05 พ.ค. 2566 | 17:00 น.
‘Häxan’ คือภาพยนตร์สารคดีเงียบแนวสยองขวัญจากสวีเดนที่ออกฉายในปี 1922 โดยผู้กำกับนามว่า ‘เบนจามิน คริสเตนเซน’ (Benjamin Christensen) ที่ถูกขนานนามว่าเป็นภาพยนตร์เงียบที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์ แม้กาลเวลาจะผ่านไป 100 ปีแล้วก็ตาม แถมภาพยนตร์เรื่องนี้ยังถือเป็นผู้สร้างรากฐานสำคัญให้แก่ภาพยนตร์สยองขวัญแนว Found Footage ที่เราได้ชมกันในปัจจุบันนี้อีกด้วย ในบทความนี้เราจะพูดถึงเนื้อหาคร่าว ๆ ของภาพยนตร์เรื่องนี้ พร้อมเหตุผลว่า อะไรทำให้ Häxan ยังคงสยองขวัญและคงกระพันต่อกาลเวลามาจนถึงทุกวันนี้
‘Häxan’ เป็นชื่อในภาษาสวีเดนและสามารถแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า ‘The Witches’ หรือ ‘แม่มด’ โดยเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้หลัก ๆ จะเป็นการเล่าถึงความเชื่อในเรื่องการล่าแม่มดอันลือลั่นของผู้คนในสมัยยุคกลาง (The Middle Age) ที่จะมีการกล่าวหาเหล่าผู้หญิงที่มีพฤติกรรมผิดแผกไปจากขนบธรรมเนียมว่าเป็นแม่มด และท้ายที่สุดก็จะนำตัวเธอมาทรมานเพื่อเค้นหาคำสารภาพและประหารพวกเธออย่างเหี้ยมโหดในที่สุด
เบนจามิน คริสเตนเซน (Benjamin Christensen) ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวเดนมาร์ก
ในภาพยนตร์จะประกอบไปด้วยเนื้อหาหลัก 4 ประเด็น ที่เริ่มจาก ความเข้าใจผิดจากเรื่องต่าง ๆ ของผู้คนในยุคก่อน (Misconception), ความเชื่อในเรื่องปีศาจและซาตาน (The Devil), การล่าแม่มด (The Witch), และความผิดปกติของสมองที่อาจเป็นคำตอบของทุกสิ่ง (Mental Illness) โดยคริสเตนเซนได้ทำการเล่ามันออกมาในแนวของ ‘สารคดี’ (Fact) สลับกับ ‘สถานการณ์จำลอง’ (Fiction) (ที่มีรูปแบบคล้ายภาพยนตร์)
ผู้ชมจะได้เห็นว่าในยุคสมัยก่อน ปีศาจจะถูกเชื่อว่าเป็นทูตแห่งนรกที่ปรากฏตัวมาเพื่อเชื้อเชิญให้ผู้คน - และในกรณีนี้ โดยเฉพาะผู้หญิง - ประพฤติผิดแปลกและหันเหตัวออกจากทิศทางของคริสต์ศาสนา โดยปีศาจหรือซาตานเหล่านั้นจะใช้เครื่องมืออย่าง ‘ตัณหา’ และ ‘ความโลภ’ เข้าล่อลวง และหากหญิงคนใดหลงละเมอเดินตามสิ่งยั่วยุเหล่านั้น ก็ถือเป็นหนึ่งในผู้ติดตามและถูกเหมารวมว่าเป็น ‘แม่มด’ ในที่สุด
ปีศาจและหญิงสาวที่ถูกล่อลวง จากภาพยนตร์เรื่อง Häxan (1922)
หลังจากนั้น ภาพยนตร์จะเล่าถึง ‘การล่าแม่มด’ ในยุคดังกล่าวที่สืบเนื่องมาจากความเชื่อของปีศาจที่ถูกบ่มเพาะและเผยแพร่มาจากคริสตจักร โดยเริ่มจากการบรรยายคุณลักษณะของผู้หญิงที่มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นแม่มด โดย Häxan ได้ทำให้ผู้ชมเห็นภาพด้วยเรื่องสั้นของหญิงชราคนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด เพราะเธอ ‘แก่’ และตรงกับคุณลักษณะอื่น ๆ ดังที่ความเชื่อทางคริสต์ศาสนาสมัยนั้นได้ระบุเอาไว้
หญิงชราผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็น ‘แม่มด’ จากภาพยนตร์เรื่อง Häxan (1922)
หลังจากที่โดนจับ เราจะเห็นได้ว่าเธอเป็นเพียงแค่หญิงชราธรรมดา หาใช่แม่มดอันชั่วร้ายดังที่ใครตีตรา แม้นว่าเธอยืนกรานปฏิเสธว่าเธอไม่ใช่แม่มด แต่ท้ายที่สุดเธอก็ถูกทรมานให้รับสารภาพจนเธอได้เอ่ยถามกับทางคริสตจักรว่า จะให้เธอรับสารภาพกับสิ่งที่เธอไม่ได้เป็นได้อย่างไร?
