หลังม่าน L'Arc~en~Ciel วงรุ่นใหญ่ที่เล่นโดยสมาชิกไม่คุยกัน ยิ่งพายุโหม รุ้งยิ่งสดใส

หลังม่าน L'Arc~en~Ciel วงรุ่นใหญ่ที่เล่นโดยสมาชิกไม่คุยกัน ยิ่งพายุโหม รุ้งยิ่งสดใส

ย้อนดูความเคลื่อนไหวเบื้องหลังวง L'Arc~en~Ciel วงรุ่นใหญ่แห่งญี่ปุ่นที่โลดแล่นในวงการโดยสมาชิกไม่คุยกันมา 30 ปี มาถึงสารคดีที่เปิดเผยเรื่องราวหลังฉากของวง ภาพสะท้อนยิ่งพายุโหม สายรุ้งยิ่งสว่างสดใส

  • L'Arc~en~Ciel อีกหนึ่งวงร็อกแถวหน้าระดับตำนานของญี่ปุ่น วงเริ่มต้นทำงานมายาวนานร่วม 30 ปี 
  • ในวาระครบรอบ 30 ปี วงจัดทำสารคดี L'Arc-en-Ciel 30th L'Anniversary ซึ่งเปิดเผยเบื้องหลังความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในวงที่ทำให้เห็นว่า แม้จะเล่นดนตรีด้วยกัน แต่สมาชิกไม่พูดคุยกัน

***บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาในสารคดี L'Arc-en-Ciel 30th L'Anniversary***

ก่อนอื่นต้องเท้าความกันสักเล็กน้อยสำหรับผู้ที่ไม่รู้จัก L'Arc~en~Ciel วงเป็นวงร็อกจากเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ฟอร์มวงกันมาตั้งแต่ปี 1991 เริ่มต้นจากเท็ตสึยะ (tetsuya) ที่อยากทำวงดนตรีไปถูกใจเสียงร้องของไฮด์ (hyde) เข้า แต่ตอนนั้นไฮด์ เพิ่งตั้งวงของตัวเองจึงปฏิเสธไป แต่เท็ตสึยะ ตามตื๊อทุกงานที่ไฮด์ ไปเล่น จนใจอ่อนยอมมาร่วมวงด้วย พวกเขากับฮิโระ (กีตาร์) และเปโระ (กลอง) จึงรวมตัวกันเป็น L'Arc~en~Ciel

หลังเก็บเกี่ยวชื่อเสียงในบ้านเกิดได้หนึ่งปี ฮิโระ ก็ถอนตัว เท็ตสึยะ จึงไปชวนเค็น (ken) ให้เลิกเรียนมหาวิทยาลัยมาทำวง ต่อมา เปโระ ก็ถอนตัวไปอีกคนก่อนได้ซากุระ มาแทน แต่แล้วปี 1997 ก็มีเหตุให้ต้องเปลี่ยนสมาชิกอีกครั้งเมื่อซากุระ ถูกจับกุมข้อหายาเสพติด

เรื่องนี้กลายเป็นวิกฤตของวงไปพักหนึ่ง ก่อนจะได้ยูกิฮิโระ (yukihiro) มารับหน้าที่เหยียบกระเดื่องแทนในปีต่อมา และเป็นสมาชิกชุดนี้ที่ยืนยาวมาถึงปัจจุบัน

พวกเขาประสบความสำเร็จตั้งแต่ออกอัลบั้มแรก Dune กับค่ายอินดี้เบอร์ใหญ่ โดยอัลบั้มนี้ขึ้นอันดับหนึ่งใน Oricon indies chart จนกลายเป็นที่หมายตาจากค่ายใหญ่ ๆ และได้เซ็นสัญญากับ Ki/oon ที่เป็นค่ายลูกของ Sony Music Entertainment Japan และประสบความสำเร็จอีกครั้งด้วยซิงเกิ้ล Winter Fall ที่ครองอันดับหนึ่ง Oricon Singles Chart ในปี 1998 หลังจากนั้นก็มีเพลงฮิตโด่งดังไปทั่วโลกอีกมากมายอาทิเช่น Driver's High, Neo Universe, Stay Away, Ready Steady Go, New World ฯลฯ

