‘โยชิกิ’ อัจฉริยะจาก ‘X Japan’ กับการสร้างตำนานหน้าถัดไปในฐานะกลุ่ม The Last Rockstars

‘โยชิกิ’ อัจฉริยะจาก ‘X Japan’ กับการสร้างตำนานหน้าถัดไปในฐานะกลุ่ม The Last Rockstars

‘โยชิกิ’ นับเป็นอัจฉริยะทางดนตรีอีกคนหนึ่งของญี่ปุ่นจากผลงานกับ ‘X Japan’ แม้วงจะกลับมารียูเนียน แต่ยังไม่มีงานใหม่ ระหว่างนั้น โยชิกิ มาทำโปรเจกต์ชื่อ ‘The Last Rockstars’

  • โยชิกิ นักดนตรีอัจฉริยะจากวง X Japan ผ่านเรื่องราวมากมายในเส้นทางดนตรี หลายปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้หายไปกับกระแส ยังคงใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ เผยแพร่ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ
  • ปัจจุบัน เขามีโปรเจกต์พิเศษในชื่อ The Last Rockstars เป็นซูเปอร์กรุ๊ปที่ประกอบด้วยนักดนตรียุคทองของญี่ปุ่น

ในยุคสมัยที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วว่องไว วงการดนตรีที่เคยยึดโยงมาตลอดหลายทศวรรษอย่างดนตรีร็อกเองก็ไม่อาจฉุดรั้งความยืนยงนี้ได้เช่นกัน เมื่อการถาโถมของดนตรีแนวอื่น ๆ ที่มาช่วงชิงพื้นที่ความนิยม จนดนตรีร็อกไม่ใช่นัมเบอร์วันของกระแสอีกต่อไป

ในช่วงเวลาที่ดนตรีร็อกไม่ใช่กระแสหลัก ศิลปินร็อกมากมายที่มีอัตราส่วนมากที่สุดกว่าทุก ๆ แนว ต่างพยายามขวนขวายต่อลมหายใจไม่ให้ตัวเองถูกดีดออกจากกระแสที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ไม่เว้นแม้กระทั่งศิลปินในตำนานเองก็ไม่อาจจะหยุดนิ่งได้เช่นกัน

โดยเฉพาะ ‘X Japan’ วงร็อก Visual Kei แห่งยุค 80s ที่ยิ่งใหญ่เรืองรองมาตลอดหลายปี และสร้างหมุดหมายสำคัญแก่วงการ J-Rock ให้เป็นที่ประจักษ์บนเวทีโลก แต่เส้นทางของพวกเขากว่าจะได้มาซึ่งชื่อเสียงและความเป็นตำนาน ก็ต้องแลกมาด้วยอะไรหลายต่อหลายอย่าง จนทำให้พวกเขากลายเป็นโศกนาฏกรรมทางดนตรีที่มีปัญหารุมเร้ารอบด้านให้เป็นบททดสอบที่ต้องฝ่าฟันอยู่เสมอ

ไม่ว่าจะเป็นนักร้องนำโทชิ ที่ความไว้เนื้อเชื่อใจจากคนรัก นำพาชีวิตเขาพังหลังจากที่ถูกล้างสมองถูกพาเข้าลัทธิจนหมดเนื้อหมดตัว จนเกือบจะไม่สามารถกลับมายืนจุดเดิมได้อีกครั้ง, ปัญหาทางสุขภาพของ พาตะ มือกีตาร์ประจำวงจนทำให้เกิดปัญหาระหว่างการทัวร์คอนเสิร์ตรียูเนียน ที่ลืมไม่ลง คือการจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับของ ฮิเดะ มือกีตาร์ที่จากไปก่อนวัยอันควร 

