11 ส.ค. 2566 | 15:42 น.
- นักเขียนบท ‘คิมอึนซุก’ สอดแทรกเรื่องราวระหว่างแม่กับลูกใน The Glory อย่างแนบเนียน โดยได้แรงบันดาลใจหลังจากที่ลูกสาวของเธอถามว่า เธอจะเจ็บปวดกับเรื่องไหนมากกว่ากัน ระหว่างการที่ลูกถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียน หรือการที่ลูกเป็นคนกลั่นแกล้งคนอื่นในโรงเรียนเสียเอง
- หลายครั้งที่ป้านักสืบคัมฮยองนัมแสดงความรักต่อลูก มันชวนให้เราคิดว่า ถ้าแม่ของมุนดงอึนเป็นได้สักครึ่งหนึ่งของป้านักสืบ ชีวิตของมุนดงอึนคงไม่ต้องทุกข์ระทมขนาดนี้
*บทความนี้ ‘มีการสปอยล์’ เนื้อหาซีรีส์ The Glory
ถ้าถามว่าใครคือตัวร้ายที่น่าประทับฝ่ามือลงบนใบหน้ามากที่สุดในซีรีส์เรื่อง ‘The Glory’ ของเน็ตฟลิกซ์
คำตอบแรกหนีไม่พ้นชื่อของ ‘พัคยอนจิน’ (รับบทโดย ‘อิมจียอน’) นางร้ายที่เป็นหัวโจกตามรังแก ‘มุนดงอึน’ (รับบทโดย ‘ซงฮเยคโย’) จนยับเยินไปทั้งร่างกายและจิตใจ เปลี่ยนเส้นทางชีวิตนางเอกไปสู่นางอาฆาต เกิดเป็นมหากาพย์การล้างแค้นที่คนดูทั่วโลกติดตามชมด้วยใจระทึก
แต่หากปล่อยวาง ‘ความสะใจ’ ในชะตากรรมของพัคยอนจินลงสักนิด เราจะเห็นว่าเธอเป็น ‘ผลผลิต’ จากการเลี้ยงดูที่มีปัญหาของ ‘แม่’ เช่นเดียวกับมุนดงอึน ที่แม้จะดูแฮปปี้ (มากขึ้น) ในตอนจบ แต่ปมเรื่องแม่ก็ยังคงฝังลึกอยู่ในจิตใจของเธอ
นักเขียนบท ‘คิมอึนซุก’ สอดแทรกเรื่องราวระหว่างแม่กับลูกลงใน The Glory อย่างแนบเนียน โดยได้แรงบันดาลใจหลังจากที่ลูกสาวของเธอถามว่า เธอจะเจ็บปวดกับเรื่องไหนมากกว่ากัน ระหว่างการที่ลูกถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียน หรือการที่ลูกเป็นคนกลั่นแกล้งคนอื่นในโรงเรียนเสียเอง
แล้วเธอก็ได้พาคนดูร่วมหาคำตอบผ่าน 2 ตัวละครมนุษย์แม่ ได้แก่ ‘จองมีฮี’ และ ‘ฮงยองแอ’
‘จองมีฮี’ แม่ของมุนดงอึน
ใน The Glory ดูเหมือนพัคยอนจินจะเป็นตัวร้าย No.1 ถ้าวัดจากอาชญากรรมที่เธอสร้าง และความน่าหมั่นไส้ยามที่เธอปรากฏตัวด้วยเสื้อผ้าหรูหรา พร้อมเมกอัพสุดพิถีพิถัน
แต่อีกหนึ่งตัวร้ายที่ไม่ควรมองข้ามคือ ‘จองมีฮี’ (รับบทโดย ‘พัคจีอา’) ผู้เป็นแม่ของมุนดงอึน นางเอกของเรื่อง
จองมีฮีเป็นตัวละครที่โผล่ในซีรีส์เพียงไม่กี่ตอน เพราะเธอไม่เคยอยู่เคียงข้างและปกป้องลูกสาวในยามที่ถูกเพื่อนในโรงเรียนรุมรังแก หรือตอนที่ถูกครูใช้ความรุนแรง เธอทอดทิ้งมุนดงอึนให้ทนทุกข์ทรมานและเผชิญโลกเพียงลำพัง แถมยังไม่ลังเลที่จะทรยศลูกสาวครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อแลกกับเงิน ทั้งตอนที่ยอมเซ็นหนังสือลาออกจากโรงเรียนโดยให้เหตุผลว่าลูกตัวเองปรับตัวไม่ได้ และตอนไปอาละวาดในโรงเรียนที่มุนดงอึนสอน หวังทำลายอาชีพการงานของลูกในไส้