แต่สิ่งที่น่ากลัวไปกว่าการใส่ความหญิงธรรมดาให้เป็นแม่มดก็คือวิธีการลงโทษอันโหดเหี้ยมที่คริสเตนเซนได้นำเสนอให้เราได้เห็นอย่างน่าขนลุก แม้จะไม่ได้มีภาพหวาดเสียวของการปฏิบัติจริง แต่การนำเอาอุปกรณ์เหล่านั้นมานำเสนอและอธิบายวิธีใช้ จินตนาการของผู้ชมก็ทำงานโดยอัตโนมัติ โดยเราจะได้เห็นตั้งแต่อุปกรณ์บีบขา บีบนิ้วเท้า หรือบีบนิ้วโป้งที่เพียงนึกถึงก็ไม่อาจจะจินตนาการถึงความเจ็บปวดได้
จะบอกว่าภาพยนตร์ไม่ได้จำลองให้ผู้ชมเห็นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะในภาพยนตร์ก็ได้มีการจำลองการใช้งานของเครื่องบีบนิ้วโป้งว่ามันเจ็บปวดเพียงไหนผ่านนักแสดงหญิงคนหนึ่งที่อาสาและยืนกรานขอ ‘ลอง’ ว่ามันเจ็บแค่ไหน ซึ่งดูจากท่าทางของเธอและคำบรรยายที่ระบุเอาไว้ว่า “บีบไปไม่นานเธอก็รับสารภาพในทันที” ก็น่าจะสรุปได้ไม่ยาก
ภาพการจำลองอุปกรณ์การทรมานจากภาพยนตร์เรื่อง Häxan (1922)
แต่อุปกรณ์และการนำเสนอที่น่ากลัวที่สุดผู้เขียนขอยกตำแหน่งให้กับ ‘ปลอกคอหนาม’ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีรูปร่างเหมือนกับปลอกคอเหล็กธรรมดา แต่ด้านในที่จะสัมผัสกับคอเป็นหนามเหล็กแหลมแท่งใหญ่ ในคราวแรกผู้เขียนก็สงสัยว่าอุปกรณ์นี้ใช้งานอย่างไร จนกระทั่งหนังได้นำเสนอวิธีใช้ของมัน
Häxan เล่าวิธีการใช้ผ่านเพียงภาพในหนังสือเก่าและตัวอักษรที่ปรากฏขึ้นเสมือนว่าเรากำลังชมสไลด์โชว์ธรรมดา ๆ แต่มันกลับสยดสยองอย่างคาดไม่ถึง โดยในตัวหนังได้เล่าว่า ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดจะถูกมัดแขนและขาไว้กับแท่งไม้ และสวมปลอกเหล็กแหลมที่ถูกตรึงไว้กับเชือก 4 เส้นไว้ที่คอ หลังจากนั้นผู้โชคร้ายรายนั้นก็จะถูกจุดไฟเผา และเปลวไฟกับความร้อนที่เผาไหม้เท้าและท่อนขา ก็จะทำให้ผู้โชคร้ายคนนั้นดิ้นทุรนทุราย ‘อย่างรุนแรง’ จนคอของพวกเขากระแทกกับหนามเหล็กท่อนใหญ่ในที่สุด
อุปกรณ์การทรมาน ‘ปลอกคอหนาม’ จากภาพยนตร์เรื่อง Häxan (1922)
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่มีฉากที่กระตุ้นให้ตกใจ ไม่มีจังหวะที่ลุ้นจนหยุดหายใจ แต่หลาย ๆ องค์ประกอบของภาพยนตร์เรื่องนี้กลับทำให้มันน่ากลัวอย่างปฏิเสธไม่ได้ ลักษณะแรกก็คงต้องยกให้การแต่งหน้าและเครื่องแต่งกาย โดยเฉพาะกับตัวปีศาจ ที่ เบนจามิน คริสเตนเซน ผู้กำกับแสดงเองกับตัว อาจจะไม่ได้ดูน่ากลัวหากเทียบกับปัจจุบัน แต่ลักษณะของมันทำให้เราเกิดความรู้สึกขนลุกแปลก ๆ แถมยังเหมือนจริงมากเสียอีกด้วย