และกำลังหลักสำคัญของ X Japan มือกลองโยชิกิ ที่เสมือนเป็นเสาหลักที่พยายามประคับประคองวงมาโดยตลอดเอง แม้จะเป็นศูนย์รวมของจิตใจของวงที่ต้องแข็งแกร่งตลอดเวลา แต่หลายครั้งก็พบว่าโยชิกิเองก็บอบช้ำไม่แตกต่างกัน ทั้งด้านสภาพจิตใจที่แบกรับความปวดร้าวของสมาชิกในวง ไปจนถึงร่างกายที่เกินจะรับไหว จากการทุ่มเททั้งกายทั้งใจในการทำดนตรีและเล่นคอนเสิร์ต

ปัญหาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้วงยังคงเดินหน้าไปต่อในแบบไม่เต็มร้อยสักเท่าไหร่ แม้ใจจะฮึด แต่เหมือนบททดสอบจากพระเจ้ายังคงทำให้พวกเขาก้าวผ่านมันไปอย่างเชื่องช้า จนไม่เห็นวี่แววของอัลบั้มชุดที่ 6 ได้เลยในตอนนี้ 

เมื่อปี 2018 นิตยสาร Time ได้พาดหัวถึงวง X Japan ไว้ว่า “เป็นวงที่โชคร้ายที่สุดในโลก” ซึ่งตัวโยชิกิ เองก็แบ่งรับแบ่งสู้กับพาดหัวนี้ โดยตอบกลับไปว่า

“แน่นอนว่าพวกเขาพูดได้ เพราะว่าพวกเราอาจจะเป็นวงที่โชคร้ายที่สุด หรืออาจจะเป็นคนที่ปวดร้าวที่สุด แต่พวกคุณรู้ไหม หลายปีที่เราห่างหาย เรามีแฟนเพลงทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ นั่นหมายความว่า พวกเราอาจจะเป็นวงดนตรีที่โชคดีที่สุดในโลกก็ได้”

แต่ถึงโปรเจกต์ X Japan จะยังคงเงียบงัน แต่โยชิกิ ใช่ว่าจะหายไปกับกระแส เขายังประกฏตัวตามสื่ออยู่เสมอ ใช้สื่อโซเชียลได้อย่างมีประสิทธิภาพ บริหารชื่อเสียงไม่ให้ถูกศิลปินรุ่นน้องกลืนหายอยู่เป็นระยะ ๆ แต่แฟนเพลงตัวยงก็ไม่อยากจะเห็นเขาปรากฏตัวแค่ในฐานะเซเลบเท่านั้นแต่ยังอยากฟังและอยากเห็นเขาในฐานะศิลปินร็อกเช่นกัน

และสุดท้าย ฝันนั้นก็เป็นจริง เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา มีการประกาศผลงานชิ้นใหม่ของโยชิกิ แต่ไม่ใช่ในนามวง X Japan หรือผลงานส่วนตัว แต่เป็นโปรเจกต์ซูเปอร์กรุ๊ปในนาม ‘The Last Rockstars’ นั่นเอง

The Last Rockstars เป็นการรวมตัวศิลปินแถวหน้าแห่งวงการ J-Rock ที่สร้างชื่อในยุค 80s จนถึงยุค 2000s ประกอบไปด้วย ไฮด์ แห่งวง L'Arc-en-Ciel, ซูกิโซ แห่งวง Luna Sea, มิยาวิ ศิลปินเดี่ยวชื่อก้อง และแน่นอนว่าโยชิกิ ในฐานะพี่ชายคนโตก็ไม่พลาดในปรากฏการณ์นี้เช่นกัน

การเปิดตัวของ The Last Rockstars นับเป็นข่าวที่น่าตื่นเต้นไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการรอคอยของแฟน ๆ ที่ติดตามเฉพาะวงได้เห็นการหวนกลับมาของสมาชิกที่ตนรัก หรือแฟนเพลงที่ติดตามกระแสซีนดนตรี J-Rock ยุคเรืองรองก็ตื้นตันที่จะได้เห็นศิลปินระดับตำนานทำงานร่วมโปรเจกต์เดียวกัน โดยเฉพาะแฟน X Japan เอง ที่แทบจะปล่อยจอยและไม่คาดหวังว่า ตัวโยชิกิจะกลับมาทำเพลงใหม่แล้ว การได้เห็นโยชิกิรัวกลองพรมเปียโน ก็ถือเป็นเรื่องที่เซอร์ไพรซ์ไม่ใช่น้อยเช่นกัน

