07 ต.ค. 2566 | 18:06 น.
- ในคอนเสิร์ตนี้ชาร์ลีใช้คำว่า ‘รัก’ ฟุ่มเฟือยมาก บ่อยครั้งที่เขาพูดตอบแฟน ๆ ด้วยเสียงหวาน ๆ ว่า “I love you too” เล่นเอาสาว ๆ กรี้ดฮอลล์แทบแตก
- รอยบากที่คิ้วด้านขวา หลายคนอาจคิดว่าเป็นแฟชั่น แต่สำหรับชาร์ลีแล้ว นั่นคือแผลเป็นจากการถูกสุนัขกัดตอนเด็ก ๆ
- ปี 2011 เขาได้ลงคลิปคัฟเวอร์เพลง ‘Someone Like You’ ของ ‘อะเดล’ (Adele) จนเป็นที่โด่งดัง ถึงขั้นได้ออกรายการ ‘TheEllenShow’
it's been around 5 years without you my friend
And I'll tell you all about it when I see you again
นาน 5 ปีแล้วที่ ‘ชาร์ลี พุท’ (Charlie Puth) ไม่ได้มาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย... จะเรียกว่า ‘นาน’ คงไม่เว่อร์เกินไปใช่ไหม? ถ้าเทียบจากระยะห่างระหว่างคอนเสิร์ตรอบแรก ที่จัดอย่างอบอุ่นที่ GMM Live House @Central World เมื่อช่วงปลายปี 2559 กับคอนเสิร์ตครั้งที่ 2 เมื่อปลายปี 2561 ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งทิ้งระยะห่างแค่ 2 ปีเอง
อีกตัวชี้วัดที่ทำให้เรารู้สึกว่านานสำหรับเราคือ ช่วงหลังเวลานึกถึงเพลง ‘Dangerously’ ในหัวดันกลายเป็นเสียงร้องเวอร์ชั่น ‘น้องอาฮยอน’ วง ‘Babymonster’ ไปซะแล้ว จนเกือบจะลืมเสียง ‘ฮีฮี่ฮีฮี้ ฮีฮี่ฮีฮี้’ สุดเอกลักษณ์ ของเวอร์ชั่นต้นฉบับ
แน่นอนว่าในคอนเสิร์ต “The ‘Charlie’ Live Experience” ที่จัดขึ้นที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เมื่อคืนวันที่ 6 ตุลาคมที่ผ่านมา ชาร์ลีไม่พลาดที่จะนำเพลงโปรดของใครหลาย ๆ คนเพลงนี้ กลับมาร้องให้แฟนเพลงชาวไทยฟังอีกครั้ง พร้อมเสียงเปียโนตัวโปรดที่คลอไปกับท่อนจำ
I loved you dangerously (ฮีฮี่ฮีฮี้ ฮีฮี่ฮีฮี้)
More than the air that I breathe (ฮีฮี่ฮีฮี้ ฮีฮี่ฮีฮี้)
แต่กว่าจะมาถึงเพลงนี้ ชาร์ลีเริ่มจากการปรากฏตัวด้วยชุดสบาย ๆ สีฟ้า กับเพลงจังหวะสนุก ๆ อย่าง Charlie Be Quiet, No More Drama, Attention และ STAY ก่อนจะค่อยลดมาที่เพลงสบาย ๆ อย่าง Left and Right และ Boy และจะทำให้ทั้งฮอลล์กระหึ่มอีกครั้งด้วยเพลง Light Switch และ Dangerously
ส่วนหนึ่งในเพลงโดนใจของใครหลาย ๆ คน อย่าง We Don’t Talk Anymore ก็เรียกเสียงกรี้ดได้ไม่แพ้กัน... ไม่รู้หลายคนจะรู้สึกเหมือนกันไหม? เรารู้สึกว่าการถ่ายทอดอารมณ์ของชาร์ลีเติบโตขึ้นมาก โดยเฉพาะในเพลงเก่า ๆ ที่อาจจะดูสุขุมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
แต่ขณะที่เรากำลังชื่นชมความนิ่งของชาร์ลี ทันใดนั้นเจ้าตัวก็ช็อตฟีลด้วยการชี้ไปที่กลุ่มคนดูที่เปิดไฟจากมือถือ