แต่สิ่งที่น่ากลัวไปกว่านั้นคือสไตล์และเนื้อหาการเล่าเรื่องที่ ‘เรียล’ จนทำให้เรื่องราวทั้งหมดน่าขนลุกไปมากกว่าเดิม เสมือนว่าเรากำลังชมภาพยนตร์ ‘Found Footage’ อยู่เลยทีเดียว มันคือความรู้สึกที่ตัวภาพยนตร์ไม่ได้ตระหนักว่าตัวเองกำลังสร้างภาพยนตร์สยองขวัญอยู่ เป็นความรู้สึกที่หนังไม่ได้พยายามจะประดิษฐ์ซีนให้ผู้ชมรู้สึกกลัว แต่เป็นความรู้สึกที่หนังเล่าความจริงเหล่านี้อย่างหน้าตาเฉย โดยไม่ได้ตระหนักว่าตนเองเป็นภาพยนตร์สยองขวัญ… นั่นคือสิ่งที่น่ากลัวของภาพยนตร์เรื่องนี้
เพราะหากเราได้ลองสังเกตในภาพยนตร์สยองขวัญ แน่นอนว่าเราจะสัมผัสได้ถึงองค์ประกอบที่ผู้สร้างมุ่งปั้นฉากผ่านองค์ประกอบที่น่ากลัว ไม่ว่าจะเป็นดนตรี ฉาก แสง หรือจังหวะการตัดต่อ ให้ดูน่ากลัว เพื่อทำให้ผู้ชมกลัว หรือแม้แต่หนัง Found Footage สมัยนี้ก็ยังมีจังหวะและความรู้สึกแบบนั้น แต่กับ Häxan นั้นต่างออกไป มันก็แค่เล่าความจริง ไม่ได้พยายามทำให้ดูน่ากลัว นี่จึงเป็นเหตุที่ทำให้มันดูน่ากลัว และทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในการพัฒนาสำคัญในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ที่กลายเป็นรากฐานให้กับหนังสยองขวัญแนว Found Footage ดังที่เราได้ชมกันในปัจจุบัน
แต่ด้วยความที่มันเป็นหนังเงียบ แน่นอนว่าคงมีผู้ชมบางคนอาจจะรู้สึกว่าไม่น่ากลัว และเอนเอียงไปทางน่าเบื่อเสียมากกว่า จนอาจจะเกิดเป็นคำถามว่า
“ความสยองนี้คงกระพันต่อกาลเวลาอย่างไรกัน?”
อีกความสยองหนึ่งที่เราขอยกว่าคงกระพันต่อกาลเวลาก็คงเป็นเนื้อหาในภาพยนตร์ที่พูดถึงความน่าสยองขวัญของความเชื่อมนุษย์ที่ก่อร่างสร้างขึ้นมาจนมันได้ผันแปรเปลี่ยนสภาพกลายเป็นอสุรกายที่สร้างความเจ็บปวดให้เพื่อนมนุษย์อย่างไร้เมตตา
ภายใต้กรอบแนวคิดของชายเป็นใหญ่ (Patriarchy) ในช่วงยุคสมัยก่อนที่ตีความลักษณะความเป็นหญิงไว้อย่างคับแคบ หญิงคนใดที่ผิดแผกไปจากกรอบเหล่านั้นกลับถูกตีตราว่าเป็นแม่มดร้ายที่เป็นอันตรายต่อสังคม จนโดนบีบบังคบให้สารภาพผ่านการทรมาน และเมื่อยอมรับสารภาพเพราะถูกบีบบังคับก็ถูกประหารอย่างโหดเหี้ยม แถมยังช่วยยืนยันแนวคิดการล่าแม่มดให้เป็นที่ยอมรับมากกว่าเดิมไปอีกขั้นหนึ่ง
เราจะได้เห็นว่าความสยองที่แท้จริงหาใช่ผีห่าซาตานหรือแม่มดตนใด แต่เป็นความโหดร้ายของมนุษย์นี้เองที่พร้อมสร้างความโหดร้ายต่อเพื่อนมนุษย์อย่างไร้ปรานี…
ภาพ : ภาพยนตร์เรื่อง Häxan (Public Domain)