'ยิปซี แบลนชาร์ด' ลูกที่ถูกแม่หลอกว่าป่วยมาทั้งชีวิต คดีจริงที่จุดประกายให้หนัง Run

'ยิปซี แบลนชาร์ด' ลูกที่ถูกแม่หลอกว่าป่วยมาทั้งชีวิต คดีจริงที่จุดประกายให้หนัง Run

คดีจริงที่เป็นแรงบันดาลใจให้หนังสยองเรื่อง Run เกี่ยวกับ ยิปซี แบลนชาร์ด (Gypsy Blanchard) ลูกสาวผู้เข้าใจมาตลอดว่าเธอป่วยจนดูแลตัวเองไม่ได้ แต่แท้จริงแล้ว ดีดี้ แบลนชาร์ด (Dee Dee Blanchard) แม่ของเธอคือต้นเหตุของทุกสิ่ง จนวันหนึ่งทุกอย่างก็ปะทุเป็นโศกนาฏกรรม

  • เรื่องราวของ ยิปซี แบลนชาร์ด (Gypsy Blanchard) เด็กหญิงผู้โชคร้ายที่ต้องเกิดขึ้นมาบนโลกนี้ด้วยโรคภัยไข้เจ็บนานาประการ
  • เมื่อความเป็นจริงไม่เป็นดั่งภาพที่ปรากฏ คำลวงของ ดีดี้ แบลนชาร์ด (Dee Dee Blanchard) ผู้เป็นแม่ที่คอยดูแลยิปซี ที่จะพลิกเหตุการณ์นี้จากหน้ามือเป็นหลังมือ
  • เมื่อความอึดอัดปะทุเป็นความรุนแรงจนกลายเกิดเป็นโศกนาฏกรรมที่ทุกคนล้วนเป็นเหยื่อ

การจะหาอะไรที่อบอุ่นเทียบเท่ากับความรักจากคนเป็นแม่ที่ถ่ายทอดสู่ลูกก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเท่าไรนัก ความรักของแม่ก็เปรียบเสมือนไออุ่นที่คอยปลอบประโลมลูกคนเดิมอย่างไม่จางหายตราบชั่วชีวิตของคนเป็นแม่คนหนึ่งจะมีได้ แต่ในบางครั้งความรักของแม่นี้เองก็แปรเปลี่ยนเป็นยาพิษที่มาในรูปแบบของความห่วงใย…

เหตุการณ์ฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่ ดีดี้ แบลนชาร์ด (Dee Dee Blanchard) ถูกลูกแท้ ๆ ของตัวเองนามว่า ยิปซี แบลนชาร์ด (Gypsy Blanchard) วานบุคคลที่สามมาสังหารแม่ของตัวเองนับว่าเป็นอีกหนึ่งคดีฆาตกรรมอันแสนหักมุมและสะเทือนขวัญไปทั่วสหรัฐอเมริกา เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าเป็นเพราะอะไรกัน คนเป็นแม่ที่ดูแลลูกที่ป่วยจนดูแลตัวเองไม่ได้มาตลอดเกือบสองทศวรรษ ถึงต้องมาจบชีวิตเพราะลูกของตัวเอง… 

แต่เมื่อความจริงของเรื่องปรากฏก็ทำให้หลายคนต้องกุมขมับกันเข้าไปใหญ่ เพราะภาพจำที่คนส่วนใหญ่เข้าใจและเห็นมาตลอด กลับกลายเป็นเรื่องลวงหมดทั้งสิ้น แถมยังให้หลายคนตั้งคำถามต่ออีกว่า ใครกันแน่คือเหยื่อที่แท้จริง ดีดี้ แม่ผู้เป็นเหยื่อเสียชีวิต หรือ ยิปซี ลูกสาวที่วานฆ่าแม่แท้ ๆ ของตัวเอง

