เจ้าของมีมแห่งยุค ‘Drake’ แรปเปอร์ที่ฝัน ‘ต้องรวย!’ กับชีวิตวัยเด็กที่เห็นแต่หนี้ก้อนโตของแม่

เจ้าของมีมแห่งยุค ‘Drake’ แรปเปอร์ที่ฝัน ‘ต้องรวย!’ กับชีวิตวัยเด็กที่เห็นแต่หนี้ก้อนโตของแม่

รู้จัก ‘Drake’ แรปเปอร์ชาวอเมริกันชื่อดัง กับชีวิตที่โตมาด้วยความลำบาก อยู่กับแม่ที่เป็นหนี้ก้อนโต และทำงานหนักเพราะอยากให้ครอบครัวดีขึ้น

  • ‘ออบรีย์ เดรก แกรห์ม’ (Aubrey Drake Graham) หรือ ‘Drake’ แรปเปอร์ชื่อดังที่แม่เป็นชาวยิว และครอบครัวค่อนข้างยากจน
  • วันหนึ่ง Drake ปฎิญาณกับแม่ว่าเขาต้องรวยให้ได้! จนถึงวันที่ก้าวสู่วงการบันเทิง และมีชื่อเสียง
  • Drake เป็นแรปเปอร์ที่มียอดสตรีมสูงมาตลอดบน Spotify

“คงไม่มีคนเข้าใจหรอกว่าเป็นคนผิวดำและเป็นชาวยิวมันเป็นอย่างไร”

ชีวิตของเด็กผู้ชายผิวดำ รอยยิ้มกว้างเป็นเอกลักษณ์ที่ชื่อว่า ‘ออบรีย์ เดรก แกรห์ม’ (Aubrey Drake Graham) หรือรู้จักในชื่อเรียกว่า ‘Drake’ แรปเปอร์ชื่อดังที่ตอนนี้แทบไม่มีใครที่ไม่รู้จัก แต่กว่าที่เขาจะมายืนอยู่ตรงนี้ได้ ประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ เขาต้องพยายามและต่อสู้อย่างมากเพื่อให้คุณภาพชีวิตของเขาและแม่ดีขึ้น

 

เกิดและโตกับหนี้ก้อนใหญ่

ออบรีย์ เดรก แกรห์ม หรือ Drake เกิดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 1986 ในเมืองโทรอนโต รัฐออนแทรีโอ โดยพ่อของเขาคือ Dennis Graham มือกลองชาวแอฟริกัน - อเมริกัน ชาวคริสเตียนจากเมืองเมมฟิส และครั้งหนึ่งเขาเคยแสดงโชว์ร่วมกับ เจอร์รี ลี ลูวิส (Jerry Lee Lewis) นักดนตรีแนวคันทรี

ส่วนแม่ของ Drake คือ Sandra Graham ชาวยิวอัชเกนัซ เป็นคนแคนาดาโดยกำเนิด เธอเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ และยังมีร้านขายดอกไม้เล็ก ๆ ด้วย ซึ่งครอบครัวของ Drake ตอนนั้นพูดว่าพอมีพอกิน ฐานะปานกลาง ไม่ได้รวยอะไรมากนัก

จน Drake อายุได้เพียง 5 ขวบ พ่อกับแม่ของเขาตัดสินใจหย่าร้างกัน บางสื่อบอกว่าเพราะความเห็นไม่ตรงกันเรื่องการใช้ชีวิตและศาสนา อย่างไรก็ตาม นับจากนั้น Sandra Graham ก็กลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว พยายามทำงาน หาเงิน เพื่อมาดูแลลูก และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมแม่ของ Drake เป็นหนี้ก้อนโต

Drake ได้พูดกับ Hip Hop Canada เมื่อปี 2006 ว่า “แม่ของฉันเป็นครอบครัวชาวยิวที่หัวโบราณมาก ฉันคิดว่าตัวเองเป็นคนผิวดำ เพราะฉันหมกมุ่นอยู่กับวัฒนธรรมคนผิวดำมากกว่าสิ่งอื่นใด แต่การเป็นชาวยิวนั้นก็ค่อนข้างแปลกไปอีกแบบ เพราะมันทำให้ฉันแตกต่าง”