“นั่นมันเหมือนกับดาวเลยนะ” ราวกับจิตวิญญาณแห่งความเป็นเด็กที่ยังสดใสและซุกซน แอบชะโงกมาทักทายแฟน ๆ ชาวไทย ที่หลังจากนั้นก็พากันเปิดไฟจากหน้าจอมือถือเกิดเป็นทะเลดาวปรากฏแก่สายตานักร้องหนุ่ม
เป็นอีกช่วงเวลาที่น่าประทับใจของคอนเสิร์ต ที่มีการ give and take อย่างน่ารัก ระหว่างคนดูกับนักร้อง
อีกอย่างที่น่าประทับใจในคอนเสิร์ตนี้คือการที่ชาร์ลี ใช้คำว่า ‘รัก’ ฟุ่มเฟือยมาก... คือมันเป็นเรื่องธรรมดาที่แฟนคลับจะตะโกนบอกรักศิลปินคนโปรดสุดเสียง แต่หนุ่มชาร์ลีก็ช่างใส่ใจความรู้สึกของแฟน ๆ ไง บ่อยครั้งเราเลยได้เห็นเขาพูดตอบด้วยเสียงหวาน ๆ ว่า “I love you too” ที่เล่นเอาสาว ๆ กรี้ดฮอลล์แทบแตก
ที่ว่าเป็นผู้ใหญ่ขึ้น นิ่งขึ้น แต่เสน่ห์พ่อคุณไม่ได้ลดลงเลย
จากนั้นชาร์ลีก็พาทุกคนสนุกกันต่อกับเพลงเพราะ ๆ สลับไปมาระหว่างเพลงใหม่กับเพลงเก่า ไม่ว่าจะเป็น I Don’t Think That I Like Her, Cheating On You, Loser ฯลฯ
หลังจากนั้นการจากลาก็มาถึงอีกครั้ง เมื่อเขาเริ่มร้องเพลงดังอย่าง One Call Away และจบด้วย See You Again ที่ทำให้หลายคนรู้จักชื่อของ ‘ชาร์ลี พุท’
ไม่บอกก็คงเดาออกว่า แฟน ๆ พากันร้องตามสองเพลงนี้เสียงดังสนั่นฮอลล์
นับเป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่แฟน ๆ รอมานาน แล้วก็จบลงอย่างรวดเร็วในเวลาชั่วโมงกว่า
We've come a long way from where we began
Oh, I'll tell you all about it when I see you again
ระหว่างรอให้ชาร์ลี พุท กลับมาจัดคอนเสิร์ตที่บ้านเราอีกครั้ง เราอยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักนักร้องหนุ่มผู้มีเสียงและคิ้วบากอันเป็นเอกลักษณ์ให้มากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ช่วงที่ยังเป็นนักร้องถ่ายคลิปเพลงคัฟเวอร์ลงยูทูบ กระทั่งถึงยุคทองที่กลายเป็นศิลปินดังระดับโลก
จุดเริ่มต้นนักร้องดังที่ชื่อชาร์ลี พุท
ชาร์ลี พุท เกิดเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 1991 ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา แม่ของเขาเป็นครูสอนเปียโน ที่ปลูกฝังให้เขารักดนตรีมาตั้งแต่เด็กด้วยการเปิดเพลงคลาสสิกให้ฟัง และสอนให้เขาเล่นเปียโนตั้งแต่เขาอายุแค่ 4 ขวบ
ส่วนรอยบากที่คิ้วด้านขวา หลายคนอาจคิดว่าเป็นแฟชั่น แต่สำหรับชาร์ลีแล้ว นั่นคือแผลเป็นจากการถูกสุนัขกัดตอนเด็ก ๆ
ด้วยความที่โตมากับดนตรี เมื่ออายุได้ 10 ปี เด็กชายชาร์ลีจึงเลือกเข้าชมรมดนตรีแจ๊สของโรงเรียน และเคยได้ร่วมแสดงในโรงละครเคานต์เบซี (Count Basie) ด้วยฃ
