03 มี.ค. 2566 | 20:00 น.
เจมส์ ฮอง (James Hong) ชื่อนี้คงไม่คุ้นหูใครหลายคนเสียเท่าไหร่นัก หากเทียบกับชื่อของนักแสดงฮอลลีวูดที่มีเลือดเอเชียอย่าง บรูซ ลี (Bruce Lee), แจ็คกี ชาน (Jackie Chan), หรือ ดอนนี เยน (Donnie Yen) แต่ถ้าได้ลองเอ่ยชื่อตัวละครที่ชายผู้นี้อยู่เบื้องหลัง เสียง ‘อ๋ออออ’ คงดังลั่นในหัวของใครหลายคนเป็นแน่ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ เพราะเขาคนนี้วนเวียนอยู่กับจอเงินแห่งฮอลลีวูดมาตั้งแต่ปี 1953 ซึ่งหากนับตั้งแต่ตอนนั้นมาถึงตอนนี้ก็ปาเข้าไปกว่า 7 ทศวรรษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างบทบาท อาปิง (Mr. Ping) เตี่ยของ อาโป (Po) จากภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Kung Fu Panda (2008) หรือว่าจะเป็นตัวละครอย่าง ชิฟู (Chi Fu) จากภาพยนตร์อนิเมชันที่เป้นหนึ่งในเจ้าหญิงดิสนีย์ที่ใครหลายคนน่าจะรู้จักอย่าง Mulan (1998) ก็เป็นเสียงของ เจมส์ ฮอง คนนี้นี่เอง นอกจากจะเป็นคนให้เสียงแล้ว ฮองก็ได้แสดงในภาพยนตร์อันเลื่องชื่ออีกมากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Blade Runner (1982) หรือ Big Trouble in Little China (1986)
แต่กว่าภาพยนตร์ ซีรีส์ อนิเมชั่น หรือแม้แต่วิดีโอเกมที่รวมแล้วได้กว่า 700 บทบาทที่เจมส์ ฮองได้สวมตั้งแต่ริเริ่มเข้าวงการ จนตอนนี้เขาได้ถูกขนานนามว่าเป็นนักแสดงที่มีผลงานจำนวนมากที่สุดในฮอลลีวูด (The Most Prolific Actor in Hollywood) เรื่องที่ส่งให้เขาทะยานขึ้นจุดสูงสุดก็คงเป็นเรื่องใดไปไม่ได้นอกเสียจากตัวเต็งที่กวาดรางวัลมาแล้วหลายต่อหลายเวทีอย่าง Everything Everywhere All at Once (2022) ที่นำแสดงโดย มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh) และ คี ฮุย ควน (Ke Huy Quan) และรวมถึง เจมส์ ฮอง ที่ได้สวมบทบาทเป็น อากง ของนางเอกซือเจ๊ของเรานี้เอง
ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวที่กำกับโดยฝีมือดูโอ้ผู้กำกับชื่อเดียวกันอย่าง แดเนียล ควาน (Daniel Kwan) และ แดเนียล ไชเนิร์ท (Daniel Scheinert) ก็ได้ไปโชว์ฟอร์มเทพกวาดเกือบทุกรางวัลจากงาน Screen Actors Guild Awards (SAG) ปี 2023 และแม้จะไม่ได้ชนะรางวัล แต่ฮองก็ได้ขึ้นเวทีไปกล่าวรับรางวัลกับเพื่อนพ้อง (หรือลูกหลาน) นักแสดงด้วย โดยใจความส่วนหนึ่งที่ฮองได้กล่าวคือ
“เมื่อสมัยก่อนนะ ผมจะเล่าให้ฟัง ตัวละครหลักของภาพยนตร์เรื่อง The Good Earth ที่เป็นชาวเอเชีย แต่นักแสดง (ที่ไม่ใช่ชาวเอเชีย) ต้องเอาเทปมาแปะตาให้ตี่และต้องพยายามพูดสำเนียงแบบชาวเอเชีย และโปรดิวเซอร์ก็ยังบอกอีกว่าคนเอเชียไม่เก่งพอจะมาเล่นหรอก แถมชื่อของพวกเขายังไม่ทำเงินอีกด้วย… แต่ดูพวกเราตอนนี้สิครับ!”
