คิลเลียน์ เมอร์ฟี & โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เมื่อ Introvert สุดขั้วเจอกับ Extrovert สุดขีด

คิลเลียน์ เมอร์ฟี & โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เมื่อ Introvert สุดขั้วเจอกับ Extrovert สุดขีด

‘คิลเลียน์ เมอร์ฟี’ & ‘โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์’ คู่ซี้ต่างสไตล์ เมื่อ Introvert สุดขั้วต้องมาเจอกับ Extrovert สุดขีด

KEY

POINTS

  • บุคลิกที่แตกต่างชัดเจนระหว่างการเป็น ‘Introvert’ กับ ‘Extrovert’ ทำให้แฟน ๆ และรอลุ้นเชียร์ให้คู่ซี้ต่างขั้วนี้ได้จับมือกันคว้ารางวัลนักแสดงนำชาย - สมทบชายยอดเยี่ยมจากเวที ‘ออสการ์’
  • ความสนุกของคู่ซี้ต่างขั้วนี้ทำให้ทุกคนเข้าใจว่า ไม่ว่าจะต่างกันแต่แค่ไหนก็เป็นเพื่อนกันได้ และเป็นส่วนเติมเต็มให้กันและกัน

เมื่อคุณอยากจะกลับบ้านเต็มที่เพราะหมดพลังแล้ว แต่ก็พยายามฝืนยิ้มให้เหล่าตากล้องอย่างเหนื่อย ๆ แต่ทันใดนั้นเพื่อนของคุณก็กระโดดเข้ามากลางวง แล้วก็ร้องเพลงเสียงดัง ทำให้บรรยากาศอึมครึมตรงนั้นสดใสขึ้นมาทันที จนเราต้องหัวเราะออกมาและรู้สึกสนุกไปด้วย 

คำบรรยายเหล่านี้เป็นสิ่งที่เหมาะที่สุดที่จะอธิบายสัมพันธภาพระหว่าง ‘คิลเลียน เมอร์ฟี’ (Cillian Murphy) กับ ‘โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์’ (Robert Downey Jr.) สองนักแสดงจาก ‘Oppenheimer’ ได้อย่างเห็นภาพที่สุด ทั้งสองคนสร้างกระแสคลิปไวรัลได้ไม่น้อยในช่วงระหว่างการออกทัวร์เดินสายรับรางวัลจากงานต่าง ๆ บุคลิกที่แตกต่างชัดเจนระหว่างการเป็น ‘Introvert’ กับ ‘Extrovert’ ทำให้แฟน ๆ ชื่นชอบอย่างมากในโลกออนไลน์ มีทั้งจับเป็นคู่ชิปคู่จิ้น ตัดวิดีโอทำ MEME แซวกันมากมาย และรอลุ้นเชียร์ให้คู่ซี้ต่างขั้วนี้ได้จับมือกันคว้ารางวัลนักแสดงนำชาย - สมทบชายยอดเยี่ยมจากเวทีรางวัลด้านภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกอย่าง ‘ออสการ์’

โนแลนขีดเส้นมา ชี้ชะตาให้มาร่วมกัน 

คิลเลียน เมอร์ฟี ปัจจุบันอายุ 47 ปี ด้าน โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ปัจจุบันอายุ 58 ปีแล้ว แม้ว่าทั้งสองจะทำงานในวงการมานาน จนมีชื่อเสียงโด่งดังมีผลงานเป็นที่ยอมรับมากมายแต่เส้นทางการแสดงของพวกเขาก็ไม่เคยโคจรมาเจอกันสักครั้ง จนกระทั่งมีตัวแปรสำคัญผู้กำกับมือฉมัง ‘คริสโตเฟอร์ โนแลน’ (Christopher Nolan) เข้ามาในชีวิต    

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (ต่อจากนี้ขอใช้ชื่อย่อว่า RDJ) เผยในงาน Q&A คุยกับผู้ชมหลังชม

Oppenheimer รอบแฟนคลับที่ American Cinematheque Theatre เดือนกุมภาพันธ์ 2024 เล่าว่า ครั้งแรกที่เขาได้เจอกับโนแลนนั้นเป็นช่วงที่กำลังจะมีการสร้างหนัง ‘Batman Begins’ (2005) ในช่วงนั้น RDJ เพิ่งจะกลับมามีผลงานการแสดงหลังจากผ่านมรสุมชีวิตเรื่องคดีความต่าง ๆ มากมายในช่วงปี 1996 - 2001  เขานัดดื่มชากับโนแลนเพื่อเสนอตัวเผื่อจะมีโอกาสทำงานร่วมงานกัน 

