คู่ซี้ ‘ไรอัน เรย์โนลด์ส’ กับ ‘ฮิวจ์ แจ็คแมน’ มิตรภาพที่มากกว่าเพื่อนร่วมวงการ

คู่ซี้ ‘ไรอัน เรย์โนลด์ส’ กับ ‘ฮิวจ์ แจ็คแมน’ มิตรภาพที่มากกว่าเพื่อนร่วมวงการ

ประวัติศาสตร์ความรักของคู่ซี้ ‘ไรอัน เรย์โนลด์ส’ กับ ‘ฮิวจ์ แจ็คแมน’ มิตรภาพที่มากกว่าเพื่อนร่วมวงการ

KEY

POINTS

  • ประวัติศาสตร์ความรักของคู่ซี้ ‘ไรอัน เรย์โนลด์ส’ กับ ‘ฮิวจ์ แจ็คแมน’
  • ไทม์ไลน์ภารกิจที่ไรอัน เรย์โนลด์ส ตามจีบฮิวจ์ แจ็คแมน กลับมารับบท ‘Wolverine’

“ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก” 

หลักการเพื่อให้ได้มาเพื่อความสัมพันธ์ที่หมายปอง คำนี้ ‘ไรอัน เรย์โนลด์ส’ (Ryan Reynolds) นักแสดงหนุ่มหล่ออารมณ์ดีพิสูจน์ให้แฟน ๆ ทั่วโลกได้เห็นแล้วว่า ‘สำเร็จ’ ได้จริง ๆ หลังจากที่เขาตามตื๊อ ‘ฮิวจ์ แจ็คแมน’ (Hugh Jackman) พี่ชายคนสนิทให้กลับมารับบทซูเปอร์ฮีโร่ ‘วูล์ฟเวอรีน’ (Wolverine) ได้อีกครั้งใน ‘Deadpool & Wolverine’ (2024) ทั้ง ๆ ที่ประกาศแขวนกรงเล็บงามไปแล้วตั้งแต่เรื่อง ‘Logan’ (2017) 

ภารกิจที่เป็นเหมือนความฝันของแฟน ๆ ทั้งโลกครั้งนี้ ไรอันใช้ความพยายามมาอย่างหนักในการเทียวไล้เทียวขื่อทุกทางผ่านสื่อโซเชียลต่าง ๆ จนถึงไปอ้อนด้วยตัวเอง ซึ่งมันจะสำเร็จไม่ได้เลยหากเขาไม่ขยันเหยาะซอสพิเศษที่ชื่อว่า ‘ความรักความห่วงใย’ ใส่ใจความสัมพันธ์ตลอด 17 ปี ให้มีความจริงใจและจริงจัง 

ความสัมพันธ์ ‘คู่ซี้’ ที่แสนพิเศษนี้มีความเป็นมาอย่างไรบ้าง เราจึงขอสรุปย่อมาเล่าให้ฟัง

ข้ามฟ้ามาเจอ (เพื่อน) รัก 

“เราพึ่งพาซึ่งกันเสมอเมื่อต้องการคำแนะนำที่แท้จริง” ไรอันพูดถึงฮิวจ์ 

“ในชีวิตของเรามีเพื่อนไม่กี่คนหรอกที่คุณสามารถพูดอะไรด้วยได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่คุณละอายใจ เขินอาย หรืออะไรก็ได้”  ฮิวจ์พูดถึงไรอัน

ไรอัน เรย์โนลด์ส และฮิวจ์ แจ็คแมน พูดไว้ในสัมภาษณ์กับสื่อ PEOPLE เกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์อันยาวนานของพวกเขาที่เรียกได้ว่า ‘หาได้ไม่บ่อยนัก’ ในหมู่นักแสดงที่ต้องเจอกับผู้คนมากมายตลอดชีวิต ทั้งคู่เริ่มต้นจากการเป็นนักแสดง ‘ต่างชาติ’ ในวงการบันเทิงฮอลลีวูด คนนึงมาจากแคนาดา คนนึงมาจากออสเตรเลีย 