“พวกเราดูเหมือนกับ The Avengers” โยชิกิและสมาชิกในวงซูเปอร์กรุ๊ป แถลงข่าวเล่าถึงการมารวมตัวกันของพวกเขาด้วยความฮึกเหิม และเปรียบวงเหมือนดั่งทีม The Avengers ที่ต่างคนต่างมีพันธกิจของตน แต่เมื่อรวมตัวกันย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา

“ผมจะพูดถึงที่มาของวงสั้น ๆ เลย คือโดยปกติ พวกเราทั้ง 4 ต่างก็แวะเวียนไปมาหาสู่กันอยู่แล้ว ยิ่งช่วงกักตัวโควิดมันทำให้เรามีโอกาสคุยกันผ่าน Zoom มากขึ้น” โยชิกิ เกริ่นนำถึงการเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้

ไฮด์ เสริมถึงตัวตนของโยชิกิได้อย่างน่าสนใจ “ไลฟ์สไตล์ชีวิตของโยชิกิที่ผ่านมาก็ร็อกแอนด์โรลอยู่แล้ว แต่เขาดำเนินชีวิตโดยไม่ได้ตีกลองเลย ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าตกใจและน่าเสียดายในความสามารถของเขามาก การเล่นเปียโนของเขาก็เช่นกัน เราเลยคุยกันว่า ถ้าช่วงนี้ X ยังไม่มีโครงการจะทำอะไร ให้โอกาสผมได้ทำอะไรร่วมกันสักครั้ง”

ซึ่งสมาชิกทั้ง 3 ต่างให้ความเคารพโยชิกิ ในฐานะพี่ใหญ่ แต่ไม่ใช่เพราะอายุที่มากกว่า แต่ในฐานะร็อกสตาร์ผู้มากความสามารถ โยชิกิ ได้ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ www.jame-world.com ถึงการเริ่มต้นความฝันในการเป็น ‘ร็อคสตาร์’ นั้นไม่ได้มาเพียงช่วงประเดี๋ยวประด๋าวแต่มันเกิดขึ้นตั้งแต่เขายังเป็นวัยรุ่น

“ตอนที่ผมเรียนมัธยม ครูถามผมว่า ‘โตขึ้นอยากเป็นอะไร’ ปกติเด็กทั่ว ๆ ไปก็มักจะตอบด้วยชุดอาชีพสามัญอย่าง ‘อยากเป็นหมอหรือทนายความ’ แต่พอผมบอกว่า ‘ผมอยากเป็นร็อกสตาร์’ ครูกลับสวนกลับมาว่า ตอบให้จริงจัง อย่ามาล้อเล่น แต่ในช่วงไฮสคูล ผมก็ยังยืนยันคำตอบเดิม ความมุ่งมั่นนี่แหละทำให้พวกเรายืนอยู่ตรงนี้”

ซึ่ง The Avengers ในความหมายของโยชิกิ ไม่ใช่เพียงตอบเอาเท่ ๆ แต่เขาหมายถึงการสร้างพลังศรัทธาให้ชาวร็อกทั่วโลกได้รับรู้ว่า วงการดนตรีร็อกจะไม่ยอมตายหรือกลืนหายง่าย ๆ ไปตามกระแสแฟชั่นฮิปฮอปหรือพ็อพที่มาครองกระแสดนตรีโลกในขณะนี้ 

“ความรัก คือเหตุผลสำคัญที่เราอยากจะท้าทายโลกใบนี้ ทำไมพวกเราถึงอยากจะเป็นร็อกสตาร์ผู้ยิ่งใหญ่ ทำไมเราถึงเรียกตัวเองว่า The Last Rockstars ก็เพราะชีวิตของเรามันมีจำกัด แต่บทเพลงของเรายังคงอยู่ ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไปแม้ไม่มีพวกเราอีกแล้ว