มีใครหลายคนออกมาบรรยายว่าเรื่องราวของสองแม่ลูกคู่นี้เหมือนหลุดออกมาจากภาพยนตร์สยองขวัญไม่มีผิด จนกระทั่งในปี 2020 ก็ได้มีการนำเหตุการณ์นี้ไปเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาคล้ายกันในชื่อ Run แม้จะไม่ได้นำเหตุการณ์นี้ไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แบบตรง ๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคดีของแม่-ลูกคู่นี้คือประกายไอเดียให้ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวถูกสร้างขึ้น

ในบทความนี้เราจะพาไปรู้จักกับคดีสะเทือนขวัญ การฆาตกรรมดีดี้ แบลนชาร์ด ด้วยฝีมือของลูกที่ (ถูกทำให้) เข้าใจ (ผิด) มาตลอดว่าตัวเองป่วย…
 

เด็กหญิงผู้โชคร้ายกับมารดาผู้อบอุ่น

ย้อนเวลากลับไปก่อนหน้าโศกนาฏกรรมจะเกิดขึ้น เมื่อนึกถึงชื่อ ยิปซี แบลนชาร์ด ภาพจำของสังคม ณ ขณะนั้นที่คนจำได้คือ เด็กหญิงผู้เกิดมาบนโลกนี้พร้อมกับความโชคร้าย ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยโรคภัยที่ทำให้เธอไม่สามารถใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนคนอื่น ๆ

ตั้งแต่แรกเกิด แม่ของเธอบอกว่าเธอเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) พอโตขึ้นมาอีกหน่อย แม่ของเธอก็บอกว่ายิปซีเป็นโรคลูคีเมีย (Leukemia) และ โรคกล้ามเนื้อเสื่อม (Muscular Dystrophy) จนทำให้การดำรงอยู่ด้วยตัวเองแบบปกติต้องถูกทดแทนด้วยการใช้วีลแชร์และการให้อาหารผ่านหลอดอาหาร 

แต่โรคภัยที่รุมเร้าก็หาได้หยุดแค่นั้น เพราะดีดี้ยังบอกอีกว่าลูกของเธอต้องทนทุกข์กับอาการชัก (Seizures), โรคหอบ (Asthma), รวมไปถึงความบกพร่องทางการมองเห็นและได้ยินอีกด้วย แถมยังมีปัญหาเรื่องฟันเน่าผุอีกด้วย เวลาจะเข้านอนก็ไม่สามารถนอนได้ดั่งคนปกติ เพราะเธอต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเข้าช่วย ด้วยโรคภัยที่รุมเร้าถาโถมมากเช่นนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่กิจวัตรประจำวันของยิปซีจะเต็มไปด้วยการกินยาอย่างมหาศาล แถมยังได้รับการผ่าตัดหลายครั้งเพื่อรักษาโรคเหล่านั้นที่เธอเผชิญ ถึงขั้นว่ามีครั้งหนึ่งที่เธอถึงขั้นที่โดนผ่าตัดต่อมน้ำลายออกไป นอกจากนั้นดีดี้ยังบอกอีกว่า แม้ร่างกายของยิปซีจะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุ แต่สมองของเธอกลับไม่ได้พัฒนาได้เร็วตามทัน เธอมีสติปัญญาเทียบเท่ากับเด็กอายุ 7 ขวบเท่านั้นเอง

แต่ก็นับว่ายังมีเรื่องโชคดี (?) ซ่อนอยู่ในความเลวร้ายที่เกิดขึ้น เพราะแม้ว่ายิปซีจะต้องเผชิญกับโรคภัยมากมายที่กัดกินความเป็นอยู่ที่สุขสบายของเธอ แต่เธอมี ดีดี้ แม่แท้ ๆ ของเธอที่คอยประคบประหงมดูแลเธออย่างไม่ละสายตา ทุกอาการ ทุกการรักษา ทุกสิ่งที่ยิปซีต้องการ ดีดี้จะเป็นคนกำหนดและจัดหามาให้เองทุกอย่าง แถมเธอยังเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่คอยดูแลลูกคนนี้ด้วยตัวคนเดียว