เวลาผ่านไป วงมีสารคดีเผยแพร่ออกมาทาง Amazon Prime ชื่อสารคดีว่า L'Arc-en-Ciel 30th L'Anniversary ตัวสารคดีเป็นการบันทึกเบื้องหลังการเตรียมงานและการซ้อมวงสำหรับคอนเสิร์ต L'Arc~en~Ciel 30th L’Anniversary LIVE อันเป็นการส่งท้ายทัวร์ฉลองครบรอบ 30 ปีของวงกันที่โตเกียวโดมเมื่อวันที่ 21-22 พ.ค. 2022 ก่อนจะนำมาลงสตรีมมิ่งให้ได้ชมกันในเดือนธ.ค.ของปีเดียวกัน

สิ่งที่คนทั่วไปอาจนึกภาพไว้คือ วงดนตรีที่ซ้อมกันอย่างเฮฮาสนุกสนาน แต่ว่าไม่ใช่สำหรับวงนี้ เพราะภาพที่เราได้เห็นกันก็คือความเงียบ ต่างคนต่างซ้อมเครื่องดนตรีของตัวเองไป แทบไม่มีการพูดคุยกันเลย จนไฮด์ มาในภายหลัง บรรยากาศถึงสมกับเป็นวงดนตรีขึ้นมาบ้าง และเป็นอย่างนี้ไปจนทีมงานถ่ายสารคดีถึงกับเอ่ยปากถามว่า ทำไมถึงเป็นแบบนี้ กระทั่งผู้เขียนเองก็สงสัยว่ามีด้วยเหรอวงดนตรีที่อยู่กันมา 30 ปีแต่ไม่มีการพูดคุยกัน

ขนาดช่วงสัมภาษณ์ยังเป็นการแยกกันคุย ไม่มีฉากสัมภาษณ์รวมทุกคนเลย ทำไมถึงเกิดภาพเช่นนี้ขึ้นมา เราจะได้รู้คำตอบกัน

เรื่องที่ไม่คุยกันไม่ใช่เพราะไม่ถูกกัน หัวหน้าวงอย่างเท็ตสึยะ ให้เหตุผลว่ามันเป็นการพยายามรักษาสมดุลกันในแบบของพวกเขา ซึ่งเป็นแบบนี้มานานหลายสิบปีตั้งแต่ก่อตั้งวงมา ไม่ได้มีเหตุการณ์ที่ทำให้เลิกคุยกันแต่อย่างใด สภาพเวลาประชุมงานก็เป็นการรอให้ใครสักคนพูดขึ้นมาก่อน แล้วคนที่เหลือก็ถึงจะเออออตามน้ำไป พวกเขาไม่บอกไอเดียกับใครจนกว่าจะมีคนพูดขึ้นมา ไม่มีใครเจตนาไม่ดีนะ แต่คิดว่าเป็นผลจากการอยากเคารพแนวทางของทุกคน บรรยากาศเลยหนักอึ้ง หลังจากนั้นก็ไม่มีการประชุมอีก แต่จะใช้วิธีให้ทีมงานไปตามไอเดียของแต่ละคนแทน

ด้านไฮด์ เล่าว่า ประมาณปี 1999-2000 เป็นช่วงที่พวกเขาเลิกคุยกัน แม้มีข้อเสนอแนะอะไรก็เริ่มไม่บอกไอเดียกับใคร เขาคิดว่า การเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับแนวคิดสักอย่างนั้นทำให้ต้องรับผิดชอบ ถ้าเห็นด้วยก็จะบอกว่ามันถูกต้อง แล้วถ้าเรามีความคิดดีกว่านั้นล่ะ ถ้าไม่เห็นด้วยก็ต้องอธิบายเหตุผล ต้องโทษใครสักคน โทษกันไปมาทำให้วุ่นวายไปหมดจนไปจำกัดความคิดสร้างสรรค์กันเอง

สำหรับวงดนตรี แนวคิดต่าง ๆ จะกลายเป็นเปลือกนอกหรือภาพลักษณ์ที่แสดงถึงวง เลยทำให้เรากลัวที่จะรับผิดชอบ กลัวจะสนับสนุนแนวคิดอะไรสักอย่าง มันไม่เกี่ยวกับชื่อเสียงหรือความดัง แค่รู้สึกว่าไม่ควรพูดเท่านั้นเอง

บรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้ดำเนินไปอีกหลายปีจนกระทบไปถึงทีมงานที่ทำงานได้ลำบาก ไฮด์ รู้สึกทนไม่ไหว ไปต่อไม่ได้จึงเขียนจดหมายขอลาออกถึงหัวหน้าวง เท็ตสึยะ เล่าถึงช่วงเวลานี้ว่า หลังอ่านจดหมาย ด้วยความที่รู้นิสัยกันดีก็คิดว่า นี่ไม่ใช่เรื่องปุบปับแน่นอน มันคงเป็นสิ่งที่ไฮด์ คิดไตร่ตรองมาดีแล้ว เขารู้ว่าคงห้ามยากและควรเคารพความต้องการของไฮด์ แต่ก็ไม่อยากให้จดหมายฉบับเดียวทำให้วงต้องจบลง เพราะเขาไม่คิดจะหานักร้องใหม่ ทำให้ทั้ง 4 คนกลับมารวมตัวกันครั้งแรกหลังจากผ่านมานาน

ตอนนั้นไฮด์ บอกว่า น่าจะมีทัวร์ครั้งสุดท้ายกันนะ พอได้ยินดังนั้นก็ทำให้ทุกคนเปิดใจพรั่งพรูไอเดียหลากหลายที่อยากทำในคอนเสิร์ต และกลับกลายเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ทุกคนสามารถเห็นด้วยกับความคิดกันและกัน แล้วทำให้รู้ว่าทุกคนอยากทำวงต่อนี่นา

ผ่านไปหลังจากนั้นสักพัก เท็ตสึยะ กับไฮด์ จับเข่าเปิดอกคุยกัน 2 ต่อ 2 หลังจากเขาฟังเหตุผลของไฮด์ เท็ตสึยะ ก็บอกว่า เราพอจะปรับเปลี่ยนให้มันดีขึ้นได้นะ นายจะอยู่ต่ออีกสักหน่อยได้มั้ย ซึ่งไฮด์ ก็ตกลงเพราะเห็นความพยายามของทุกคนแล้ว และไม่อยากเป็นตัวทำลายสิ่งที่เพื่อน ๆ พยายามอย่างหนักด้วยกัน

ส่วนตัวผู้เขียนคาดเดาว่า ด้วยความที่สมาชิกทุกคนต่างเรียกได้ว่าเป็นศิลปินเต็มตัว ต่างก็มีงานเดี่ยว แต่งเพลง ร้องเพลงเองได้ ทุกคนก็อาจมีอีโก้ส่วนตัวที่ยอมให้กันยาก คุยกันลำบาก เลยเลือกที่จะแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างในการทำงาน

ไฮด์ เองบอกว่า อยากให้ทุกคนเข้ากันได้มากกว่านี้หน่อยก็จริง แต่ก็ไม่เป็นอะไร เพราะว่าทุกคนเป็นศิลปิน และถือเป็นปาฏิหาริย์ที่อยู่กันมาถึงทุกวันนี้ได้ กับเคน นิยามไว้ว่าเปรียบทุกคนคือวงกลม แล้วมีจุดที่วงกลมทั้งหมดทับซ้อนกัน บางวันขนาดเล็กจิ๋ว บางวันก็ใหญ่หน่อย นั่นคือจุดยืนที่มีร่วมกันเวลาทำเพลง

จากวันนั้น ล่วงเลยมาแล้ว 20 ปี แม้ว่าจะมีช่วงที่พักวงและแยกย้ายกันไปในเส้นทางงานเดี่ยวของตัวเองบ่อยครั้ง แต่พวกเขาก็กลับมารวมตัวและนำประสบการณ์ที่ได้กลับผสมผสานสร้างความแปลกใหม่ให้คนฟังได้เสมอ

เชื่อว่าสายรุ้งเส้นนี้จะยังอยู่ด้วยกันไม่เปลี่ยนแปรและคงเป็นเช่นนี้เสมอไป (แต่แฟน ๆ คงอยากให้กลับมาออกงานใหม่ด้วยกันบ่อยกว่านี้หน่อย) ดังที่ไฮด์ เคยพูดไว้ตอนคอนเสิร์ตครบรอบ 25 ปีของวงว่า

“เราอยู่ด้วยกันมาถึงขนาดนี้ เราก็คงไม่ไปไหนแล้ว”

แถมท้ายเล็กน้อย: L'Arc~en~Ciel ออกอัลบั้มเต็มชุดล่าสุดคือ Butterfly ในปี 2012 (11 ปีแล้ว) และออกซิงเกิ้ลล่าสุดชื่อ Forever ในปี 2021

 

เรื่อง: ธนพล ล้อมสวัสดิ์

ภาพ: แฟ้มภาพเมื่อปี 2012 (ซ้ายบน) เท็ตสึยะ, (ขวาบน) ไฮด์, (ซ้ายล่าง) เค็น และยูกิฮิโระ ไฟล์จาก Getty Images