นอกจากนั้น ในปี 2022 ชื่อของ เจมส์ ฮอง ก็ยังได้ถูกจารึกไว้ใน Walk of Fame ของฮอลลีวูดอีกด้วย ถือเป็นคนที่ถูกจารึกชื่อไว้ในทางเดินแห่ง Walk of Fame คนที่ 2,723
จากวันนั้น วันที่ฮองเพิ่งก้าวเข้าเส้นทางสายนักแสดงในสหรัฐอเมริกา ชีวิตในฐานะนักแสดงชาวเอเชีย-อเมริกันไม่ง่ายลยแม้แต่น้อย โอกาสของนักแสดงเลือดเอเชียนั้นริบหรี่เป็นอย่างมาก ไหนจะความคาดหวังจากครอบครัวชาวเอเชียที่มองว่าอาชีพการแสดงไม่ใช่อาชีพ แต่เป็นการเต้นกินรำกิน แต่พอกาลเวลาผ่านไป ฮองยังยืนหยัดที่จะพิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่ และในวัย 93 ปี ฮองก็ได้ทำสำเร็จในด้านการพิสูจน์ว่า ‘ชาวเอเชียทำได้’ แต่แม้จะอีก 7 ปีเขาก็จะใช้ชีวิตอยู่มาบนโลกนี้ครบหนึ่งศตวรรษ แต่เจมส์ ฮองยังคงเดินหน้าแสดงต่ออย่างไม่หยุดยั้ง
นอกจากคำพูดที่เราเอ่ยไปข้างต้น ฮองยังทิ้งท้ายตอนที่เขาพูดไว้บนเวทีอีกด้วยว่า
“ผมหวังว่าผมจะกลับมายืนบนเวทีนี้อีกครั้งเมื่อตอนที่ผมอายุ 100 ปีนะครับ”
เห็นว่าเป็นนักแสดงรุ่นเก๋าแบบนี้ เจมส์ ฮอง หรือในชื่อจีน ‘อู๋ฮั่นจาง’ ไม่ได้เรียนสายการแสดง เขาได้แต่ซ้อมและหาโอกาสที่จะวิ่งตามฝันในด้านนี้ด้วยตัวเองล้วน ๆ หากถามว่าทำไมฮองถึงไม่ได้เรียนด้านนี้? ไม่ใช่ว่าเขาเพิ่งมานึกได้ว่าอยากเป็นนักแสดงแล้วค่อยมาเปลี่ยนสาย แต่จริง ๆ เขารู้ตัวว่าสนใจด้านนี้ตั้งแต่ยังเด็กแล้ว แต่สาเหตุที่ไม่ได้เดินตามฝันโดยตรงเป็นเพราะ… ‘พ่อกับแม่ไม่ให้’
ใช่ครับ จากกรณีนี้ ดูเหมือนจะทำให้เราเห็นว่าค่านิยมของชาวเอเชียที่มองว่าลูกหลานควรทำงานที่มั่นคงอย่างหมอหรือวิศวะนั้นมีมานานอยู่แล้วพอสมควร ฮองเล่าว่าพ่อแลพแม่ของเขามองว่าคนเราไม่ควรไปแสดงอารมณ์ต่อหน้าสาธารณะ มันน่าอาย เราควรเก็บงำความรู้สึกไว้กับตัวเองมากกว่า แถมพวกเขาก็ไม่ได้มองว่าการแสดงเป็นอาชีพเสียด้วยซ้ำ
ครอบครัวของฮองเปิดร้านสมุนไพรในรัฐมินนิโซตา (Minnesota) แต่หลังจากจบมัธยมศึกษา ฮองก็เก็บกระเป๋าไปเรียนต่อที่แคลิฟอร์เนีย (California) เพื่อศึกษาต่อในคณะวิศวกรรมโยธา (Civil Engineering) เพื่อให้พ่อและแม่ของเขาสบายใจ จนกระทั่งจบมาก็เลือกที่จะทำงานตรงสาย โดยการเป็นวิศวกรคุมงานก่อสร้างในลอสแองเจลิส (Los Angeles)
แต่ในขณะที่เรียนและทำงานในด้านที่ครอบครัวคาดหวัง ฮองก็ไม่ได้ปล่อยมือกับความฝันของตัวเอง ตลอดระยะเวลาที่เขาขจ้องเกี่ยวอยู่กับงานด้านวิศวกร เขาก็ได้หางานด้านการแสดงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็มีงานแสดงเข้ามาหาเขาบ้างเป็นครั้งเป็นคราว แต่ก็ไม่ได้เฉิดฉายอะไรมาก จนกระทั่งตอนที่เขาได้ไปแสดงในรายการโทรทัศน์ชื่อว่า You Bet Your Life ที่มี โกรโช มาร์กซ (Groucho Marx) เป็นผู้ดำเนินรายการ
และสาเหตุที่ทำให้เขาดังก็คือการที่เขาได้ไปทำท่าเลียนแบบพิธีกรอย่าง โกรโช ที่น่าจะโดนใจหลายคนจนเป็นหมุดหมายที่ปูทางเขาเข้าสู่วงการฮอลลีวูด และได้เริ่มมีงานการแสดงเข้ามานับตั้งแต่นั้น จนได้ไปแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกอย่าง Soldier of Fortune ในปี 1955 และตลอดเส้นทางของเขาเรื่อยมา จนทำให้เขาได้ตัดสินใจเลิกเป็นวิศวกรและเดินหน้าเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัว
ฮองเล่าย้อนว่า แม้จะได้อยู่ในวงการและเดินตามฝันในฐานะนักแสดงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ใช่ว่าการมันจะราบรื่นเสมอไป นักแสดงเชื้อสายเอเชียเรียกได้ว่ามีโอกาสและพื้นที่น้อยมาก ๆ ในฮอลลีวูด บทที่ได้ก็จะมีแต่บทตัวประกอบที่มีลักษณะเดิม ๆ ส่วนตัวละครหลัก แม้ตัวละครนั้น ๆ จะเป็นคนเอเชีย แต่คนขาวก็จะได้บทเหล่านั้นไปทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้เขาเลยได้ตัดสินใจเปิดสำนักละครเวทีของตัวเองเสียเลย ซึ่งมีนามว่า East West Players เป็นคณะละครเวทีสำหรับนักแสดงเชื้อสายเอเชียให้มาแสดงศักยภาพของตัวเองอย่างจริงจัง ไม่ต้องไปรับบทตัวประกอบที่ และที่นี่เองที่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ช่วยฟูมฟักและฉายแสงให้นักแสดงสายเลือดเอเชียอีกมากมายหลายคน
และแม้ว่าฮองจะอยู่ในวงการมายาวนานกว่า 70 ปี และมาอายุถึง 94 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ฮองก็ยังเป็นนักแสดงที่ร่าเริงและมีพลังอย่างเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่วางมือจากเส้นทางสายบการแสดงง่าย ๆ เสียด้วย ไม่แน่ เมื่อตอนที่เขาอายุ 100 ปี เขาอาจจะได้ขึ้นเวทีไปรับรางวัลก็เป็นได้
ภาพ : Irvin Rivera / Contributor - Getty Images
อ้างอิง : He’s probably been in more movies than any actor in Hollywood history - CNN