“ผมพูดกับเขา (โนแลน) ว่าผมได้ยินว่า ว่ามันมีบทนึงน่าสนใจอยู่นะ และผมก็แอ็คท่าไปเต็มที่เลยแบบ “I’m Scarecrow.!!” แต่ความพยายายามสร้างความประทับใจของ RDJ นั้นไร้ผล ปฏิกริยาของโนแลนก็แค่มองเฉย ๆ ดูไม่หือไม่อืออะไรกับการสัมภาษณ์นี้เท่าไหร่ “เขาก็ทำตัวสุภาพล่ะครับ แต่คุณจะมองออกแหละว่า เวลาใครแสดงออกว่า มันจะไม่เป็นไปตามอย่างที่หวังไว้หรอกนะ”  

ซึ่ง RDJ ก็คิดถูกจริง ๆ บท Scarecrow ตกเป็นของ คิลเลียน เมอร์ฟีย์ ที่ก็มาสมัครเล่นเป็นแบทแมน แต่โนแลนกลับเห็นว่าเขาเหมาะกับวายร้ายหน้ากากหุ่นไล่กาสุดหลอนมากกว่า แถมยังติดใจชวนแสดงหนังอย่างต่อเนื่องทั้ง แฟรนไชส์ The Dark Knight , Inception, Dunkirk  

ด้าน RDJ ก็ไม่ได้ติดต่อกับโนแลนอีกเลย เพราะหลังจากนั้นเขาได้บท โทนี สตาร์ค / Iron Man ซูเปอร์ฮีโร่ที่โด่งดังที่สุดในจักรวาลภาพยนตร์มาร์เวล และอยู่กับบทนี้นานกว่า 12 ปี อย่างไรก็ตามโนแลนได้ให้สัมภาษณ์กับ The New York Times สารภาพกับ RDJ ต่อหน้าภายหลังว่า ที่จริงเขามีตัวเลือกในใจอยู่แล้ว (คือ คิลเลียน เมอร์ฟีย์) และคิดว่า RDJ ยังไงก็ไม่เหมาะกับบท Scarecrow แน่ ๆ แต่การที่เขาตอบตกลงไปเจอนั้นเป็นเพราะ RDJ เป็นนักแสดงที่เขาปลื้มมานาน เขาอยากเจออยากพูดคุยด้วย 

“ผมรู้ 100% เลยว่าคุณไม่เหมาะกับบทนี้ ในหัวของผมบทนี้ได้ตัวนักแสดงไปแล้ว แต่ผมอยากพบคุณมาโดยตลอด ...ผมเป็นแฟนตัวยงของคุณ และผมเป็นคนเห็นแก่ตัวที่มาตามนัดเพียงต้องการมาเจอกับคุณเฉย ๆ แต่ผมก็กลัวคุณนิดหน่อยเหมือนกัน ผมเคยได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับว่าคุณบ้าแค่ไหน เพราะตอนนั้นมันเพิ่งผ่านไปไม่กี่ปีหลังจากเรื่องราวข่าวฉาวสุดท้ายที่เผยแพร่เกี่ยวกับคุณ”

อย่างไรก็ตามโนแลนกล่าวชื่นชมที่ผู้กำกับ ‘จอน ฟาฟโรว์’ (Jon Favreau) เลือก RDJ มารับบท โทนี สตาร์ค ว่าเป็นหนึ่งในการตัดสินใจคัดเลือกนักแสดงที่สำคัญที่สุดและก่อให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องที่สุดในประวัติศาสตร์ฮอลลีวูด และกลายเป็นหมุดหมายกำหนดทิศทางอุตสาหกรรมนี้ ความคิดที่อยากจะได้ RDJ มาร่วมงานสักครั้งจึงยังติดอยู่ในใจโนแลนเสมอมา  

เมื่อปี 2021 โนแลนเริ่มโปรเจ็คสร้างหนัง Oppenheimer และได้เลือกคิลเลียน เมอร์ฟีย์ มาร่วมงานด้วยรับบท ‘จูเลียส โรเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์’ (Julius Robert Oppenheimer) นักฟิสิกส์ผู้ได้รับการยกย่องเป็นบิดาของระเบิดปรมาณู ที่มีส่วนสำคัญในการยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 โนแลนก็เริ่มคัดตัวนักแสดงคนอื่น ๆ ที่จะมามีบทบาทในเรื่องนี้ด้วย และคนที่เขาคิดว่าเหมาะกับบท ‘ลูอิส สเตราส์’ (Lewis Strauss) สมาชิกดั้งเดิมของคณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูแห่งสหรัฐอเมริกา (AEC) ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับออปเพนไฮเมอร์ คนแรกในใจที่โนแลนคิดถึงก็คือ RDJ นั่นเอง

