แฉเจ้าลัทธิในเกาหลี ใช้ความเชื่อลวงคนให้ทำตามสั่ง สู่การตีแผ่ในสารคดี In the Name of God

แฉเจ้าลัทธิในเกาหลี ใช้ความเชื่อลวงคนให้ทำตามสั่ง สู่การตีแผ่ในสารคดี In the Name of God

JMS (Jeong Myeong Seok) เจ้าลัทธิในเกาหลีใต้กล่าวอ้างต่าง ๆ นานา ใช้ความเชื่อ ความศรัทธา ล่อลวงคนให้หลงเชื่อ เขาใช้ความไว้วางใจของคนติดตามก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศจนกลายเป็นคดีใหญ่ในเกาหลีใต้ เขาเป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกสารคดี In the Name of God ตีแผ่เรื่องฉาว

จากสารคดีเรื่อง ‘In the Name of God: A Holy Betrayal’ ที่เผยแพร่มาตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ได้รับความสนใจอย่างมากในสังคมเกาหลีใต้ เพราะมีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้นำทางศาสนาชื่อดัง 4 คนที่เผยแพร่ลัทธิความเชื่อเพื่อชักชวนให้ผู้มีศรัทปฏิบัติตามแนวทางของตน

โดยเนื้อหาในสารคดีถูกแบ่งออกเป็น 8 ตอนและแต่ละตอนจะมีการนำเสนอเรื่องราวผ่านบุคคลที่เคยเป็นหนึ่งในผู้ศรัทธาทีมงานคอยช่วยเผยแพร่ลัทธิหรือผู้เสียหายจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทว่าเรื่องราวในบทความนี้ผู้เขียนจะขอนำเสนอเพียง 1 เหตุการณ์เนื่องจากเป็นคดีที่ถูกจับตามองทั้งจากสื่อและผู้คนในสังคมเกาหลีอย่างมาก โดยเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ JMS (Jeong Myeong Seok) ซึ่งเป็นผู้นำและเผยแพร่ความเชื่อจากกลุ่ม Christian Gospel Misson (CGM) โดยมีสมาชิกอยู่ทั้งในเกาหลีใต้และต่างประเทศ

ทว่า Jeong Myeong Seok เป็นใคร? เขาสามารถชักจูงให้ผู้คนเกิดความเชื่อและศรัทธาจนกระทั่งยอมติดตามเขาได้อย่างไร? แม้กระทั่งการมีส่วนเกี่ยวข้องกับข่มขืนกระทำชำเรา (แม้ในปัจจุบันเขายังปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อยู่) ต่างก็เป็นเรื่องน่าสนใจทั้งสิ้น

Jeong Myeong Seok เกิดเมื่อวันที่ 16 มีนาคม ค.ศ. 1945 จังหวัดชอลลาเหนือ ชีวิตวัยเด็กเรียกได้ว่าครอบครัวค่อนข้างยากจนเนื่องมาจากภัยสงคราม ทำให้เขาทำได้เพียงจบชั้นประถมโดยไม่ได้เข้าเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาหรือในระดับอุดมศึกษาด้วยซ้ำ

ทว่า เด็กคนนี้กลับมีความศรัทธาในเรื่องของศาสนาเพราะได้ยินเสียงคนตะโกนริมทางว่า “อวสานของโลกมาถึงแล้ว จงเชื่อมั่นในตัวพระผู้เป็นเจ้า!” จึงเป็นจุดเริ่มต้นความสนใจทางด้านศาสนาของเขาจนได้มีโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียนสอนศาสนา

ต่อมา Jeong Myeong Seok ได้มีโอกาสเข้ามาใช้ชีวิตในโซลโดยมุ่งเน้นแต่การอ่านพระคัมภีร์และใช้ชีวิตตามหลักคำสอนเท่านั้น โดยเราสามารถดูได้จากทางสารคดีซึ่งเขา(อ้างว่า)อ่านพระคัมภีร์มากกว่า 2,000 รอบและยังถือศีลอดอย่างเคร่งครัดซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้เจอกับผู้มีศรัทธากลุ่มแรก

ก่อนจะเล่าถึงเหตุการณ์ต่อไป ทางผู้เขียนเองอยากจะอธิบายสภาพสังคมในช่วงปี 1980 เพื่อให้ทุกคนได้เห็นภาพกันก่อน

ในช่วงเวลานั้นเรียกได้ว่าเป็นช่วงมืดมนของเกาหลีใต้ เนื่องจากการปกครองด้วยเผด็จการทหารจนทำให้มีประชาชนจำนวนมากลุกขึ้นมาต่อต้านและเกิดการล้มตายอย่างมาก ทำให้สังคมตกอยู่ท่ามกลางความสับสน และทำให้ผู้คนมองไม่เห็นหนทางในการดำรงชีวิต ซึ่งนั่นคือช่องว่างที่ทำให้ชายผู้นี้แทรกเข้ามาอยู่ภายในจิตใจของผู้คนได้อย่างง่ายดาย

วิธีการเผยแพร่และชักชวนผู้คนของ Jeong Myeong Seok นั้นเริ่มขึ้น ณ บริเวณย่าน Sinchon ซึ่งเป็นย่านที่มีมหาวิทยาลัยชื่อดังอยู่ได้แก่ Yonsei University, Ewha Womans University, Sogang University, Hongik University และ Myongji University