จนถึงจุดหนึ่งมุนดงอึนจึงยอมรับว่าแม่ของตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนสร้าง ‘บาดแผลในหัวใจ’ ที่เจ็บปวดรวดร้าวไม่น้อยไปกว่าแผลตามร่างกาย หรืออาจจะเจ็บปวดมากกว่าเสียอีก
ในฉากที่สองแม่ลูกคู่นี้ปะทะกันในห้องเช่า มุนดงอึนพูดว่า “เหตุผลที่หนูจะไม่ยกโทษให้แม่ เพราะตอนนี้แม่ก็ยังไม่รู้ตัวว่า แม่นั่นแหละที่เป็นคนแรกที่ทำร้ายหนู เพราะฉะนั้น อย่าหัวเราะ หยุดหัวเราะแบบนั้นได้แล้ว”
แทนที่จะรู้สึกผิดบาปกับสิ่งที่ทำกับลูก จองมีฮีกลับโยนเตาแก๊สลงพื้นจนไฟลุกไหม้แผดเผาทั้งสิ่งของในห้อง และสายใยบาง ๆ ระหว่างแม่ลูก มอดไหม้ไม่เหลือชิ้นดี
ผู้เป็นแม่หัวเราะเสียงแหลมสูงน่ารำคาญ พร้อมปรบมือด้วยความสะใจ ในขณะที่ลูกสาวร้องไห้อย่างน่าเวทนา แม้ภาพที่เห็นตรงหน้าจะเป็นไปตามแผนที่มุนดงอึนวางไว้ แต่การได้รู้แน่แก่ใจว่าแม่ของตัวเองเป็นคนชั่วช้าเสมอต้นเสมอปลาย จะกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็เป็นสิ่งที่ยากเกินทำใจ
หากสำรวจชีวิตของจองมีฮี เราจะเห็นว่าเธอทำงานในร้านทำผม ติดเหล้า ฐานะยากจน ไม่เห็นความสำคัญของการศึกษา ซึ่งอาจเป็นเพราะตัวเธอเองก็ไม่ได้มีการศึกษา และมีสามีที่ไม่ได้เรื่อง
ความจริงแล้วชีวิตของเธอค่อนข้างใกล้เคียงกับ ‘คัมฮยองนัม’ (รับบทโดย ‘ยอมฮเยรัน’) คุณป้านักสืบที่เป็นมือขวาของมุนดงอึน ซึ่งรายนี้ก็ยากจนเหมือนกัน ก่อนเจอกับมุนดงอึน เธอก็ทำงานเป็นแม่บ้านของผู้บริหารโรงเรียน หนักกว่าด้วยซ้ำตรงที่สามีชอบใช้ความรุนแรงกับเธอและลูก
แต่สิ่งที่คุณป้านักสืบมีมากกว่าแม่ของมุนดงอึนคือ ‘ความเป็นแม่’ ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกสาวได้ใช้ชีวิตที่ดีและมีความสุข เธอยังพร้อมสละชีวิตเพื่อปกป้องไม่ให้ลูกสาวได้รับอันตรายแม้ปลายนิ้ว เห็นได้จากการที่เธอเป็นตัวละครเดียวในเรื่อง ที่ได้ตบสั่งสอนพัคยอนจิน (ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ตบถึง 2 ครั้ง) โทษฐานที่บังอาจขู่ทำร้ายลูกสาวเธอ