“ผู้กำกับก็อยากจะร่วมงานกับนักแสดงเก่ง ๆ อยู่เสมอ แต่ผมมองหาโอกาสที่จะคว้าตัวพวกเขาไว้ในช่วงที่เหมาะสมทั้งเรื่องชีวิตและอาชีพ เมื่อตัวผมมีบางอย่างที่จะเสนอให้พวกเขาลองทำในสิ่งที่ยังไม่เคยทำมาก่อน หรือก็ไม่ได้ทำสิ่งนี้มานานแล้ว” ซึ่งเป็นเวลาประจวบเหมาะที่ RDJ ได้สิ้นสุดบทบาท Iron Man และกำลังหาเส้นทางใหม่ ๆ ให้กับชีวิต โนแลนจึงติดต่อไป

“ผมแค่อยากเห็นดาราหนังที่น่าทึ่งคนนี้ลองทิ้งภาระเดิม ๆ ที่เขาเคยแบกรับไว้ ทิ้งเสน่ห์แพรวพราว แล้วปลดปล่อยตัวตนของเขาเข้ามาสู่การแสดงบทบาทอันเข้มข้นของการเป็นชายที่ซับซ้อนมาก ๆ คนหนึ่ง ผมอยากร่วมงานกับเขามาโดยตลอด และเลิกกลัวเขาแล้ว”

ขั้นตอนการคัดเลือกนักแสดง Oppenheimer ถูกเก็บเป็นความลับสุด ๆ จนนักแสดงหลายคนก็ไม่รู้ว่าจะได้เล่นบทบาทไหนจนกว่าจะเซ็นสัญญา โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์, แมตต์ เดมอน ( Matt Damon) และเอมิลี บลันท์ ( Emily Blunt) ต่างก็ยอมลดค่าตัวเพื่อทำงานในภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้เงินคนละประมาณ 4 ล้านดอลลาร์เท่านั้น จากปกติที่ค่าตัวของแต่ละคนอยู่ที่ 10 – 20 ล้านดอลลาร์  

RDJ เล่าว่าเขาต้องไปอ่านบทที่บ้านของโนแลน ซึ่งบทนี้จะพิมพ์ด้วยสีดำบนกระดาษสีแดงเพื่อป้องกันการนำไปก็อปปี้ซ้ำ หลังจากอ่านเสร็จเขาก็ตัดสินใจรับงานแบบไม่ลังเล เพราะนี่คือ ‘ภาพยนตร์ที่ดีที่สุด’ เท่าที่เขาได้รับเสนอให้แสดงจนถึงปัจจุบัน

คนหนึ่งสายทุ่มเท อีกคนหนึ่งสายอิมโพรไวส์ 

“ตลอดอาชีพของผม ผมไม่เคยเห็นใครที่จะเสียสละตัวเองทุ่มเทเพื่อบทนักแสดงนำเท่าเขาอีกแล้ว” 

RDJ กล่าวถึงความประทับใจเมื่อได้เจอกับคิลเลียน เมอร์ฟีย์ ในกองถ่าย Oppenheimer ซึ่งแม้ว่าเนื้อหาของหนังจะเคร่งเครียดเต็มไปด้วยซีนดราม่า แต่บรรยากาศการอยู่ร่วมกันของนักแสดงทั้งทีมกลับเป็นไปอย่างสบาย ๆ  เหล่านักแสดงจะมีกรุ๊ปแชทชื่อว่า ‘Oppenhomies’ เอาไว้พูดคุยกันเพราะตอนถ่ายทำต้องไปอยู่ด้วยกันในพื้นที่ห่างไกลในลอส อลาโมส ที่นิวเม็กซิโก

RDJ ยืนยันออกสื่อหลายครั้งว่าจริง ๆ แล้ว คิลเลียน เป็นคนใจดี น่ารักและอบอุ่น ซึ่งเป็นเรื่องหาได้ยากที่นักแสดงคนหนึ่งจะทำงานมา 20 ปีแล้วแต่ไม่มีใครเกลียดเขาสักคน เวลาอยู่ในกองถ่ายถ้าไม่ได้เข้าฉาก คิลเลียนจะคุยเล่นสนุก ๆ ได้  แต่พอถึงเวลาเข้าบทแล้วเขาจะเปลี่ยนไปจริงจังเป็นคนละคนอย่างไม่น่าเชื่อ 