ฮิวจ์ แจ็คแมน แสดงหนังฮอลลีวูดครั้งแรกกับบทบาท วูล์ฟเวอรีน ใน ‘X-Men’ (2000) ของผู้กำกับ ‘ไบรอัน ซิงเกอร์’ (Bryan Singer) ซึ่งเป็นเหมือนเป็นการลงเสาหลักแรกของการสร้างหนังแฟรนไชส์ซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวล ในตอนแรกบทนี้วางตัวนักแสดงดังคนอื่น ๆ ไว้หลายคน แต่ตัวเลือกแรกที่ผู้กำกับอยากได้ก็คือ ‘รัสเซล โครว์’ (Russell Crowe) แต่เขาปฏิเสธบทไปและแนะนำว่าเพื่อนของเขา ‘ฮิวจ์ แจ็คแมน’ จะแสดงได้แน่นอน 

แต่เนื่องจากตอนนั้นฮิวจ์ อายุเพียง 32 ปี มีชื่อเสียงจากการแสดงละครเวที แต่สำหรับภาพยนตร์นั้นยังมีงานไม่กี่เรื่อง เขาจึงต้องมาออดิชันก่อน ซึ่งเขาก็ทำได้อย่างดีเยี่ยมจนได้รับการรับเลือก แต่ถึงกระนั้นเขาก็มีเวลาเตรียมตัวแค่ 3 สัปดาห์ก่อนถ่ายทำเท่านั้น 

“ไอ้หมอนี่ใครกัน เขาจะทำได้เหรอ บทเด่นด้วยนะ” ฮิวจ์ บอกว่าเมื่อมาถึงกองถ่ายทุกคนมองเขาด้วยสายตากังขา แต่เขาจะพิสูจน์ให้ทุกคนว่าเขาทำได้ 

สำหรับบทบาท โลแกน / วูล์ฟเวอรีน เป็นบทที่แสดงให้โดดเด่นได้ยาก เพราะเป็นตัวละครแบบ พูดน้อยต่อยหนัก บทพูดมีไม่เยอะ แต่ต้องอาศัยการแสดงสีหน้าแววตา การเคลื่อนไหวร่างกายให้สื่ออารมณ์ ฮิวจ์ แจ็คแมน จึงใช้การแสดงของ ‘คลินต์ ฮีสต์วูด’ (Clint Eastwood) ใน ‘Dirty Harry’ (1971) และ ‘เมล กิ๊บสัน’ (Mel Gibson) ใน ‘Mad Max 2: The Road Warrior’ (1981) มาเป็นต้นแบบแรงบันดาลใจสร้างบุคลิกให้โลแกน

นอกจากนี้เขายังยืนยันที่จะแสดงฉากผาดโผนของตัวเอง โดยศึกษาศิลปะการต่อสู้มาก่อน “ผมดูการต่อสู้ของ ไมค์ ไทสัน (Mike Tyson อดีตนักมวยแชมป์โลก) หลายครั้ง โดยเฉพาะการต่อสู้ในช่วงแรก ๆ ของเขา มีบางอย่างเกี่ยวกับสไตล์ของเขา ที่แสดงออกแบบความดุร้ายของสัตว์ เหมาะกับวูล์ฟเวอรีน ผมพูดกับคนเขียนบทว่า อย่าให้ผมต้องต่อสู้ด้วยท่าที่ออกแบบไว้แล้วยาวเกินไป เพราะการต่อสู้ของเขามันจะต้องเป็นแนวดิบ ๆ ไม่งดงาม”

นอกจากนี้ ฮิวจ์ แจ็คแมน ยังต้องทำความคุ้นเคยกับการสวมกรงเล็บของวูล์ฟเวอรีน “ทุกวันผมจะสวมกรงเล็บติดมือไปเดินรอบ ๆ ห้องนั่งเล่น เพื่อสร้างความคุ้นชินกับมัน แต่ก็ได้บาดแผลเป็นที่ระลึกไปไม่น้อย ผมมีรอยแผลเป็นที่ขาข้างหนึ่ง รอยกรงเล็บทะลุแก้ม แผลข่วนหน้าผาก ผมค่อนข้างเงอะงะ ผมโชคดีที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับพวกเขาตอนออดิชัน”

ผลจากความทุ่มเทสุดใจ ฮิวจ์ แจ็คแมน โด่งดังเป็นพลุแตกก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ต้น ๆ ของวงการ และเข้าทำเนียบนักแสดงคนเก่งจากแดนจิงโจ้ เขากลับมารับบท วูล์ฟเวอรีน อีกหลายครั้ง ตลอดระยะเวลา 24 ปี (2000 - 2024) ทำให้เขาได้รับการบันทึกไว้ใน Guinness World Record ในฐานะนักแสดงผู้รับบทซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลที่ยาวนานที่สุด ‘longest career as a live-action Marvel character’

ด้าน ไรอัน เรย์โนลด์ส เป็นนักแสดงแคนาดาที่เริ่มเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 15 ปี เขาเคยคิดอยากจะเลิกทำงานแสดงไปในช่วงที่เข้ามหาวิทยาลัยแต่แล้วก็ฮึดสู้กลับมาลองดีอีกสักตั้ง จนไต่เต้าจากบทบาทเล็ก ๆ ในซิตคอม ร่วมแสดงเป็นตัวละครสมทบในซีรีส์ดัง จนกระทั่งได้แสดงหนังฮอลลีวูดเรื่องแรก ‘The Alarmist’ (1997) จากนั้นเขาก็มีงานอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงแรกเขายังรับบทแนวโรแมนติก – คอเมดี อย่างเช่นเรื่อง ‘The In – Laws’ (2003) 

จากนั้นเขาได้ร่วมแสดงหนังซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลครั้งแรกใน ‘Blade: Trinity’ (2004)  รับบทเป็น ‘Hannibal King’ ได้ประชันฝีมือกับ ‘เวสลีย์ สไนป์ส’ (Wesley Snipes) และการทำงานในเรื่องนี้นี่เองที่เป็นประตูสู่บท Deadpool เนื่องจากไรอันได้คุยกับผู้กำกับ ‘เดวิด เอส. โกเยอร์’ (David S. Goyer) ว่า เขาสนใจอยากจะมารับบทเดดพูลหลังจากรู้ว่าในการ์ตูน ตัวละครอ้างถึงรูปลักษณ์ว่าหน้าตาเหมือน “ไรอัน เรย์โนลด์สผสมกับสุนัขพันธุ์ชาร์เป่ย” ซึ่งเมื่อนำไอเดียไปเสนอ ‘เจฟฟ์ แคทซ์’ (Jeff Katz) ผู้บริหารของ New Line Cinema ก็ได้รับการสนับสนุนอย่างดี เพราะคิดว่าไรอันคือตัวเลือกที่เหมาะที่สุด แต่อย่างไรก็ตามเกิดมีปัญหาด้านลิขสิทธิ์กับ 20th Century Fox และหนัง X – Men ทำให้โปรเจ็กต์นี้ไม่คืบหน้า

ต่อมาในเดือนมีนาคม 2005 ไรอัน เรย์โนลด์ส ทราบว่า เจฟฟ์ แคทซ์  ซึ่งตอนนั้นได้มาเป็นผู้บริหารแล้วฟ็อกซ์อยากสร้างหนังที่มีเดดพูลมาสร้างสีสัน และได้กำหนดไว้ว่าจะให้เดดพูลมาปรากฏตัวครั้งแรกในเรื่อง ‘X-Men Origins: Wolverine’ ไรอันจึงได้โอกาสมาแสดงเรื่องนี้อย่างที่เคยฝันไว้

ได้พบสบตา เมื่อเจอหน้าเธอ 

ไรอัน เรย์โนลด์ส ยังจำความประทับใจครั้งแรกที่ได้เจอกับ ฮิวจ์ แจ็คแมน ในกองถ่าย X-Men Origins: Wolverine เมื่อปี 2008 ได้อย่างชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เขาเพิ่งมาถึงกองถ่ายที่ซิดนีย์ด้วยความรู้สึกมึน ๆ งง ๆ ที่จะต้องมารับบท Deadpool  เป็นครั้งแรกในชีวิต เขาตื่นเต้นกับทุกสิ่งรอบตัว การได้มาร่วมงานกับฮิวจ์ แจ็คแมน ซึ่งเป็นดาราเบอร์ใหญ่ทำให้เขารู้สึกทำตัวไม่ถูก เพราะตัวเองก็เพิ่งถูกจ้างมาร่วมโปรเจ็กต์นี้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน 

“ผมรู้สึกทึ่งมาก และกังวลแทบตาย ผมกำลังเดินผ่านรถเทรลเลอร์ของนักแสดงต่าง ๆ รู้สึกเจ็ทแล็ก สับสน รู้สึกว่าตัวเองใหม่มากอ่อนหัดยิ่งนัก ไม่ค่อยมีสติ และไม่มีสคริปต์ให้ดูด้วย มันก็เหมือนกับว่าต้องลุ้นว่าจะเกิดอะไรขึ้น ? แต่แล้วผมก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อของผม ไรอัน! และมันก็เป็นคุณ (ฮิวจ์) การที่คุณรู้จักชื่อผมมันมีความหมายกับผมมาก แล้วคุณก็เข้ามา คุณกอดผมแน่น ๆ แล้วพูดว่า ยินดีต้อนรับเข้าสู่ทีมนะ มันจะต้องออกมาดีแน่นอน มันจะไม่เป็นไรนะ เราจะทำให้คุณรู้สึกสบายใจ สิ่งที่ผมเรียนรู้มาก ๆ จากคุณก็คือการวางตัวในกองถ่าย คุณไม่ได้ทำดีกับคนที่มีอำนาจพอจะเปลี่ยนชีวิตได้เท่านั้น แต่คุณใจดีกับทุก ๆ คนอย่างแท้จริง

“คุณจำชื่อทีมงานทั้งหมดได้ คุณพูดคุยกับพวกเขาทุกคน คุณเอาตัวเองเข้าไปอยู่กับพวกเขาจริง ๆ และมันเป็นช่วงเวลาที่งดงามมากที่ได้เฝ้าดูสิ่งเหล่านี้ คุณทำให้ทุกคนรู้สึกได้รับการมองเห็น สิ่งนี้มันทิ้งความประทับใจที่ยิ่งใหญ่ไว้ในความทรงจำของผม และตรงนี้เองทำให้ผมได้คิดว่า ผมจะมีโอกาสสักครั้งในชีวิตไหม ที่จะได้เป็นคนแบบ ฮิวจ์ แจ็คแมน คุณทำให้ผมเรียนรู้ว่าการเป็นดารา การเป็นผู้นำจะต้องทำอย่างไร” 

คำชมอันยาวเหยียดของ ไรอัน เรย์โนลด์ส นี้ เขาได้พูดต่อหน้า ฮิวจ์ แจ็คแมน ระหว่าง ถ่ายคลิปสัมภาษณ์ของ People ซึ่งเมื่อแฟน ๆ ได้ชมได้แล้ว ต่างก็พากันซึ้งใจไปกับเขาด้วย (ชมคลิป)

ด้าน ฮิวจ์ แจ็คแมน ได้ตอบคำถามถึงความประทับใจแรกเมื่อได้เจอไรอันไว้กับสื่อ GQ ว่า “ผมรู้ว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้ทันทีที่ได้เจอคุณ ไม่ใช่แค่ Hollywood Friends (เพื่อนร่วมงานที่ดีต่อกันเฉพาะเวลาร่วมงานเท่านั้น) เราจะเป็นเพื่อนกันจริง ๆ” นอกจากนี้ฮิวจ์ยังบอกสิ่งที่ประทับใจในตัวไรอันตั้งแต่แรกเห็นว่า “เป็นคนสูง (188 เซนติเมตร) ความสามารถล้นเหลือ ตรงต่อเวลา และทุ่มเททำงาน” ส่วนสิ่งที่เขารู้จักในตัวไรอันที่คนอื่นจะต้องเซอร์ไพรส์เมื่อได้รู้ก็คือ “ไรอันเป็นคนที่ตลกจริง ๆ ทั้งหน้ากล้องและหลังกล้อง ที่เหนือสิ่งอื่นใดเขาเป็นคนซื่อสัตย์จริง ๆ ครับ ทั้ง ๆ ที่เป็นนักแสดงฮอลลีวูด แต่เขามีความจริงใจให้อย่างน่าเหลือเชื่อ” ซึ่งเป็นคำตอบที่ไรอันปลื้มจนเขิน (ชมคลิป)

