเห็นอยู่รอบตัวอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป บางทีสิ่งที่เราคิดอาจจะถูกเหลาและชักนำโดยการนำเสนอของสื่อ เฉกเช่นเดียวกับ Cannibal Holocaust ที่ใครหลายคนก็พากันคิดว่าเป็นเรื่องจริง แต่แท้จริงแล้ว ทุกอย่างคือสิ่งที่เซ็ทขึ้นมา…

 

ภาพ:

IMDb

 

อ้างอิง

The Fascinating Story Behind One Of Horror’s Most Disturbing Films, 'Cannibal Holocaust' - Collider

The Making And Release Of 'Cannibal Holocaust' Was Just As Nasty As The Film Itself - Ranker

Ruggero Deodato, director of notorious horror Cannibal Holocaust, dies aged 83 - The Guardian