ความรักจากแม่สู่ลูกอันไร้ข้อจำกัดเช่นนี้เรียกความเห็นอกเห็นใจจากสังคมให้กับสองแม่-ลูกคู่นี้ได้เป็นอย่างมาก เธอได้รับเงินบริจาค การสนับสนุน และกำลังใจมหาศาลจากผู้คนที่ได้รับรู้เรื่องราวของพวกเธอ พวกเธอได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมาย ได้ไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์และคอนเสิร์ตต่าง ๆ กันแบบฟรี ๆ ถึงขั้นได้บ้านหลังใหม่ทาสีชมพูที่ออกแบบมารองรับวีลแชร์ หลังจากบ้านของพวกเธอถูกพายุเฮอร์ริเคนพัดหายไปทั้งหลัง

แต่แล้วในปี 2015 ดีดี้กลับถูกฆาตกรรมด้วยการแทงกว่า 17 แผลขณะที่เธอหลับโดยบุคคลที่สาม แต่ผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังก็หาใช่ใครอื่น กลับเป็นยิปซี ลูกสาวที่โรคภัยรุมเร้าที่เธอดูแลมาตั้งแต่เกิด… 

มันเกิดอะไรขึ้น?

 

เพราะรัก (?) หรอก… จึงหลอกลูก

กลับกลายเป็นว่าเบื้องหลังของความอบอุ่นและความห่วงใยทั้งหลายที่สังคมได้เห็นจากดีดี้และยิปซีนั้นไม่เป็นดั่งสิ่งที่ใครหลายคนคาดคิด และแน่นอน ไม่เป็นเหมือนที่ผู้เป็นแม่ได้บอกกล่าวให้กับทุกคนได้รู้ว่ายิปซีป่วย

เพราะแท้จริงแล้วยิปซี ‘สบายดี’! 

แม้เราจะเห็นว่าเธอนั่งวีลแชร์ แต่แท้จริงแล้วเธอเดินได้แบบคนปกติ โรคหลาย ๆ โรคที่แม่เธอบอกกล่าวกับคนรอบตัวว่าเธอกำลังเผชิญก็ล้วนไม่เป็นความจริง เฉกเช่นเดียวกับอาการสมองของเธอที่มีสติปัญญาเหมือนเด็กอายุ 7 ขวบ เพราะพัฒนาการของเธอก็พัฒนาไปตามปกติ… 

เอาง่าย ๆ คือเธอไม่เป็นอะไรเลย แต่หากย้อนไปดูภาพของเธอ เราจะเห็นได้ว่าเธอโกนหัวเสมือนกับว่าเธอป่วยจริง ๆ แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะดีดี้เองต่างหากที่ัจับเธอโกนผมให้ลุคของเธอดูเหมือนเป็นเด็กที่ป่วยจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เธอสบายดี (มีบางครั้งเธอถึงขั้นถามกับแม่เธอด้วยซ้ำว่าทำไมต้องใช้วีลแชร์เพราะเธอก็สามารถเดินได้ หรือว่าทำไมต้องกินยาเหล่านี้ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้รู้สึกเป็นอะไร)

แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเธอสบายดี? ตลอดการวินิจฉัยโรคของยิปซี ดีดี้ได้พาเธอไปหาแพทย์จำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่จากคนที่เธอพายิปซีไปพบก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอสบายดี ไม่พบอาการผิดปกติใด ๆ ตั้งแต่อาการหยุดหายใจขณะหลับ รวมไปถึงการที่ต้องกินอาหารผ่านท่ออีกด้วย ก่อนที่จะเปลี่ยนจากการกินอาหารแบบปกติมาเป็นทางท่อ ยิปซีเคยเอ่ยถามดีดี้เสียด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรต้องใช้ท่อ ทั้ง ๆ ที่เธอสามารถกินแบบปกติได้ แต่แม่ของเธอก็ย้ำชัดว่าเธอควรใช้ท่อ เพราะเธอไม่ได้ปกติเหมือนคนอื่น นอกจากนั้นเธอยังเคยโกหกอายุของยิปซีว่ามีอายุน้อยกว่าความเป็นจริงอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่ความจริงเธอแก่กว่านั้น เสมือนว่าเธอกำลังพยายามกักให้ยิปซีเป็นเด็กอยู่ตลอดกาล