หลายครั้งที่ป้านักสืบคัมฮยองนัมแสดงความรักต่อลูก มันชวนให้เราคิดว่า ถ้าแม่ของมุนดงอึนเป็นได้สักครึ่งหนึ่งของป้านักสืบ ชีวิตของมุนดงอึนคงไม่ต้องทุกข์ระทมขนาดนี้ เผลอ ๆ วันแรกที่แม่เห็นลูกสาวกลับบ้านมาพร้อมแผลไหม้จากเครื่องหนีบผม แม่คงรีบแจ้นไปเอาเรื่องเพื่อน ๆ ตัวแสบ และครูที่ไม่เอาใจใส่ หรืออย่างน้อยก็พาลูกออกมาจากโรงเรียน ก่อนที่ลูกจะโดนรังแกจนกลายเป็นปมฝังจิตฝังใจมากไปกว่านี้ แต่ก็อย่างที่เห็น แม่ของมุนดงอึนไม่สนใจชีวิตความเป็นอยู่ลูกด้วยซ้ำ ยิ่งพอเห็นเงินปุ๊บ ทุกอย่างก็ดูง่ายไปหมดสำหรับเธอ
ที่พยายามเปรียบเทียบจนเลยเถิดไปไกล เพราะอยากชี้ให้เห็นว่า ‘ความจน’ ไม่ใช่ ‘ข้ออ้าง’ ที่มีน้ำหนักพอ ที่จะอธิบายว่าทำไมจองมีฮีถึงใจร้ายกับลูกตัวเองได้ขนาดนี้
เป็นไปได้หรือไม่ว่าสิ่งที่อธิบายความร้ายกาจของจองมีฮี ท้ายที่สุดแล้วคือ ‘ความรัก’
อ่านแล้วอย่าเพิ่งตกใจ เพราะเรากำลังจะบอกว่าคนที่จองมีฮีรักมากที่สุดก็คือ ‘ตัวเอง’
ความรักตัวเองของจองมีฮี พอจะเห็นได้จากการที่เธอยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเงิน โดยเฉพาะการหักหลังลูกตัวเอง (ซึ่งเป็นวิธีหาเงินที่เธอถนัด) แล้วนำเงินไปปรนเปรอตัวเองด้วยความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่าที่ตัวเองจะหาได้ ทั้งซื้อเหล้า แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสันจัดจ้าน หรือแม้แต่โกรกผมด้วยสีที่คนรุ่นเดียวกันเห็นแล้วกุมขมับ
ถึงแฟนซีรีส์จะขัดใจกับตัวละครจองมีฮี ที่รสนิยมและความคิดความอ่านผิดกับลูกสาวลิบลับ และสมน้ำหน้ากับจุดจบของจองมีฮีที่ถูกดงมุนอึนส่งเข้าสถานบำบัด แต่เราก็ต้องยอมรับความจริงว่า มีลูก ๆ จำนวนไม่น้อยบนโลกที่มีแม่แบบจองมีฮี ที่นอกจากจะไม่เป็นเซฟโซนให้ลูกแล้ว ยังผลักลูกไปสู่เรดโซนแบบไม่สนใจไยดี
‘ฮงยองแอ’ แม่ของพัคยอนจิน
แม่อีกคนใน The Glory ที่มาช่วยการันตีว่า จะรวยจะจนก็สามารถเป็นมนุษย์แม่ที่เลี้ยงลูกไม่ดีได้ทั้งนั้น นั่นคือแม่ของพัคยอนจิน หรือป้าไฮโซที่ชื่อว่า ‘ฮงยองแอ’ (รับบทโดย ‘ยุนดากยอง’)
ฮงยองแอเป็นตัวละครที่ทำให้เราอยากรู้ว่าเธอ ‘เติบโต’ มาจากสภาพแวดล้อมแบบไหน ถึงได้อำมหิตและโหดเหี้ยมไม่สนใจชีวิตคนอื่นได้ขนาดนี้
ใน The Glory เราได้เห็นเพียงว่าฮงยองแอเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวย (ในเรื่องไม่มีการระบุชัดเจนว่าเธอทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไร แต่มีการตั้งทฤษฎีว่าเธออาจทำธุรกิจผิดกฎหมายอย่างการค้าประเวณี) เธอมีเส้นสายกับตำรวจ ที่ต้องคอยตามล้างตามเช็ดอาชญากรรมที่เธอกับลูกสาวก่อขึ้น และเป็นคนที่หมกหมุ่นกับลัทธิชาแมน
