‘เอียน บราวน์’ ไอคอนทางดนตรีของแมนฯ ยูไนเต็ด ไอคอนต้นแบบของ ‘เลียม กัลลาเกอร์’ ฝั่งเรือใบ

‘เอียน บราวน์’ ไอคอนทางดนตรีของแมนฯ ยูไนเต็ด ไอคอนต้นแบบของ ‘เลียม กัลลาเกอร์’ ฝั่งเรือใบ

ถ้าฝั่งแมนฯ ซิตี้ มีศิลปินอย่าง ‘เลียม กัลลาเกอร์’ หนุนหลัง ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด มี ‘เอียน บราวน์’ เป็นไอคอนทางดนตรีแห่ง ‘ปีศาจแดง’ เช่นกัน สะท้อนผ่านพลังของเพลง ‘This Is the One’ ซึ่งเป็นเพลงเปิดตัวห้วงนักเตะปีศาจแดงเดินลงสนาม

  • เอียน บราวน์ นักร้องแห่ง คณะดนตรี เดอะ สโตน โรสเซส (The Stone Roses) หนึ่งในฉากทัศน์ผู้บุกเบิกแนวดนตรี ‘แมดเชสเตอร์’ (Madchester) เป็นผู้สนับสนุนทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 
  • ทีมปีศาจแดงใช้เพลง This Is the One เป็นเพลงเปิดประกอบตอนนักเตะเดินลงสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด

บทเพลงและฟุตบอลโดยส่วนใหญ่แล้ว ไม่ใช่การสานพลังร่วมกันที่ยอดเยี่ยม แต่บทเพลงบางบทเพลงมีความหมายในประวัติศาสตร์ของทีมฟุตบอลยุคใหม่

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมฟุตบอลที่ยืนหนึ่งในวัฒนธรรมของกองเชียร์ที่ทรงเสน่ห์ที่สุดในฟุตบอลอังกฤษ และบทเพลงเชียร์มากมายของพวกเขาก็เป็นหลักฐานยืนยัน

‘This Is the One’ เป็นบทเพลงที่ไม่อาจแยกจากความเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคที่รุ่งเรืองมากที่สุดและยาวนานถึงกว่า 2 ทศวรรษ

ณ โรงละครแห่งความฝัน เมื่อเล่นเกมเหย้าในบ้าน ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อเหล่านักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เดินลงสนาม บทเพลง ‘This Is the One’ ของคณะดนตรี เดอะ สโตน โรสเซส (The Stone Roses) จะถูกเปิดอย่างกระหึ่มสนาม ปลุกขวัญและกำลังใจของนักเตะและกองเชียร์ เช่นเดียวกับจุดเด่นของแบนเนอร์ ‘One United - One Love’ 

เดอะ สโตน โรสเซส เป็นหนึ่งในคณะดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งมาจากแมนเชสเตอร์ เป็นหนึ่งในฉากทัศน์ผู้บุกเบิกแนวดนตรี ‘แมดเชสเตอร์’ (Madchester) ไปสู่กระแสเสียงของดนตรีทั่วโลก และเป็นหนึ่งในการเชื่อมต่อยุคนิวเวฟกับบริตป็อป ระหว่างยุคทศวรรษที่ 1980-1990 และลากยาวมาสู่ยุคทศวรรษที่ 2000

เพลงนี้นำมาจากอัลบั้ม ‘The Stone Roses’ ซึ่งออกมาในปี 1990 เปิดเสียงกระหึ่มกึกก้องที่ ‘โรงละครแห่งความฝัน’ สนามเหย้าโอลด์ แทรฟฟอร์ด ก่อนเกมทุกเกมในบ้านของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

เอียน บราวน์ (Ian Brown) นักร้องนำและคนเขียนเพลงนี้ของคณะดนตรี ‘เดอะ สโตน โรสเซส’ เป็นผู้สนับสนุนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาตลอดชีวิต และเป็นผู้ถือตั๋วปีทุกปี ไม่เคยขาดพร่องตกหล่น