ไทม์ไลน์ภารกิจตามจีบ ‘Wolverine’

แม้จะได้แสดงหนังด้วยกันเพียงเรื่องเดียว แต่ไรอัน เรย์โนลด์ส และฮิวจ์ แจ็คแมน ก็เข้ากันดีทำให้สามารถคงความเป็นเพื่อนกันนอกจอได้อย่างยาวนานมาจนถึงปัจจุบัน และสิ่งหนึ่งที่ทำพวกเขายังติดต่อกันอยู่เสมอก็มาจากการแกล้งแขวะ จิกกัด แกล้งตีกันผ่านสื่อต่าง ๆ จนแฟนๆ และผู้ติดตาม รู้สึกสนุกไปกับการเชียร์เพื่อนคู่นี้ และกว่าไรอันจะตื๊อจนฮิวจ์ใจอ่อนยอมรับงานด้วยกันอีกครั้ง ก็สามารถลำดับเหตุการณ์ได้ดังนี้ 

จุดเริ่มต้นของการแหย่กันเล่น ฮิวจ์เผยกับสื่อ The Daily Beast ว่า อาจเป็นเพราะเมื่อปี 2008 ไรอันเพิ่งจะแต่งงานกับ ‘สการ์เล็ตต์ โจแฮนสัน’ (Scarlett Johansson) ก่อนที่ไรอันจะไปแต่งงานกับ ‘เบลค ไลฟ์ลี’ (Blake Lively) ภรรยาคนปัจจุบันของเขาในปี 2012) แล้วตัวเขาเองสนิทกับสการ์เล็ตต์มาก จึงแกล้งพูด ๆ แหย่ในกองถ่ายว่า “เฮ้ นายต้องประพฤติตัวให้ดีที่สุดนะเพื่อน เพราะฉันกำลังดูอยู่ แล้วเราก็เริ่มแซวกันแบบนั้น แล้วทุกอย่างก็บานปลายขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเรื่องของเดดพูล และเขาเรียกร้องในตัวผมมากขึ้นเรื่อย ๆ และพยายามบงการผมผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อทำในสิ่งที่เขาต้องการ”

ไรอัน -  ฮิวจ์ เริ่มเปิดเผยเรื่องสงครามเพื่อนซี้ต่อสาธารณะอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ปี 2015 ซึ่งตอนนั้นโปรเจ็กต์หนัง Deadpool (2016) ได้เริ่มถ่ายทำแล้ว ซึ่งไรอันก็ไม่รอช้าแอบมายึด Instagram ของฮิวจ์ แล้วโพสต์คลิปเป็นหน้าตัวเองที่แต่งเป็นเดดพูลตอนเมคอัพหน้าเละ พยายามล้อเลียนสำเนียงออสเตรเลียของฮิวจ์ (ชมคลิป)

วันที่ 21 มกราคม 2016 ‘วันชาติออสเตรเลีย’ ไรอันก็ไม่พลาดที่จะส่งเทรลเลอร์  Deadpool เวอร์ชันพิเศษเพื่อมาแกล้งฮิวจ์ แจ็คแมน โดยเฉพาะ (ชมคลิป)

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2016 เอาพี่เค้ามาล้อเยอะแล้วถึงเวลาช่วยเขาโปรโมทหนังใหม่บ้าง ไรอัน เรย์โนลด์ส ตามไปสัมภาษณ์ฮิวจ์ แจ็คแมน เพื่อแนะนำหนัง ‘Eddie the Eagle’ (ชมคลิป)