ฮงยองแอมักให้ท้ายพัคยอนจินจนเสียนิสัย เราไม่ค่อยเห็นเธอตักเตือนลูกสาวที่ชอบรังแกคนอื่นอย่างไร้มนุษยธรรม อาจเป็นไปได้ว่า เธอไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจแม่คนอื่น ที่ต้องมาเห็นลูกตัวเองเจ็บปวด เพราะเธอเองไม่มี ‘สัญชาตญาณความเป็นแม่’ อยู่ในตัว
หากถ้าเธอมีความเป็นแม่อยู่ในตัวสักนิด วันที่เธอไปพบกับจองมีฮี แม่ของมุนดงอึน เธอน่าจะรู้สึก ‘สะเทือนใจ’ บ้าง ตอนที่เห็นว่าจองมีฮียอมรับเงินง่าย ๆ โดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าหลังจากนั้นลูกของตัวเองจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่เธอกลับแสดงเพียงสีหน้า ‘ดูถูก’ จองมีฮี
และหากเธอมีความเป็นแม่สักนิด เธอจะเข้าใจหัวอกหญิงใบ้ผู้เป็นแม่ของ ‘ยุนโซฮี’ ที่สูญเสียลูกสาวและพยายามต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมให้ลูก ฮงยองแอจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อชดเชยความเจ็บปวดให้แม่ของยุนโซฮี ไม่ใช่เอาแต่ปิดบังอำพรางอาชญากรรมที่ลูกตัวเองก่อ โดยไม่เหลียวแลเหยื่อ
แต่ไม่เฉพาะแม่คนอื่น ๆ ที่ฮงยองแอแสดงความเย็นชาใส่ แม้แต่ลูกของตัวเอง เธอก็เย็นชาและห่างเหินเช่นกัน เห็นได้จากเวลาที่พัคยอนจินไปก่อเรื่องต่าง ๆ เรามักสัมผัสได้แต่ความหงุดหงิดและว้าวุ่นใจของฮงยองแอที่ห่วงหน้าตาทางสังคม มากกว่าจะสนใจปลอบประโลม และตักเตือนสั่งสอนไม่ให้ลูกสาวทำผิดซ้ำ
แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับ ‘คิมชองยอง’ (รับบทโดย ‘คังซังอิม’) ผอ.โรงพยาบาล แม่ของ ‘จูยอจอง’ ที่ไม่ศรัทธาในกฎหมายเช่นกันหลังจากที่สามีตัวเองถูกฆ่า แต่ ผอ.คิมชองยองนั้นมีสัญชาตญาณของความเป็นแม่และรักลูกชายของเธอสุดหัวใจ เธอพยายามทำความเข้าใจ และหาคำตอบว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูก ก่อนจะหนุนหลังสนับสนุนอย่างสุดตัว และเผื่อแผ่ความรักความเมตตามายังมุนดงอึน ซึ่งเป็นคนที่ลูกชายรักอีกด้วย
เมื่อถูกต้อนจนมุม เราจึงไม่เซอร์ไพรส์เลยที่ฮงยองแอเลือกทรยศลูกตัวเองเพื่อเอาตัวรอด นำไปสู่จุดจบที่สลดหดหู่ของพัคยอนจิน แต่สิ่งที่เราเซอร์ไพรส์และยังมีคำถามจนถึงทุกวันนี้ คือความเฉยชาที่ดูเหมือนคนไร้หัวใจไปเลย ตอนที่เธอไม่แม้แต่จะสบตากับลูกสาวในเรือนจำ เราไม่แน่ใจว่าเธอโกรธพัคยอนจิน หรือโกรธตัวเองกันแน่ ที่นำพาชีวิตตัวเองกับลูกมาถึงจุดตกต่ำได้ขนาดนี้
แล้วคุณผู้อ่านล่ะ คิดอย่างไร?
อ้างอิง: