รีวิวคอนเสิร์ตครั้งแรกในไทยของ The Strokes เจ้าพ่อร็อกยุคเสื้อหนัง-ขาเดฟ ดนตรีสุดแน่น

รีวิวคอนเสิร์ตครั้งแรกในไทยของ The Strokes เจ้าพ่อร็อกยุคเสื้อหนัง-ขาเดฟ ดนตรีสุดแน่น

The Strokes วงเจ้าพ่อร็อกยุคเสื้อหนัง-ขาเดฟ เพิ่งมาเล่นคอนเสิร์ตครั้งแรกในไทยช่วงกรกฎาคม 2566 เติมเต็มความทรงจำชาวร็อก แม้สังขารสมาชิกจะเปลี่ยนไป แต่ดนตรีเดือดไม่เปลี่ยนแปลง

  • The Strokes วงเจ้าพ่อสายร็อกยุคเสื้อหนัง-ขาเดฟ เพิ่งมาเปิดคอนเสิร์ตครั้งแรกในไทย ในช่วงที่สังขารต่างจากสมัยที่รุ่งเรือง
  • โชว์ของวงมีเรื่องราวที่น่าจดจำสำหรับชาวร็อก ไม่ว่าจะเป็นโมเมนต์น่าประทับใจ หรือจะเป็นหัวข้อที่แฟนเพลงถกเถียงกัน

นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ยินเพลง Hard to Explain วัยรุ่นทั่วประเทศต่างตกตะลึงในซาวด์ที่แตกต่างจากกระแสร็อกในยุคนั้น และเชื่อมั่นเลยว่า มันเปลี่ยนชีวิตของหลายต่อหลายคนไปตลอดกาล และชื่อ The Strokes ก็ฝังในหัวของวัยรุ่นหลายคน และปวราณาตนว่าขอให้ได้ชมการแสดงสดตัวเป็น ๆ สักครั้ง ในฐานะวงดนตรีที่ต้องรับชมการแสดงของเขาก่อนตาย

แต่วงดนตรีผู้นำพาแนว Garage Rock มาขัดสีฉวีวรรณใหม่จนกลายร่างเป็น Garage Rock Revival ในเวลาต่อมา ได้นำกระแสธารของดนตรีสุดเก๋าที่มาสั่นคลอนกระแส Emo, Nu-Metal ที่มาแรงในยุคนั้น จนเกิดเป็นยุค ‘เสื้อหนัง-ขาเดฟ’ ได้สำเร็จนั้น จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยได้มาแสดงที่เมืองไทยเลยสักครั้ง และนับตั้งแต่อัลบั้มแรกที่วางจำหน่ายจนถึงปัจจุบันก็เป็นเวลาถึง 22 ปีเลยทีเดียวที่ฝันนั้นเป็นจริง ในที่สุดวงดนตรีที่มีเส้นทางดนตรีกว่า 2 ทศวรรษ และมีผลงานออกมาจำนวน 6 ชุด ก็ได้มาแสดงให้คนไทยได้ชมกันเสียที

วันอังคารที่ 18 กรกฎาคม 2023 ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี คราคร่ำไปด้วยชาวร็อกเสื้อดำมากมาย บางส่วนจะใส่เสื้อโลโก้ The Strokes แต่มีส่วนน้อยมาก ๆ ที่ใส่กางเกงขาเดฟ ทั้งเรื่องยุคสมัยและเรื่องสังขาร เพราะวัยรุ่นเมื่อ 22 ปีก่อน ตอนนี้ต่างก็กลายเป็นผู้ใหญ่ที่แทบจะยัดขาลงกางเกงขาเดฟแทบจะไม่ไหวแล้ว หลายคนอำลาวงการด้วยสังขารที่เริ่มไม่ไหว แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะมาเติมเต็มความฝันในวัยเยาว์ของตนกันอย่างล้นหลาม

โชคดีที่ที่ระบบการจัดการที่ Flow และรวดเร็ว ของทางผู้จัด ทำผู้เขียนเข้าไปในฮอลล์ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว นับเป็นการจัดการที่ดีของผู้จัดที่ครั้งนี้ดำเนินการอย่างมืออาชีพ ถือเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดจากครั้งก่อน ๆ ที่มีปัญหาได้ดี

กระทั่งไฟในฮอลล์เริ่มดับลง พร้อมน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากของซาวด์ที่ผสมผสานเสียงพังค์และเสียงสังเคราะห์ของดนตรี Electro - Industrial Sound Johann Rashid หรือ Promiseland ศิลปินโชว์เปิดงานที่จัดจ้านในการทำซาวด์ได้โหดทั้งเพลง และการแสดงที่บ้าคลั่ง (แถมยังเนียนดื่มเบียร์ฟรีจากท่านผู้ชม) เป็นโชว์เปิดที่โคตรระห่ำและตราตรึงมาก