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2016 ในหนัง Deadpool ภาคแรก แฟน ๆ ได้เห็นว่าไรอันอยากให้ฮิวจ์มาอยู่ในหนังของเขาจริง ๆ เพราะหนังใส่ฉากเดดพูลตัดกระดาษหน้าฮิวจ์ แจ็คแมนมาใส่ทับหน้าตัวเอง โดยเลือกรูปตอนที่ฮิวจ์ได้รับเลือกจาก PEOPLE ให้ดำรงตำแหน่ง ‘Sexiest Man Alive’ ในปี 2008

วันที่ 15 ธันวาคม 2016 ฮิวจ์ แจ็คแมน ทำวิดีโอแสดงความยินดีกับ ไรอัน เรย์โนลด์ส ที่ได้รับดวงดาว ‘Hollywood Walk of Fame’ ด้วยการตัดกระดาษหน้าไรอันมาทับหน้าตัวเองบ้าง (ชมคลิป)

มกราคม 2017 ไรอัน เรย์โนลด์ส ประกาศออกสื่ออย่างเป็นทางการว่า เขามีแผนที่จะสร้างหนังที่ Deadpool และ Wolverine ได้มาขึ้นจอร่วมกัน แต่หลังจากนั้นในเดือนมีนาคม หนัง Logan (2017) ออกฉาย แฟน ๆ ได้รับรู้ข่าวเศร้าว่าตัวละคร Wolverine จะปิดฉากลงแค่ที่ภาคนี้ และฮิวจ์ แจ็คแมน ก็ประกาศวางกรงเล็บไม่ขอกลับมารับบทนี้อีก เนื่องจากตัวเขาอายุมากขึ้น มีปัญหาเรื่องสุขภาพ และเป็นไปได้ยากที่จะกลับมาฟิตหุ่น แม้จะใจสลายแต่ไรอันก็ไม่หมดความพยายาม เขาพยายามพูดออกสื่อทุกสื่อ เรียกร้องให้แฟน ๆ ช่วยกันเชียร์ให้ฮิวจ์ใจอ่อนยอมกลับมา และตลอดปี 2017 ไรอันพยายามตื๊อฮิวจ์ทางสื่อออนไลน์ รวมถึงตลอดทุกอีเว้นต์สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด คริสต์มาส หรือวันครบรอบต่าง ๆ 

27 เมษายน 2018 น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยอมใจอ่อนมาโปรโมทเทรลเลอร์หนัง ‘Deadpool 2’ 

18 พฤษภาคม 2018 ในหนัง Deadpool 2 มีฉากเอาการเสียชีวิตของ Wolverine มาใส่เป็น Easter Eggs ในหนัง และฮิวจ์ แจ็คแมน แอบมาโผล่ในช่วงท้ายเครดิต

ในช่วงปี 2018 - 2022 ไรอัน และฮิวจ์ ยังดำเนินสงครามการกวนประสาทกันผ่านสื่อออนไลน์แบบนับไม่ถ้วน แม้บางช่วงจะมีการสงบศึกกันบ้าง อย่างเช่นตอนอยู่ในช่วง Lock Down ทั่วโลกจากการแพร่ระบาดของ Covid -19  และบางครั้งก็มาจับมือกันเพื่อมาโปรโมทธุรกิจเครื่องดื่มด้วยกัน บางช่วงก็มีให้กำลังใจกันอย่างเช่นช่วงพฤษภาคม ปี 2021 ไรอันออกมาเปิดเผยว่าเขามีปัญหาสุขภาพจิตเป็นโรควิตกกังวล (anxiety) ฮิวจ์ก็ออกมาให้กำลังใจว่า การเปิดเผยเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ดีแล้ว เพราะสามารถช่วยเหลือผู้คนอีกมากมายที่กำลังต่อสู้กับปัญหานี้อยู่เช่นกัน และในปี 2022 ทั้งคู่ก็ช่วยกันโปรโมทงานของอีกฝ่าย โดยไรอันโปรโมทงาน ‘Music Man’ ละครเวทีบรอดเวย์ที่ฮิวจ์นำแสดง ส่วนฮิวจ์ก็โปรโมทหนัง ‘Red Notice’ ให้ไรอัน