เขาถือเป็นหนึ่งเดียวที่โดดเด่นในหมู่ผู้สนับสนุนยูไนเต็ดตัวพ่อ เป็นแฟนบอลตัวยงอย่างเข้าเส้นยากที่จะถ่ายถอน เปรียบประดุจชีวิตอีกภาคหนึ่งของเขา นักร้องนำ เอียน บราวน์ คือผู้สนับสนุนยูไนเต็ดอย่างไม่เคยปริปากบ่น

เมื่อสื่อกีฬาอย่าง The Observer Sports Monthly ถามเอียน บราวน์ ว่า เขารู้สึกอย่างไรเมื่อเริ่มเล่นเพลงนี้ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด บราวน์ ตอบว่า เขาเขียนทำนองในปี 1986 และไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าอีก 20 ปีต่อมา ยูไนเต็ด จะใช้เป็นเพลงเปิดตอนนักเตะเดินลงสนาม มันยังคงโดนใจเขาทุกครั้ง เป็นความรู้สึกที่น่าอัศจรรย์

เอียน บราวน์ เชียร์ยูไนเต็ดเมื่อตอนอายุ 5 ขวบ ในปี 1968 ตอนที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ยูโรเปียน คัพ เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 1968 ที่บ้านครอบครัวของเขาเป็นดังเช่นชาวเมืองแมนเชสเตอร์ทั่วไปที่เชียร์ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งถือว่าเป็นทีมประจำเมือง ปู่ พ่อและลุง พี่ชาย หลานสาว และพี่เขย ล้วนมีตั๋วฤดูกาลของซิตี้

เอียน บราวน์ คือหนึ่งในสัญลักษณ์หรือไอคอนิก (Iconic) ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มาจากโลกดนตรีสมัยนิยม ซึ่งสร้างบทเพลงยอดนิยมจากแมนเชสเตอร์ ขจรขจายเป็นแฟชั่นการฟังเพลงไปทั่วโลก

ในปี 1985 บทเพลง ‘This Is the One’ ของคณะเดอะ สโตน โรสเซส ถูกโปรดิวซ์หรือควบคุมการผลิตโดย มาร์ติน แฮนเนตต์ (Martin Hannett) ในขณะนั้น เขาล็อกประตู ไม่ให้สมาชิกทั้งหมดของคณะออกจากห้องบันทึกเสียง ขังสมาชิกอยู่ในห้อง และบอกว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปจนกว่าพวกเขาจะเขียนเพลงเสร็จ

เพราะฉะนั้น บทเพลงนี้ ‘This Is the One’ ก็เป็นผลมาจากการบังคับในครั้งนั้น สำหรับเวอร์ชั่นดั้งเดิมของเพลงนี้จะสั้นและมีจังหวะเร็วกว่า และรวมอยู่ในอัลบั้ม ‘Stone Roses 1985 Garage Flower’ พร้อมด้วยเวอร์ชั่นดั้งเดิมของบทเพลงยอดนิยมระเบิดระเบ้ออย่าง ‘I Wanna Be Adored’ แต่ไม่ได้ออกวางจำหน่าย ต่อมา ในที่สุดอัลบั้มก็ถูกลอบนำออกมาสู่ตลาดเพลงในปี 1996 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากคณะเดอะสโตน โรสเซส

ส่วนบทเพลง ‘This Is the One’ ถูกนำมาทำใหม่สำหรับอัลบั้ม ‘Stone Roses’ ในปี 1990 ซึ่งเป็นอัลบั้มเปิดตัวเดบิวต์อย่างเป็นทางการของคณะ และกลายเป็นหมุดหมายทางประวัติศาสตร์ดนตรีร่วมสมัยของสหราชอาณาจักรและทั่วโลก

เนื้อร้องและความหมายของเรื่องราวในบทเพลง ‘This Is the One’ เกี่ยวกับหญิงสาวในเปลวเพลิง และการดิ้นรนเพื่อหลบหนีของเธอ เช่นเดียวกับเพลงอื่น ๆ ของ เดอะสโตน โรสเซส ที่มีการอ้างอิงถึงพระคัมภีร์หลายข้อ 