การให้อาหารทางท่อไม่เพียงแค่สร้างความทุกข์ทรมานและความลำบากให้แก่ชีวิตของยิปซี แต่มันยังทำให้ดีดี้สามารถควบคุมทุกสารอาหาร - และอาจรวมถึงยาต่าง ๆ - ที่เธอจะได้รับเข้าไปในร่างกายของเธออีกด้วย แต่แม้ว่าโรคต่าง ๆ จะเป็นเรื่องไม่จริง แต่อาการที่ฟันของยิปซีเน่าผุนั้นเกิดขึ้นจริง ผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานกันว่าอาจเป็นเพราะยาต่าง ๆ ที่ยิปซีได้รับเข้าไปในร่างกาย (ทั้ง ๆ ที่ไม่จำเป็น) รวมถึงการผ่าตัดเอาต่อมน้ำลายออกอีกด้วย

แต่แรงจูงใจที่แท้จริงของดีดี้ก็ไม่สามารถระบุได้อย่างแน่ชัดว่าเพราะอะไร เพราะ ณ ตอนนี้เจ้าตัวก็จากโลกนี้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าเธอมีความบกพร่องทางจิตด้วยโรคที่ชื่อว่า ‘Munchausen Syndrome by Proxy’ ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นในหมู่ของผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ต้องการได้รับแสงและความสนใจจากสังคม ด้วยเหตุนี้จึงค่อนข้างสมเหตุสมผลกับพฤติกรรมของเธอที่พยายามสร้างสถานการณ์ให้ลูกแท้ ๆ ของเธอป่วย เพื่อที่จะได้รับความสนใจและผลประโยชน์ต่าง ๆ ที่หลั่งไหลเข้ามา

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใครเลยที่สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ เพราะย้อนกลับไปในตอนที่ยิปซีอายุ 14 ปี มีนักประสาทวิทยาคนหนึ่งที่ดีดี้ได้พายิปซีไปพบเริ่มสงสัยในความผิดปกติของอาการป่วยของยิปซี เพราะว่าเธอไม่ได้ผิดปกติอะไรเลย แต่แม่ของเธอก็ยังยืนกรานจะให้เธอมีอาการป่วยจนได้ นักประสาทวิทยาคนนั้นจึงสันนิษฐานว่าดีดี้น่าจะกำลังเผชิญกับโรค Munchausen Syndrome by Proxy แน่ ๆ แต่ก็ยังไม่ได้ดำเนินการเพิ่มเติมเพราะยังไม่มีหลักฐานที่มัดตัวเธอมากพอ

แต่ถึงกระนั้นก็มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีคนเกิดสงสัยความผิดปกติของอาการป่วย (ปลอม ๆ) ของยิปซีขึ้นจริง ๆ จนได้แจ้งให้มีคนไปตรวจ แต่ด้วยภาพลักษณ์ของการเป็นแม่ที่อบอุ่นและวาทศิลป์ที่ดูจริงใจของดีดี้ ผู้คนที่ได้ไปตรวจจึงเชื่อสนิทว่าเธอเป็นแม่ที่ดีที่ไม่ทิ้งลูกที่ป่วยหนักของเธอไปไหน… แม้แต่อดีตสามี ผู้เป็นพ่อของยิปซี ยังเคยเอ่ยกล่าวชมกับดีดี้ว่าเป็นแม่ที่ดีมาก ๆ ที่ไม่เคยทอดทิ้งยิปซีเลยแม้ว่าเธอจะป่วยขนาดนี้