หนุ่มน้อยฉายแววมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งได้รับการจ้างให้ออกอัลบั้มคริสต์มาสที่มีชื่อว่า ‘Have a Very Charlie Christmas’ ซึ่งทำให้ยอดขายได้มากถึง 600 ดอลลาร์สหรัฐ
ชาร์ลีมุ่งมั่นเรียนด้านดนตรีโดยตรง ทำให้เขาได้ทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัยชั้นนำทางด้านดนตรีอย่าง ‘วิทยาลัยดนตรีเบิร์กเลย์’ (Berklee College of music) จนจบสาขาการผลิตและวิศวกรรมดนตรี (Music Production And Engineering)
ด้วยความคิดสนุก ปี 2009 ชาร์ลีได้เปิดช่องยูทูบของตัวเองขึ้นมาในชื่อ ‘Charlies Vlogs’ ที่เน้นลงคลิปตลกและคลิปคัฟเวอร์เพลงอะคูสติก กระทั่งปี 2011 เขาได้ลงคลิปคัฟเวอร์เพลง ‘Someone Like You’ ของ ‘อะเดล’ (Adele) จนเป็นที่โด่งดัง ถึงขั้นได้ออกรายการ ‘TheEllenShow’
หลังจาก ‘เอลเลน ดีเจนเนอริส’ (Ellen DeGeneres) พิธีกรรายการ TheEllenShow ได้ฟังเสียงร้องสดของชาร์ลี เธอเห็นแววของเขาทันที และได้ชักชวนให้เขามาเป็นนักร้องในสังกัด ‘eleveneleven’ ซึ่งเธอเป็นผู้บริหารอยู่
แม้จะดีใจที่ได้เข้าไปอยู่ในค่าย eleveneleven แต่สุดท้ายทั้งเขาและค่ายก็จบกันไม่ค่อยสวย โดยเขาเคยออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า รู้สึกเหมือนถูกหลอกลวงและฉวยโอกาส
หลังออกจากบ้านเก่าเขาได้เข้าเซ็นสัญญากับค่ายใหม่อย่าง ‘แอตแลนติก’ (Atlantic) ในปี 2015 และครั้งนี้คือเส้นทางสู่นักร้องระดับโลกอย่างแท้จริง เขาเริ่มจากการเปิดตัวอย่างงดงามด้วยเพลง ‘Marvin Gaye’ เพลงฟังสบาย ๆ ที่ร้องคู่กับนักร้องสาว ‘เมแกน เทรนเนอร์’ (Meghan Trainor) ปัจจุบัน เพลงนี้มียอดการรับชมในยูทูบทะลุ 721 ล้านครั้ง และพุ่งทะยานขึ้นสูงสุดถึงอันดับ 21 ใน Billboard Hot 100
See You Again เพลงดังสร้างชื่อชาร์ลี พุท
ถ้าหากพูดถึงชาร์ลี พุท เพลงที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกคงหนีไม่พ้นเพลงดังอย่าง ‘See You Again’ เพลงประกอบภาพยนต์ ‘Fast & Furious 7’ ที่มาในแนวฮิปฮอป โดยเป็นการถ่ายทอดร่วมกันระหว่าง ‘คาเมรอน ญีบรีล โทมัช’ (Cameron Jibril Thomaz) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘วิซ คาลิฟา’ (Wiz Khalifa) แร๊ปเปอร์ชาวอเมริกัน กับชาร์ลี ที่ได้รับเชิญให้มาฟีเจอริงในส่วนของการร้องและเล่นเปียโน