สายฟ้าผ่ากลางใจ บทนี้ต้องรีเทิร์น

วันที่ 14 สิงหาคม 2022 เวลาประมาณตี 1 ฮิวจ์ แจ็คแมนตัดสินใจหวนคืนสู่กรงเล็บวูล์ฟเวอรีนอีกครั้ง เขารีบโทรหาไรอันทันที ทำให้ไรอันถึงกับตกใจที่จู่ ๆ ได้รับสายเพราะคิดว่าฮิวจ์มีเหตุด่วนเหตุร้ายอะไรหรือเปล่า แต่กลายเป็นข่าวที่นำพามาซึ่งโปรเจ็กต์ที่เขารอคอยมากที่สุดในชีวิต  

ฮิวจ์ แจ็คแมน เผยรายละเอียดเหตุการณ์วันที่เขาตัดสินใจกลับมารับบท Wolverine ในรายการ SiriusXM ว่า วันนั้นเขากำลังขับรถอยู่ที่ย่าน Hampton, London ประเทศอังกฤษ จู่ ๆ เขาคิดถึงคำพูดที่เขามักจะพูดกับเด็ก ๆ บ่อยครั้งว่า ถ้าฝันอยากจะทำให้อะไรให้ทำเลย ฝันให้ไกล เพราะทุกอย่างเป็นจริงได้ แต่เมื่อเขามองกลับมาที่ตัวเอง เขามีแต่คำถามว่าเขายังอยากทำอะไรอีกในชีวิต แล้วคำตอบก็ปรากฏขึ้นมาทันทีว่าเขาอยากแสดงหนัง Deadpool & Wolverine มันเป็นสิ่งที่ไรอันพยายามชวนเขามาเป็นเวลาหลายปี เขาจึงตัดสินใจจอดรถข้างทาง แล้วโทรหาไรอันทันทีโดยไม่สนใจว่าไรอันจะทำอะไรอยู่ที่ไหน มีบทแล้วหรือยัง เตรียมงานอะไรแล้วหรือไม่ เขาต้องการบอกความรู้สึกนี้ออกไปให้ไรอันรู้  

หลังจากนั้นก็กลายเป็นงานใหญ่ขึ้นมาทันที ไรอันติดต่อหา ‘เควิน ไฟกี’  (Kevin Feige) ประธานกรรมการของมาร์เวลสตูดิโอส์ ติดต่อผู้กำกับ ‘ชอว์น เลวี’ (Shawn Levy) ซึ่งสิ่งที่ยากที่สุดของการทำให้หนังเรื่องนี้เกิดขึ้นก็คือการมีบทที่เหมาะสมที่จะนำ Wolverine กลับมาเข้าจักรวาล MCU แต่สุดท้ายด้วยความพยายามของหลาย ๆ ฝ่าย และประจวบเหมาะที่ลิขสิทธิ์ตัวละครของค่าย FOX ได้ถูกดิสนีย์ซื้อเรียบร้อยแล้วจึงทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างสำเร็จ และได้ประกาศอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 กันยายน ปี 2022 ว่า ไรอัน และฮิวจ์ จะได้กลับมารับบทตัวละครที่พวกเขา และ แฟน ๆ ชื่นชอบอีกครั้ง 

เดือนกรกฎาคม 2024 หนัง Deadpool & Wolverine ได้เข้าฉายทั่วโลก ซึ่งไรอันมีส่วนในการเขียนบทด้วยและเผยว่าเป็นการเขียนที่เขากลัวมากที่สุด เพราะว่าอยากให้ฮิวจ์ได้รับบทดี ๆ ที่สุด ให้สมเกียรติกับการที่เขาเป็นตำนานที่ทุกคนเคารพรัก 