และด้วยความที่ความช่วยเหลือจากภายนอกไม่สามารถเอื้อมมือเข้ามาคว้ายิปซีจากภัยร้ายในอ้อมอกของแม่แท้ ๆ ของเธอได้ ความเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้นจากตัวยิปซีเอง แต่ก็ถือเป็นโศกนาฏกรรมอันแสนหดหู่ที่ผลสุดท้ายของมันเลยเถิดจนต้องมีคนสังเวยชีวิตไปกับมัน

 

ปะทุเป็นโศกนาฏกรรม

/ เนื้อหาต่อไปนี้มีการบรรยายถึงเหตุการณ์การฆาตกรรมและอาจไม่เหมาะกับผู้อ่านบางท่าน /

ในวันที่ยิปซีเติบโตขึ้น ชีวิตและความต้องการของเธอก็วิวัฒน์ตาม ครั้งหนึ่งในปี 2011 ในตอนนั้นยิปซีเองก็อายุ 19 ปี และยิปซีก็ได้หนีออกจากบ้านเพื่อไปเดตกับผู้ชายคนหนึ่งที่เธอเจอ แต่ท้ายที่สุดดีดี้ก็ไล่ตามสืบจนตามไปเจอเธอจนได้ ดีดี้ได้โกหกอายุของยิปซีว่าเธอยังเด็กอยู่ และชายคนนั้นก็ไม่ควรเข้ามายุ่งกับเธอ ยิปซีเล่าว่าต่อเนื่องจากเหตุการณ์ในวันนั้น ดีดี้ได้พังคอมพิวเตอร์ของเธอรวมถึงมัดเธอไว้กับเตียงไม่ให้ไปไหนอีกด้วย ในบางคราวก็ถึงขั้นมีการทุบตีและให้อดอาหารอีกต่างหาก

เหตุการณ์นี้น่าจะกลายเป็นแผลในใจของยิปซีที่มีต่อแม่ที่ในวันหนึ่งมันได้ปะทุและกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่จะเปลี่ยนชีวิตทุกคนที่เกี่ยวข้องไปตลอดกาล…

ต่อมาราวปี 2015 ยิปซีก็สามารถกลับเข้าไปเล่นอินเทอร์เน็ตได้อีกครั้ง แม้ตอนนั้น Tinder จะถือกำเนิดขึ้นแล้ว แต่ก็น่าจะยังไม่เป็นที่นิยมหรือรู้จักมากนัก (หากเทียบกับในสมัยนี้) เธอจึงได้เข้าเว็บไซต์หาคู่ - ของชาวคริสต์ในอินเทอร์เน็ต จนได้ไปพบกับชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่า นิโคลัส โกดิจอห์น (Nicolas Godejohn) 

ทั้งสองจึงได้พูดคุยกันผ่านทางออนไลน์ ยิปซีได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งที่แม่ทำกับเธอให้นิโคลัสฟัง จากนั้นเธอจึงร้องขอให้เขาเข้ามากำจัดดีดี้เสีย ทั้งคู่จะได้ไปมีชีวิตอยู่ด้วยกันได้อย่างมีความสุข และฝ่ายชายก็ตอบตกลง…

ในคืนวันเกิดเหตุ ณ ตอนนั้นดีดี้ได้เข้านอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยิปซีได้นัดหมายกับนิโคลัสว่าจะให้เขาเข้ามาจัดการสิ่้งที่คุยกันไว้ให้เรียบร้อย ในวันนั้นยิปซีเองคือคนที่เปิดประตู พร้อมยื่นเทปพันสายไฟ ถุงมือ และมีดให้กับนิโคลัสเพื่อไปปลิดชีวิตแม่ของเธอ ก่อนที่ยิปซีจะหลบเข้าไปนั่งปิดหูอยู่ในห้องน้ำ เพื่อที่เธอจะไม่ได้ยินเสียงที่แม่ของเธอจะกรีดร้องออกมา