เพลง See You Again กลายเป็นเพลงที่สร้างชื่อให้กับทั้งคู่ ด้วยการซิ่งแซงทุกเพลงขึ้นอันดับ 1 อง Billboard Hot 100 นานถึง 12 สัปดาห์ติดต่อกัน และเพลงนี้ยังเป็นหนึ่งในเพลงที่มียอดสตรีมมากที่สุดบน Spotify ด้วยยอดสตรีมที่มากถึง 1.6 พันล้านครั้ง นอกจากนี้ ยังติด 1 ใน 10 เพลงที่มียอดรับชมมากที่สุดในยูทูบ รวมถึงยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงในงาน ‘58th Annual Grammy Awards’ มากถึง 3 รางวัล และยังได้รับรางวัลในอีกหลายรายการ อาทิ Best Original or Adapted Song จาก Black Reel Awards และ Hollywood Song Award จาก Hollywood Film Awards ฯลฯ
ชาร์ลีให้สัมภาษณ์ในช่อง ABC News ว่า เขาได้แรงบันดาลใจการแต่งเพลงนี้จากเพื่อนที่เสียชีวิตในปี 2012
“เพื่อนของผมจากไปตลอดกาล ผมยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้หลังจากที่ผมรู้ว่าเขาจากไปแล้ว ผมส่งข้อความไปหาเขาว่า See you again”
จากแรงบันดาลใจที่เขาต้องสูญเสียเพื่อนไป อีกหนึ่งเรื่องราวที่ทำให้บทเพลงนี้โด่งดังจนคนร้องตามได้ทั้งโลก คือการจากไปของ ‘พอล วอล์คเกอร์’ (Paul Walker) นักแสดงนำจากภาพยนต์ Fast & Furious ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ยิ่งทำให้แฟน ๆ ซาบซึ้งกับความหมายของเนื้อเพลงเข้าไปอีก
รวมไปถึงมิวสิควิดีโอที่ทำขึ้น ในฉากท้าย ๆ ที่ ‘วิน ดีเซล’ ขับรถเคียงข้างไปกับ ‘โคดี วอล์คเกอร์’ น้องชายของพอล วอล์คเกอร์ ก่อนที่เขาจะขับรถแยกกันไปคนละทาง และกล้องได้แพนขึ้นฟ้า พร้อมกับข้อความ ‘แด่พอล’
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชื่อของชาร์ลี พุท จึงเริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
ยุคทองของชาร์ลี พุท
หลังจากที่ได้สร้างปรากฏการณ์กับ See You Again เขาได้ปล่อยเพลง One Call Away ในปีเดียวกัน ถือว่าเป็นการตีเหล็กตอนร้อน และเพลงรักความหมายดีเพลงนี้ก็ได้รับกระแสตอบรับอย่างงดงามไม่แพ้กัน โดยสามารถไต่ขึ้นสู่อันดับที่ 12 ในชาร์ตของ Billboard Hot 100
ตามมาด้วยเพลง We Don’t Talk Anymore ที่ได้นักร้องสาวมากความสามารถ ‘เซเลน่า โกเมซ’ (Selena Gomez) ร้องเพลงนี้ด้วยกัน ดันให้เพลงอกหักฟังง่ายนี้พุ่งขึ้นถึงอันดับที่ 9 ใน Billboard Hot 100 ทั้งยังเป็นหนึ่งในเพลงที่ยอดการรับชมมากที่สุดของชาร์ลี (มากกว่า 3 พันล้านครั้ง ณ เดือนตุลาคม 2023)
ชาร์ลีเล่าว่า เขาคิดไลน์กีต้าร์เพลงนี้ระหว่างอยู่ที่ญี่ปุ่น และบันทึกเสียงกีต้าร์ด้วยโทรศัพท์ จากนั้นเขาก็เริ่มแต่งบีทเพิ่มเติมในช่วงที่เขาไปฟิลิปปินส์ ก่อนจะกลับมาบันทึกเสียงที่ลอสแองเจลิส แล้วส่งให้เซเลน่าฟัง
หลังจากเซเลน่าได้ฟัง เธอก็ตกหลุมรักเพลงนี้อย่างมาก ทั้งคู่จึงตัดสินใจร้องเพลงนี้ด้วยกัน
“ตอนนั้นเซเลน่าอยู่ที่ลาสเวกัส เธอบินมาที่บ้านของผมที่อยู่ในฮอลลีวูดฮิลล์ เธอมาถึงประมาณตี 2 และเราได้บันทึกเสียงในตู้เสื้อผ้า” ชาร์ลีเล่าเรื่องถึงการอัดเสียงของเขากับเซเลน่าผ่านรายการ ‘Entertainment tonight’