เจ้าของมีมแห่งยุค ‘Drake’ แรปเปอร์ที่ฝัน ‘ต้องรวย!’ กับชีวิตวัยเด็กที่เห็นแต่หนี้ก้อนโตของแม่

นอกจากนี้ Drake ยังเคยนั่งคุยกับ Jian Ghomeshi นักจัดรายการวิทยุที่ Glenn Gould Studio เขาพูดว่า “ฉันภูมิใจในความเป็นแคนาเดียนนะ แต่หลายครั้งที่ฉันอยากจะพูดถึงบางสิ่งที่คนยังเข้าใจผิดว่าฉันเกิดและโตมาในสิ่งแวดล้อมที่เรียบง่าย เพราะเติบโตมาในย่านที่เต็มไปด้วยคนมั่งคั่งก็คือ ฟอเรสต์ฮิลล์ (Forest Hill)

“แต่จริงแล้วแม่ฉันมีหนี้ก้อนโต ครอบครัวเรายากจนมาก และที่เราสามารถอาศัยอยู่ที่นั่นได้เพราะว่าแม่ของฉันเช่าห้องใต้ดินและชั้นแรกของบ้านหลังหนึ่งในย่านนั้น

“แม่พยายามทำให้ครอบครัวเราดีขึ้น เธอต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้กับครอบครัว ขนาดว่า Bar Mitzvah ก็ยังต้องทำที่ชั้นใต้ดินของร้านอาหารอิตาเลียนเลย ฉันเคยพูดกับแม่ยามที่เราเศร้ามาก ๆ เพราะหนี้สินเยอะ ฉันคิดว่าสักวันฉันต้องรวย!”

นอกจากนี้ Drake ยังพูดด้วยว่า การอาศัยอยู่ที่ย่านฟอเรสต์ฮิลล์สำหรับคนต่างเชื้อชาติ ค่อนข้างลำบาก (แต่เด็กผู้หญิงจะลำบากกว่า) ยิ่งเขาเป็นเด็กผิวดำและเป็นชาวยิว ทำให้ช่วงวัยเด็กของเขาถูกมองเหยียดจากผู้คนแถวนั้น

พอโตขึ้นมาหน่อย Drake ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาของชาวยิว และนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกแตกแยกเพราะ “ไม่มีใครเข้าใจว่าการเป็นคนผิวดำและชาวยิวรู้สึกอย่างไร” ซึ่งเขาพูดเปิดใจกับนิตยสาร Heeb ในปี 2010 แต่เขาก็ย้ำบ่อย ๆ ว่าก็ภูมิใจที่เป็นชาวยิวอยู่ดี แม้ว่าคนอื่นจะไม่เข้าใจ

เจ้าของมีมแห่งยุค ‘Drake’ แรปเปอร์ที่ฝัน ‘ต้องรวย!’ กับชีวิตวัยเด็กที่เห็นแต่หนี้ก้อนโตของแม่

 

จุดเริ่มต้นและความหลงใหลในแรปเปอร์

ด้วยพื้นฐานเดิมของ Drake ที่มีเลือดนักดนตรีอยู่ในตัว อีกทั้งวัฒนธรรมของคนผิวดำที่เขารู้สึกคุ้นเคยมากกว่าสิ่งใด ตั้งแต่เด็ก ๆ พ่อของ Drake มักจะพาไปตามบาร์ต่าง ๆ ทั่วโทรอนโต แม้แต่ตอนที่พ่อของเขาติดคุกก็ยังพยายามจัดสรรเวลาให้ลูกชายได้คุยกับเพื่อนร่วมห้องขัง ซึ่งเป็นแรปเปอร์ ให้ Drake ซึมซับและเข้าใจดนตรี รวมถึงโลกของการแรป

เวลาผ่านไปเป็นปี ๆ Drake เรียนรู้อยู่กับเรื่องของดนตรีและการแรปจากพ่อและเพื่อนของเขา ทั้งยังฟังการแรปสไตล์ทางใต้ของแคนาดา จนเขารู้สึกว่านี่อาจจะเป็นอาชีพในฝันที่เขาอยากเป็น จน Drake ตัดสินใจเลือกทำอาชีพแรปเปอร์อย่างจริงจัง

เขาตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนเพื่อตามความฝัน เขาเริ่มจากการเป็นนักแสดงในเรื่อง Degrassi: The Next Generation นานถึง 7 ปี จนได้รับรางวัล Young Artist Award ในปี 2002 จากนั้นก็มีผลงานอื่น ๆ ตามมาอีกเพียบ

แต่ในระหว่างที่ Drake ยังแสดงในเรื่อง Degrassi เขาเริ่มศึกษาและพยายามเข้าสู่วงการฮิปฮอปแล้ว ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ออกมิกซ์เทปชื่อว่า Room for Improvement ในปี 2006 และตอนนั้นมียอดขายประมาณ 6,000 ชุด ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับแรปเปอร์มือใหม่ จากนั้นก็ออกมิกซ์เทปมาอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งปี 2009 Drake ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงหนึ่ง และได้ออกผลงานอัลบั้มชุดแรก ชื่อว่า Thank Me Later เขาติดอันดับ 1 ในสัปดาห์แรกของบิลบอร์ด 200 และมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับศิลปินฮิปฮอปอีกหลายคน เช่น ลิล เวย์น, จีซี, คานเย เวสต์, เอ็มมิเน็ม และเจย์-ซี ซึ่งในปี 2010 เขาได้รับรางวัลจูโน ในสาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมและศิลปินแรปแห่งปีครั้งแรก

ในปี 2018 Drake เริ่มถูกจับตาว่าเป็นแรปเปอร์ที่ทำยอดสตรีมมิ่งสูงอีกหนึ่งคน โดยยอดสตรีมรวมทั้งหมดทั่วโลกมากถึง 200 ล้านยูนิต และมีทรัพย์สินถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐ

Drake ได้ฉายาว่าเป็น แรปเปอร์ที่มียอดสตรีมสูงตลอดกาลตั้งแต่ปีนั้น เพราะเขาสามารถรักษายอดสตรีมมาได้เรื่อย ๆ และในปี 2022 HipHop50 Spotify ได้ประกาศเพลย์ลิสต์เพลงแรปยอดนิยมจากศิลปิน 50 คนทั่วโลก Drake อยู่เป็นอันดับ 1 ที่มียอดสตรีมรวม 75,000 ล้านครั้งบน Spotify ถือว่าเป็นแรปเปอร์ที่อยู่ในวงการนี้และรักษาตำแหน่งได้ดีทีเดียว

แม้แต่ Kanye West แรปเปอร์ชื่อดังในอเมริกาก็ยังเอ่ยปากชม Drake ว่า “เขาเป็นแรปเปอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล สำหรับฉัน Drake เป็นแรปเปอร์ที่เก่งที่สุดเท่าที่เคยมีมา”

ทั้งนี้ Drake ยังเคยถูกจับตาว่าอาจจะเป็นเศรษฐีคนใหม่ในวงการฮิปฮอปเพราะว่าเขาลงทุนทำธุรกิจด้วย อย่างเช่น แบรนด์เสื้อผ้า OVO, น้ำหอมบ้าน Better World Fragrance House (BWFH) ที่ลงทุนร่วมกับเจ้าของแบรนด์, NOCTA แบรนด์ชุดกีฬา และยังมีธุรกิจอื่นที่อยู่ในอุตสาหกรรม E-sport ด้วย

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่น่าชื่นชมทั้งในวงการแรปเปอร์ และการทำธุรกิจ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนักในความพยายาม เพราะหลายคนที่ชีวิตเริ่มต้นจากศูนย์หรือติดลบ ก็มักจะสู้หลังชนฝาและเห็นโอกาสใหม่ ๆ รอบตัวเสมอ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลมีชื่อเสียง หรือ nobody ก็ตาม

 

 

 

ภาพ : Getty Images

อ้างอิง :

Biography

Billboard

Nme

Smithsonianmag

Capitalism

Yahoo