RDJ เล่าเรื่องความจริงจังที่คิลเลียนทุ่มให้กับบทนี้แบบใส่สีตีไข่เล็กน้อยจนคิลเลียนหลุดขำออกมาระหว่างการให้สัมภาษณ์กับรายการ ExtraTV ว่า “แม้กระทั่งตอนที่ผมอยู่ในกองถ่าย ผมเห็นตลอดว่าคิลเลียนหมกมุ่นอยู่กับตัวละครออปเพนไฮเมอร์ขนาดไหน เขาคิดตลอดว่าจะถ่ายทอดบทนี้ยังไง จนถึงขั้นที่คุณคิดว่า ฉันสนิทกับผู้ชายคนนั้นแล้วนะ แต่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจเมื่อถูกเขาทำสีหน้าเย็นชาใส่ ผมรู้สึกเหมือนว่าเขามองผ่านผมไปเลยเหมือนว่าผมไม่มีตัวตน ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่ปวดใจ”

“วันหนึ่งกองถ่ายเรามีวันหยุดติดต่อกัน 3 วันครับ ผมก็เลยจะชวนคนในกองไปเที่ยว ซานตา เฟ่ ผมอยากไปช็อปปิ้งดูของร้านขายของเก่า แต่พอไปชวนคิลเลียนเขาก็ตอบกลับมาแบบนิ่ง ๆ ว่า อ๋อต้องจำบทน่ะ, ต้องเรียนภาษาดัตช์ 3 หมื่นคำ ขอให้สนุกนะ อ่อขอบคุณมากที่ชวน” เมื่อเจอแบบนี้ RDJ ก็รู้สึกแทบจะบ้าตาย เพราะมันน่านับถือที่เพื่อนนักแสดงตั้งใจทำงานกว่าตัวเอง แต่ก็เหมือนกับโดนด่าว่าไม่ทุ่มเทไปพร้อมกัน  

ด้าน เอมิลี บลันท์ ก็เสริมเรื่องความจริงจังนี้ว่าคิลเลียนเข้มงวดกับตัวเองมาก เพื่อคุมน้ำหนักให้ได้ “การเป็นออปเพนไฮเมอร์ต้องแบกรับภารกิจที่ยิ่งใหญ่มาก และเขาก็กินได้เพียงอัลมอนด์ทุกวันเท่านั้น เขาผอมมาก” ซึ่งคิลเลียนก็ยอมรับว่าการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ก็ไม่แนะนำให้ใครทำตามเหมือนกัน 

ขณะที่คิลเลียน เมอร์ฟีย์ เมื่อมาเจอการทำงานแบบ RDJ เทพแห่งการแสดงด้นสด ก็ชมกลับไม่น้อยเหมือนกันว่า “ฉากต่าง ๆ มากมายที่ผมแสดงกับกับดาวนีย์ บทมันค่อนข้างจะหลวม ๆ และต้องอาศัยการแสดงแบบอิมโพรไวส์ ผมหมายถึงการแสดงร่วมกับเขาเป็นเรื่องพิเศษมาก เขาเป็นนักแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจ เขาเป็นคนที่มีส่วนช่วยในการทำงานมากที่สุด ทั้งเข้าร่วม ทั้งช่วยนำเสนอ และเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมอย่างไม่น่าเชื่อมากที่สุดเท่าผมเคยร่วมงานด้วยเลยครับ”

ใส่ชุดสวยออกงาน สร้างตำนานทุกพรมแดง

นับจนถึงวันก่อนประกาศรางวัลออสการ์ประจำปี 2024 หนัง Oppenheimer คว้ารางวัลจากเวทีต่าง ๆ มาครองแล้ว 312 รางวัลจากการเข้าชิงทั้งหมด 548 รางวัล  คิลเลียน เมอร์ฟีย์ได้รางวัลมาอยู่ในมือแล้ว 32 รางวัล ส่วน โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ประมาณ 27 รางวัล 

ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมาทั้งสองคนจึงต้องเดินสายทัวร์รับรางวัลทั้งในและต่างประเทศ สำหรับขาใหญ่อย่าง RDJ ผู้มากประสบการณ์เขาไม่เป็นกังวลมากนักกับการออกงานแบบนี้เพราะชินมาตั้งแต่ตอนเป็นซูเปอร์ฮีโร่ แต่สำหรับคิลเลียน เมอร์ฟีย์แล้ว เขาบอกกับสื่อเสมอว่า เรื่องการออกงานไม่ใช่งานถนัดของเขาเลย และไม่ชอบที่จะต้องมายืนยิ้มหน้ากล้องให้คนรุมถ่าย เขาจะไม่ออกงานเลยถ้าไม่ได้คุณภรรยาคอยผลักดัน  

แต่สำหรับมุมแฟน ๆ แล้ว ทุกคนมีความสุขทุกครั้งที่นักแสดง Oppenheimer ออกงานเพราะในช่วงเปิดตัวพรีเมียร์หนัง เป็นวันแรกที่สมาคมนักแสดงแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ SAG-AFTRA  ประกาศประท้วงหยุดงานทำให้นักแสดงไม่สามารถโปรโมทงานได้จนกว่าข้อเรียกร้องกับสตูดิโอจะสิ้นสุด ซึ่งการประท้วงนี้กินเวลานานหลายเดือน  

คิลเลียน เมอร์ฟีไม่ทำให้แฟน ๆ ที่คอยเชียร์เขาต้องผิดหวัง แม้เขาจะไม่ชอบออกงานแต่ความเป็นสายแฟก็ไม่แพ้ใคร แต่งตัวหล่ออกงานทุกคนงาน ยิ่งมารวมกับ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ผู้แต่งตัวจัดจ้านมีสีสันมากที่สุดในย่านฮอลลีวู้ดแล้ว ทั้งคู่จึงได้รับการยกย่องให้เป็น ‘Fashion Bros’ จากสื่อ GQ ไปครอง ในฐานะผู้ที่ทำให้เครื่องแต่งกายบุรุษกลับมาคึกคักในช่วงประกาศรางวัล 

ทั้งคู่ทำให้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องใส่ชุดสูทดำทางการเท่านั้น ยังมีชุดอีกหลายแบบที่แต่งแล้วสุภาพแต่มีสไตล์ อีกทั้งการออกงานของคู่นี้ยังทำให้สื่อต่าง ๆ แอบเอ็นดูความเป็น Introvert กับ Extrovert ที่เห็นได้ชัด และตัดคลิปออกมาเปรียบเทียบมียอดวิวหลายล้าน ความสนุกของคู่ซี้ต่างขั้วนี้ทำให้ทุกคนเข้าใจว่า ไม่ว่าจะต่างกันแต่แค่ไหนก็เป็นเพื่อนกันได้ และเป็นส่วนเติมเต็มให้กันและกัน เมื่อไหร่ที่คิลเลียนเริ่มหมดพลัง RDJ จะเข้ามาเป็นสายซัพคอยแหย่ คอยแซวทำให้เขายิ้มได้เสมอ 

ในตอนนี้สิ่งที่แฟน ๆ พอจะทำได้คือการเอาใจช่วยภาวนาอย่างถึงที่สุดให้ทั้งสองสามารถคว้าออสการ์มาได้ให้สมกับแรงกายแรงใจที่ช่วยกันถ่ายถอดบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ให้มีชีวิตอยู่บนจอเงินได้อีกครั้ง และหวังใจว่าหากในอนาคตพวกเขามีโอกาสได้ร่วมงานด้วยกันอีก ก็คงจะเป็นผลงานที่น่าตื่นเต้นและเป็นกำไรของผู้ชมที่ได้เห็นผลงานดี ๆ จากนักแสดงชั้นยอดสองสไตล์อย่างเช่นสองคนนี้  

 

เรื่อง : เพจผู้ชายคนนั้นจากหนังเรื่องนี้
ภาพ : Getty Images 

อ้างอิง

Cillian Murphy praises Robert Downey Jr. as the most “unpredictably brilliant” actor he’s ever worked with
Cillian Murphy and Robert Downey Jr are making a menswear saga of the Oppenheimer campaign
Robert Downey Jr. Says Cillian Murphy Made Biggest Sacrifice of Any Actor He's Ever Seen for 'Oppenheimer' (Exclusive)
Robert Downey Jr. Felt Cillian Murphy ‘Looked Through Me Like I Didn’t Exist’ in ‘Oppenheimer’
Christopher Nolan Was ‘a Little Afraid’ of Robert Downey Jr. When They First Met for ‘Batman Begins’: ‘I’d Heard Stories About How Crazy’ He Was
Are robert downey junior and cillian murphy dating
https://www.tiktok.com/discover/Are-robert-downey-junior-and-cillian-murphy-dating