เขาเริ่มต้นชักชวนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเหล่านี้ให้เข้าร่วมกลุ่มและนักศึกษาเหล่านี้เองก็จะค่อย ๆ ชักชวนเพื่อนที่อาจเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเดียวกันหรือต่างมหาวิทยาลัยมาเข้าร่วมต่อกันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งมีกลุ่มผู้ศรัทธาจำนวนมากเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย Seoul National University, Korea University, and Yonsei University ซึ่งถือได้ว่าเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ

Jeong Myeong Seok ได้เริ่มต้นจัดกิจกรรมหลากหลายประเภทเพื่อดึงดูดผู้คนจนเรียกได้ว่ามีผู้คนที่ศรัทธาจำนวนมากที่สนับสนุนเขา ทำให้เขากล้าเรียกตนเองว่า ‘เมสสิยาห์’ (Messiah) และยังมีการเทศนาเพื่อเผยแพร่คำสอนจากพระคัมภีร์ผ่านการตีความของเขา จนทำให้ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าเขาคือบุคคลที่สวรรค์ส่งมาเพื่อกอบกู้โลกใบนี้เลยทีเดียว

จากสารคดีเราจะเห็นได้ว่าช่วงปีค.ศ. 1990 นั้นเริ่มมีการร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เข้าข่ายการล่วงละเมิดทางเพศ โดยเริ่มต้นจากการที่ Jeong Myeong Seok ได้แจ้งกับผู้ศรัทธาเพศหญิงให้เข้าพบตัวต่อตัวเพื่อที่จะสามารถได้รับพรจากเขาโดยตรง

เมื่อผู้ศรัทธาหลงเชื่อและทำตามก็จะเริ่มมีการใช้มือลูบคลำอวัยวะส่วนต่างๆ โดยอ้างว่าเป็นการจับเพื่อตรวจร่างกายโดยพลังของพระเจ้า ในบางรายก็จะมีการกระทำชำเราร่วมด้วย จากการประเมินพบว่าน่าจะมีผู้ตกเป็นเหยื่อในหลักหลายร้อยคนเลยทีเดียว แม้ภายหลังได้มีการออกหมายจับจนทำให้เขาต้องหลบหนีออกไปต่างประเทศโดยใช้ข้ออ้างว่าไปเพื่อเผยแพร่ศาสนา

บางครั้งหากมีหญิงสาวหรือผู้ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการเผยแพร่คำสอนคำสอนและต้องการออกจากลุ่ม ก็จะได้รับการข่มขู่จากกลุ่มบอดี้การ์ดของ Jeong Myeong Seok หรือกลุ่มผู้ศรัทธา โดยเขาอ้างว่าทั้งหมดเป็น ‘การกำจัดวัชพืช’ ซึ่งทำให้เกิดเหตุการณ์ ‘ล่าจิ้งจอก’ หรือก็คือการตามข่มขู่ ทำร้าย กระทั่งพยายามฆ่า กลุ่มบุคคลที่ขัดขวางแนวทางการเผยแพร่คำสอนของเขาเพราะเชื่อว่ากลุ่มคนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่ซาตานส่งมาเพื่อทำร้าย Jeong Myeong Seok

ทว่าแม้กระทั่งขณะหลบหนีเขายังคงใช้วิธีให้บรรดาผู้ศรัทธาหญิงส่งรูปภาพเปลือยหรือเกือบเปลือยเพื่อส่งให้เขา บางครั้งก็โทรศัพท์หาหญิงสาวเหล่านั้นเพื่อให้มาเจอกันตามจุดนัดพบต่าง ๆ แม้ในที่สุดจะมีการวางแผนจนกระทั่งสามารถจับกุมตัวและตั้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราได้ แต่กลับได้รับโทษเพียง 10 ปีเท่านั้นและได้ออกจากเรือนจำเมื่อปีค.ศ. 2008

หลังจากออกจากเรือนจำ Jeong Myeong Seok ยังคงมีพฤติกรรมเช่นเดิม ซึ่งทำให้เกิดเหยื่อผู้ถูกกระทำขึ้นอีกจำนวนมาก จนกระทั่งในปีค.ศ. 2022 Jeong Myeong Seok ถูกตั้งข้อเดิมอีกครั้ง ทว่า ในครั้งนี้คดียังอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาคดีจึงยังไม่มีบทสรุปที่แน่ชัด

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา สามารถสรุปได้ว่าคดีที่ Jeong Myeong Seok มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นมีมากหลาบสิบคดี สามารถสรุปได้หลัก ๆ คือ ข่มขืนกระทำชำเรา(ทั้งชาวเกาหลีและชาวต่างชาติ), ลักพาตัวและทำร้ายร่างกาย, ล้างสมอง, หลบหนีออกนอกประเทศและยักยอกเงินในลัทธิ เป็นต้น

 

ภาพ: Netflix K-Content / YouTube

อ้างอิง:

기독교복음선교회– namu.wiki 

나는 신이다: 신이 배신한 사람들 – namu.wiki 

사이비 종교– namu.wiki 

정명석