ชื่อเพลง ‘This Is the One’ หมายถึงการที่ยอห์น ผู้ให้บัพติศมา (Baptism) ประกาศว่า พระเยซูทรงเป็นพระเมสสิยาห์ (Messiah) ที่ทรงสัญญาไว้ ซึ่ง 2-3 บรรทัดแรกเกี่ยวกับหญิงสาวในเปลวเพลิง นักวิจารณ์บางคนเชื่อว่า นี่เป็นคำอธิบายของการขับไล่ซาตานออกจากสวรรค์หลังจากที่เขาภูมิใจมากเกินไป

สำหรับความหมายของ ‘This Is the One’ สามารถตีความได้ว่า เป็นการประกาศความรักหรือความปรารถนาสำหรับคนที่ถูกมองว่าเป็นคู่ที่ลงตัว นัยที่สองบ่งบอกถึงความปรารถนาที่จะหลบหนีจากสถานการณ์ปัจจุบันซึ่งอาจเกิดจากการที่ไม่สามารถบรรลุได้หรือการไม่ปฏิบัติตามความปรารถนาของตัวเอก ตอกย้ำความรู้สึกว่า นี่คือสิ่งที่พวกเขารอคอย 

โดยรวมแล้ว บทเพลง ‘This is the One’ ถือเป็นบทกวีแห่งความรัก ความตื่นเต้น ความไม่แน่นอน และความคาดหวังที่มาพร้อมกับการค้นหาคู่ที่เป็นคู่แท้ของกันและกัน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - นี่คือหนึ่งเดียว เสียงของเอียน บราวน์ ดังก้องไปทั่วสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ผ่านเครื่องขยายเสียง ทันทีที่กัปตันทีมและเพื่อนร่วมทีมออกมาลงสนาม

บทเพลง ‘This Is the One’ นี้ แกรี เนวิลล์ อดีตแบ็กขวาในตำนานยุคเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นผู้จัดการทีม หนึ่งในคลาส’92 ลูกหม้อนักเตะพันธุ์แท้ทั้งหัวใจและวิญญาณ ร้องขอให้เปิดเพลงของ ‘เดอะ สโตน โรสเซส’ ก่อนเกมของแมนฯ ยูไนเต็ด เพราะเป็นหนึ่งในเพลงโปรดของเขา และกลายเป็นธรรมเนียมสืบทอดต่อมา มันติดอยู่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 

การใช้บทเพลง ‘This Is the One’ ของ ‘เดอะ สโตน โรสเซส’ ก่อนการแข่งขันในโรงละครแห่งความฝัน ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจเป็นพิเศษ แล้วมันก็สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าได้รับการนำมาใช้ตามคำขอของแกรี เนวิลล์ ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 เพลง ‘This Is the One’ กลายเป็นเพลงที่จะทักทายทั้งผู้เล่นแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และคู่ต่อสู้ซึ่งมาลงสนามที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด

นอกจากนี้ ตัวเพลงยังเป็นเพลงโปรดของ นิคกี บัตต์ อดีตกองกลางยูไนเต็ด และเอียน บราวน์ นักร้องนำวงโรสเซส ได้ร้องเพลงนี้ในงานเทสติโมเนียล (นัดอำลาสนาม) ของเนวิลล์ ในปี 2011

ไม่ว่าคุณจะชนะหรือแพ้ ‘This Is the One’ เป็นบทเพลงที่ให้มุมมองการมองโลกในแง่ดี ความสำเร็จที่แท้จริงของยูไนเต็ดภายใต้การนำของเฟอร์กูสัน ด้วยการคว้าทริปเปิลแชมป์ในปี 1999 

การปรากฏตัวของคณะดนตรีในแมนเชสเตอร์กลุ่มนี้ ได้เน้นนำถึงการฟื้นตัวของเพลงร็อคแอนด์โรลล์ของอังกฤษในช่วงทศวรรษที่ 1990 และบทเพลง ‘This Is the One’ ก็บอกเป็นนัยถึงความตื่นเต้นและความคาดหวังสานต่ออย่างสืบเนื่อง ยังคงดังก้องไปทั่วโอลด์ แทรฟฟอร์ด ชวนให้แฟนบอลของทีมได้ร่วมระลึกถึงการมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นและความคาดหวังอันรุ่งโรจน์ที่สุดของสโมสร 

 

เรื่อง: พอล เฮง

ภาพ: แฟ้มภาพ จาก Getty Images