สักวันหนึ่งพวกเราก็ต้องตาย แต่ดนตรีของเราจะอยู่ตลอดไป สิ่งที่เราอยากสื่อไปในบทเพลงก็คือ ‘ความรัก’ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ เราอยากที่จะสร้างแรงบันดาลใจถ่ายทอดความรักให้กับโลกใบนี้ ชีวิตของผมเคยคิดสั้นระดับฆ่าตัวตาย แต่พอผมถูกรายล้อมไปด้วยแฟนเพลงที่น่าทึ่ง เพื่อน ๆ ที่น่ารัก มันเป็นเหตุผลที่ผมต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้ และมันก็ถึงเวลาที่ต้องตอบแทนพวกเขา เราจึงไม่พยายามที่จะสร้างชื่อเสียงหรือพิชิตโลกแค่เพียงอย่างเดียว แต่ผมอยากจะเผยแพร่ความรักผ่านบทเพลงด้วย” โยชิกิ อธิบายถึงพันธกิจสำคัญของวง 

ณ ขณะนี้ The Last Rockstars ปล่อยซิงเกิ้ลเดบิวต์ (เปิดตัว) ชื่อ ‘The Last Rockstars (Paris Mix)’ มาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว (2022) และ ‘Shine’ เพลงที่ยังไม่ประกาศเป็นซิงเกิลอย่างเป็นทางการแต่สามารถรับฟังในโชว์ของพวกเขา

บทเพลงได้การตอบรับที่ดีจากแฟนเพลง มีการผสมผสานจิตวิญญาณและอัตลักษณ์ของทั้ง 4 ได้อย่างกลมกล่อมแต่ร้อนแรง

ซึ่งเป้าหมายของเขาคือการเดินสายทัวร์ไปทั่วอเมริกาและยุโรป แต่ข่าวร้ายคือ ณ ปัจจุบันยังไม่มีแพลนทัวร์คอนเสิร์ตในเอเชียแต่อย่างใด

“ผมได้มอบจิตวิญญาณให้กับโชว์และเพลงที่ผมทำอย่างเต็มที่ แต่ในอนาคต ผมไม่อาจจะรับปากได้ว่าจะสามารถเล่นได้อีกกี่โชว์ ผมไม่กล้าและสามารถจินตนาการได้เลยว่าจะสามารถเล่นเป็นร้อย ๆ โชว์เพื่อแฟน ๆ ได้หรือไม่

ดังนั้น ผมจึงค่อนข้างระมัดระวัง และทำอย่างเต็มที่ เพราะทุก ๆ ครั้งที่โชว์มันมีความสำคัญกับผมมาก ๆ เทศกาลสุดท้ายที่ผมอยากเล่นคือไป Coachella มันน่าตื่นเต้นที่จะไปเจอคนที่ไม่รู้จักเรา ซึ่งถ้าเราไม่จริงจังกับมัน อาจจะมีคนขว้างขวดเบียร์ใส่เราก็ได้”

ไม่เพียงการทำงานร่วมกับ The Last Rockstars เท่านั้น แต่โยชิกิ ยังเดินหน้าทำธุรกิจชุดกิโนโน, ไวน์ และเครื่องดื่มชูกำลัง แสดงให้เห็นถึงการไม่หยุดนิ่งและการทุ่มสรรพกำลังอย่างเต็มที่เพื่อสนองตอบความฝันของเขา

แม้ในตอนนี้ ข่าวอัลบั้มใหม่ของ X Japan ยังคงเลือนลาง แต่ตัวโยชิกิ นั้น ไม่เคยลางเลือนจากความทรงจำของแฟนเพลงทั่วโลกไปเลย

 

ภาพ: แฟ้มภาพจาก Getty Images

อ้างอิง:

jame-world.com

NME

Asia Nikkei