หลังจากนั้น นิโคลัสก็ได้บุกเข้าไปในห้องของดีดี้พร้อมมีดที่ยิปซียื่นให้ และได้แทงดีดี้จากข้างหลังไปกว่า 17 ครั้ง และเสียชีวิตลงเพราะขาดอากาศหายใจจากบาดแผลที่บริเวณปอด ในจังหวะนั้นเองยิปซีเล่าว่า แม้ว่าจะปิดหูอยู่ แต่เธอก็ได้ยินเสียงของแม่เธอตะโกนเรียกชื่อเธออยู่ เธอบอกว่าเธอก็อยากลุกขึ้นไปช่วย แต่เธอกลัวจนร่างกายของเธอไม่สามารถขยับได้ ก่อนที่เสียงของดีดี้จะเงียบลง

หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้ไปมีเพศสัมพันธ์กันในห้องส่วนตัวของยิปซี ก่อนที่จะเรียกรถแท็กซี่ไปที่โรงแรมม่านรูดที่นิโคลัสได้เช่าอยู่ และวางแผนการเดินทางเพื่อเริ่มชีวิตใหม่ด้วยกัน… ในทีแรกทางตำรวจคิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นการฆาตกรรมและลักพาตัว ก่อนที่ความจริงจะปรากฏว่า แท้จริงแล้วยิปซีเองคือผู้ร้องขอให้นิโคลัสมาสังหารแม่ของเธอ

 

ใครคือเหยื่อ?

ท้ายที่สุด เธอก็ถูกจับกุมและต้องรับโทษในเรือนจำนาน 10 ปีในข้อหาการฆาตกรรมระดับสอง (Second-Degree Murder) ส่วนนิโคลัสก็รับโทษกับการจำคุกตลอดชีวิตในข้อหาฆาตกรรมระดับแรก (First-Degree Murder) 

หลังจากได้ใช้ชีวิตในเรือนจำ ยิปซีก็ออกมาบอกว่าเธอมีความสุขกว่าตอนอยู่ข้างนอกตอนที่ต้องอยู่ในความดูแลของดีดี้หลายเท่าตัว แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่ได้มีความสุขกับการที่แม่ของเธอต้องเสียชีวิตไปเลยแม้แต่น้อย เธอบอกว่าเธออยากออกมาจากชีวิตของดีดี้ แต่ยิปซีก็ไม่ได้อยากให้แม่ของเธอต้องตาย

หลายคนตั้งคำถามกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่าใครกันแน่คือเหยื่อของเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่การจะตอบคำถามนี้ให้แฟร์ที่สุดเราคงต้องแยกแยะออกไปเป็นสองกรณี ในกรณีแรกคือการที่ยิปซีต้องเป็นเหยื่อจากการดูแลของดีดี้ ที่นำเอาโรคภัยต่าง ๆ (ที่เธอไม่ได้เป็น) มาสวมเอาไว้ให้เธอเป็น สำหรับอีกกรณีหนึ่ง ดีดี้เองก็เป็นเหยื่อเช่นเดียวกัน เธอตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงที่ไม่มีมนุษย์คนไหนควรได้รับ

แม้ว่าสองกรณีจะเกี่ยวโยงกันเพราะเหตุการณ์หนึ่งเป็นผลของเหตุการณ์หนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ได้ช่วยทำให้ความผิดของเหตุการณ์หลังกลายเป็นความผิด กลับกลายเป็นว่าทั้งยิปซีและดีดี้ก็เป็นทั้งเหยื่อและผู้ก่อเหตุในเหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นโศกนาฏกรรมอันน่าหดหู่ครั้งหนึ่งที่หักมุมจนคนทั้งโลกต้องช็อกไปตาม ๆ กัน

 

ภาพ : IMDb

อ้างอิง :
The Story of Gypsy Rose Blanchard and Her Mother - Biography
How a young woman forced to used a wheel chair, treated for several illnesses ended up in prison for her mother's murder - ABC News
Inside The Shocking Story Of Gypsy Rose Blanchard, The ‘Sick’ Child Who Killed Her Abusive Mother - all that's interesting
Gypsy Rose Blanchard Is Reportedly Engaged - Refinery 29
Gypsy Rose Blanchard | Copycat Killers | S3E09 - True Crime Central