อ่านจากประวัติที่เขาโชว์จนซี่โครงหัก หรือสาดตากีล่าเข้าตาก็พบว่าความเฮี้ยนที่ไทยดูซอฟต์ลงไปเลย ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่การแสดงของเขาเตะตา Julian Casablancas จนจับมาเซ็นสัญญาเข้าค่ายของเขาในนาม Cult Records และชวนเขามาเป็นศิลปินเปิดในคอนเสิร์ตครั้งนี้ 

การโชว์ของ Promiseland จบลงอย่างรวดเร็ว คราวนี้ก็ถึงเวลาของรุ่นใหญ่มาครองเวทีแล้ว The Strokes เลือกเปิดด้วย The Modern Age สะท้อนถึงตัวตนและยุคสมัยของเขาด้วยจังหวะสนุกเร้าใจ ในซาวด์ที่หลายคนรอคอยมานานที่จะได้รับชมกันแบบสด ๆ เสียที

หลังจากนั้น Julian และชาวคณะ ก็บรรเลงบทเพลงอันแสนคุ้นชินของวง โดยเฉพาะจากอัลบั้ม Is This It ที่เป็นอัลบั้มแรกและเป็นอัลบั้มที่คุ้นหูชาวไทยมากที่สุด ที่วงเล่นให้ถึง 7 เพลง ไม่ว่าจะเป็น Barely Legal, Hard to Explain, Is This It, Last Nite, Soma, Someday และ The Modern Age และเฉลี่ยให้อัลบั้มอื่น ๆ ลดหลั่นกันไป นั่นคือความพิเศษที่แตกต่างจากการแสดงสดที่อื่น เพราะในหลาย ๆ โชว์จากรอบปีที่ผ่านมา The Strokes เล่นที่ไทยในจำนวนเยอะที่สุด แถมมีบางเพลงที่ไม่เคยเล่นที่ไหนมาตั้งแต่ปี 2011 นั่นคือเพลง ​​Life Is Simple in the Moonlight จากอัลบั้ม Angels ที่มาช่วยเติมเต็มให้กลายเป็นคอนเสิร์ตที่วงเล่นครบทั้ง 6 อัลบั้ม

ภาพรวมของการแสดงสดจากที่ได้คุยกันกับคนที่ไปชมมาในยุคก่อน ๆ พบว่า The Strokes ครั้งนี้ดูเฮี้ยวน้อยกว่าทุกครั้ง อาจจะเพราะอายุที่มากขึ้น เลยไม่อยากปล่อยเซอร์ให้เหมือนสมัยวัยรุ่น (โดยเฉพาะเสียงร้องของ Julian ที่ฟังชัดเจนไม่ดูเหมือนคนเมากำลังร้องเพลง) ถึงแม้จะดูนิ่ง ๆ แต่ตรงกันข้าม ภาคดนตรีที่พอลดทอนความพังก์ลงไป กลับพบว่าเป็นการแสดงสดที่แน่นมาก และแต่ละเพลงที่เลือกมา ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นเพลงฮิตที่ย่อยง่าย ทำให้โชว์ครั้งนี้กลายเป็นหนึ่งในความประทับใจของแฟนเพลงที่รอมาวงนี้มานาน จนวงตกตะกอนทางวุฒิภาวะ และจัดโชว์ที่เติมเต็มความทรงจำทุกคนได้ดี

แม้จะมีหลายคนท้วงติงในเรื่องความมืดบนเวทีจนทำให้มองอะไรไม่เห็น แต่เหมือนเป็นความตั้งใจของตัววงเองที่คงอยากให้โฟกัสที่ดนตรีมากกว่า สำหรับตัวผู้เขียนเองก็เลยไม่รู้สึกบวก-ลบอะไร

ในอีกส่วนที่กลายเป็นประเด็นถกเถียงคือ มีผู้ชมท่านหนึ่งชูป้ายเพื่อขอเล่นเพลง Last Nite ซึ่งก็แบ่งความรู้สึกออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งเห็นด้วยก็มองถึงความใจกว้างของศิลปินที่ช่วยสานฝันแฟนเพลง แต่อีกส่วนก็มองว่าเป็นการไปบดบังโอกาสที่คนอยากจะดูการเล่นจากวง ซึ่งเพลง Last Nite ถือเป็นโมเมนต์สำคัญที่รอคอยมาอย่างยาวนาน และอาจจะเป็นการชูป้ายที่บังคับให้ตัวศิลปินจำต้องทำอย่างเสียมิได้ แต่วงเองก็รู้สึกดีและเอ่ยชื่อของคนที่ชูป้ายในอินสตาแกรมวงด้วย

สรุปภาพรวมของ The Strokes Live in Bangkok ถือเป็นคอนเสิร์ตที่น่าจดจำในฐานะวงที่ช่วยมาเติมเต็มความทรงจำสมัยวัยรุ่นของหลายต่อหลายคนได้ดี ถือได้ว่าเป้นหนึ่งในหลักชัยของนักฟังเพลงที่สามารถปลดล็อกได้สำเร็จ และหวังว่าจะมีอีกหลายวงที่ทยอยมาเล่นให้ชมที่เมืองไทยในอนาคต

 

เรื่อง: สกก์บงกช ขันทอง

ภาพ: The Strokes/Instagram และสกก์บงกช ขันทอง