ปี 2017 เขาได้ปล่อยเพลง ‘Attention’ ออกมา และผลตอบรับก็ถล่มถลายอีกตามเคย ด้วยแนวเพลงที่เติบโตขึ้น ปัจจุบันมียอดการรับชมมากถึง 1.5 พันล้านครั้ง ถือเป็นเพลงที่มียอดการรับชมมากเป็นอันดับ 2 ของเขาเลยทีเดียว อีกทั้งเขายังได้รับเสียงวิจารณ์ในเชิงบวกเกี่ยวกับการขัดเกลาและการเติบโตที่มากขึ้นจากเพลงก่อน ๆ
หลังจากนั้นเขาก็ปล่อยเพลงออกมาเรื่อย ๆ และก็ได้กระแสตอบรับที่ดีเสมอมา ล่าสุดกับเพลงที่เพิ่งปล่อยออกมาในวันที่ 18 สิงหาคม 2023 อย่างเพลง ‘Lipstick’ ที่ถึงแม้จะปล่อยมาได้ไม่นาน ยอดการรับชมก็พุ่งถึง 2.4 ล้านครั้ง (ณ ช่วงต้นเดือนตุลาคม 2023)
ชาร์ลี พุท ยังเคยร่วมงานกับศิลปินเกาหลีชื่อดังอย่าง ‘จองกุก’ (Jungkook) วง BTS ในเพลง ‘Left And Right’ ด้วย โดยเพลงนี้มียอดการรับชมมากถึง 369 ล้านครั้ง และยังขึ้นอันดับที่ 22 ใน Billboard Hot 100 ด้วย
“ที่จริงแล้วผมชอบเสียงของเขามาก ๆ และเสน่ห์ของเขาด้วย นอกจากนี้เขายังเป็นมิตร และเราเข้ากันเป็นอย่างดี”
Perfect Pitch ความสามารถที่เป็นตัวช่วยในการทำเพลง
ชาร์ลีไม่ได้มีความสามารถแค่ร้องหรือแต่งเพลง อันที่จริงแล้วเขายังมีความสามารถในการบอกว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงอะไร มีคีย์อะไรบ้าง และยังมีความสามารถในการเลียนเสียงต่าง ๆ หรือที่เรียกกันว่า ‘Perfect Pitch’
ชาร์ลีเคยเล่าให้ฟังถึงวีรกรรมในวัยเด็กของเขาผ่านรายการ ‘The Tonight Show Starring Jimmy fallon’
“ครั้งหนึ่งผมเคยทำให้เพื่อน ๆ ในโรงเรียนเลิกเรียนเร็วกว่าปกติครับ เพราะผมเลียนเสียงออดที่เหมือนกับเสียงออดของโรงเรียน จนทำให้ผมถูกพักการเรียนเลยครับ”
นอกจากวีรกรรมการเลียนเสียงออดในวัยเด็กของเขาแล้ว เขายังเคยโชว์ความสามารถพิเศษนี้ผ่านรายการ ‘Jimmy Kimmel Live’ ด้วยการบอกคีย์ที่เกิดจากการเคาะแก้วของพิธีกรในรายการ
นับว่าเป็นเรื่องดีที่เขามีความสามารถนี้ติดตัวมา เพราะในอาชีพนักดนตรีแล้ว การจดจำคีย์ได้ดีนั้นเป็นประโยชน์มากในการแกะเพลง และคนที่มี Perfect Pitch จะมีโอกาสเล่นเพี้ยนน้อยกว่านักดนตรีทั่วไป หรือมากไปกว่านั้น บางคนสามารถตั้งเสียงเครื่องดนตรีโดยไม่ต้องใช้ตัวช่วยเลยแม้แต่น้อย
นี่คือเรื่องราวของ ‘ชาร์ลี พุท’ ศิลปินวัยเพียง 30 ต้น ๆ ที่เป็นเจ้าของเพลงดังมากมาย ผู้พิสูจน์ให้เราเห็นว่า การจะเป็นศิลปินดังนั้น พรสวรรค์อย่างเดียวไม่พอ ต้องใส่ความมุ่งมั่นตั้งใจลงไปด้วย
เรื่อง : ณัฐวัฒน์ สิงห์สัตย์ The People Junior และพาฝัน ศรีเริงหล้า
ภาพ : อินสตาแกรม charlieputh
อ้างอิง :