ในช่วงโปรโมทหนังด้วยกันเขาเผยว่า การรับสายโทรศัพท์ตอนตี 1 สายนั้นเป็นการรับสายโทรศัพท์ที่ดีที่สุดในชีวิต “ผมบอกตรง ๆ ว่า ผมมีความสุขมากที่สุดในชีวิตจนผมไม่รู้จะทำหนังเรื่องอื่นอีกได้ยังไงถ้าไม่มีเขา” 

เหตุผลข้อที่ 8 แสนล้านที่ทำให้รัก

ระหว่างการออกทัวร์โปรโมท Deadpool & Wolverine ที่ประเทศเกาหลีใต้ ไรอัน เรย์โนลด์ส และฮิวจ์ แจ็คแมน ได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์กับวง ‘Stray Kids’ ไอดอลชื่อดัง ซึ่งทั้งคู่ได้เล่าถึงความสัมพันธ์ที่พวกเขามีมาอย่างยาวนาน ว่าสิ่งที่ทำให้มิตรภาพนี้คงอยู่ได้ก็คือพวกเขา ‘ดูแลกันและกัน’ และ ‘มีความหวังดี’ ให้อย่างจริงใจ ไม่ต่างอะไรกับการคงความสัมพันธ์ของคู่แต่งงาน 

ฮิวจ์ได้เผยถึงสิ่งที่เขารักในตัวไรอันว่า “ตั้งแต่ผมรู้จักเขามา และโดยเฉพาะในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา เราก็มีเวลาไปเดินเล่นกันมากขึ้น เพราะเขาเป็นผู้ฟังที่ดี” และกล่าวเสริมว่า “เขาบอกอะไรผมก็ได้ และผมก็บอกอะไรกับเขาได้ทุกอย่าง ผมไม่รู้สึกว่าเขาจะตัดสินหรือตอบคำถามว่า ‘ทำสิ่งนี้สิ’ และผมคิดว่านั่นคือคำตอบครับ”

ด้านไรอันก็เผยว่า “ผมคิดว่าเคล็ดลับของมิตรภาพฮอลลีวูดที่ยืนยาวก็ไม่ต่างจากการมีคู่ครองหรือการแต่งงาน เราต่างเป็นกำลังใจให้กันตลอดเวลา ผมอยากให้เขาประสบความสำเร็จ เช่นเดียวกับเขาที่คิดแบบเดียวกับผม ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับที่ผมรู้สึกกับเบลค (ภรรยาของไรอัน ) ขณะที่ผมเชียร์เธอ ผมก็รู้ว่าเธอเชียร์ผมเช่นกัน  และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงเชื่อมโยงกันมาก”

ไรอันยังกล่าวถึงวีกรรมของฮิวจ์ที่ทำให้เขารักมากที่สุดก็คือการที่ฮิวจ์มาอยู่ที่บ้านของเขาเพื่อดูแลลูก ๆ ให้ ในขณะที่ตัวเขายุ่งกับงานมาก เมื่อเขากลับมาบ้านเขาได้เห็นภาพมหัศจรรย์อย่างไม่น่าเชื่อ คือเห็น ฮิวจ์ แจ็คแมน กำลังร้องเพลง ‘The Greatest Showman’ ให้ลูก ๆ เขาฟัง ในจังหวะนั้นเขาคิดได้เพียงอย่างเดียวว่า “เขาเป็นพ่อของลูกผมได้ดีกว่าตัวผมอีก มันคือเหตุผลข้อที่ 8 แสนล้านที่ผมรักเขาครับ”  

 

เรื่อง: เพจผู้ชายคนนั้นจากหนังเรื่องนี้
ภาพ: Getty Images

อ้างอิง:
Ryan Reynolds and Hugh Jackman: The Deadpool & Wolverine Stars Reveal 'Secret Sauce' to Their 17-Year Friendship
A History of Ryan Reynolds and Hugh Jackman's Playful Feud
Ryan Reynolds and Hugh Jackman have been in a 'feud' since 2009. Here's a timeline of their friendship.
Ryan Reynolds on Getting Hugh Jackman to Return as Wolverine
What Convinced Hugh Jackman to Return as Wolverine?