ยานนิค โบวี่ : ไมเคิล บูเบลแห่งเบลเยียม ที่สะท้อนตัวตนผ่านเสียงดนตรี

ยานนิค โบวี่ : ไมเคิล บูเบลแห่งเบลเยียม ที่สะท้อนตัวตนผ่านเสียงดนตรี

‘ยานนิค โบวี่’ ศิลปินสายสวิงแจ๊สที่มีพ่อเป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลง ฉายา ไมเคิล บูเบลแห่งเบลเยียม โดยใช้เสียงดนตรีเป็นสื่อกลางสะท้อนตัวตน

  • ยานนิค โบวี่ ศิลปินชาวเบลเยียมที่เติบโตมาในครอบครัวที่หลงใหลในเสียงดนตรี
  • เขาได้รับฉายา ‘ไมเคิล บูเบลแห่งเบลเยียม’ เปิดตัวเป็นศิลปินครั้งแรกปี 2012
  • โบวี่เปิดทัวร์คอนเสิร์ตครั้งแรกในปี 2014 และกำลังจะมาเป็นส่วนหนึ่งของ Med Music in the Park ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 2 ธันวาคม 2023 นี้ 

“การเป็นศิลปินหรือนักร้อง การมีตัวตนสำคัญมาก ผมก็หวังว่าทุกคนที่ฟังเพลงของผมจะรับรู้และเชื่อมโยงกับเพลงของผมได้”

คือแนวคิดเบื้องหลังอัลบั้ม ‘Better Man’ อัลบั้มแรกของยานนิค โบวี่ นักครวญเพลงและศิลปินแนวแจ๊สวัย 37 ปี เคยพูดถึงกับสื่อของอินโดนีเซียเมื่อปี 2012

เพราะเขามองว่าศิลปินกับผู้ฟังสามารถสื่อสารกันได้ผ่านเสียงดนตรี…

และอาจเป็นเพราะใช้วิธีการเดียวกัน ทำให้บทเพลงของเขาคล้ายกับไมเคิล บูเบล นักครวญเพลงชื่อดังเจ้าของบทเพลงฮิต Home ที่ได้รับความนิยมระดับโลก 

แต่สำหรับโบวี่ เขาคือเขา ส่วนไมเคิล บูเบลก็คือ ไมเคิล บูเบล

“ผมมีน้ำเสียงแบบเดียวกับไมเคิลเหมือนที่หลาย ๆ คนบอกก็จริง แต่ถ้าวันหนึ่งผมได้มีโอกาสร้องเพลงคู่กับเขา คุณอาจจะเห็นความแตกต่าง”

เด็กหนุ่มที่ค้นพบตัวเองผ่านเสียงดนตรี 

โบวี่เติบโตมาในครอบครัวที่หลงรักในเสียงดนตรีผ่านหนังสือเพลง The Great Americans และศิลปินที่ถือเป็นไอคอนิกแห่งโลกดนตรีสายป๊อป แจ๊ส รวมถึงการร้องแบบดั้งเดิมในช่วงปี 1950s เช่น แฟรงก์ ซินาตรา (Frank Sinatra), บ็อบบี ดาริน (Bobby Darin) และบาร์บรา สไตรแซนด์ (Barbara Streisand) ซึ่งถือว่าพวกเขาเป็นบุคคลสำคัญในโลกแห่งดนตรีจากเสียงเพลงที่เขาได้ฟังกับปู่ย่าตายายของเขา

เขาเคยให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุของโปรตุเกสว่า พ่อคือแรงบันดาลใจในการทำงานสายดนตรี แล้วตัวเขาก็เริ่มค้นพบสิ่งที่เขาชอบและสนใจผ่านเสียงเพลงอย่างช้า ๆ

“ปู่ย่าตายายของผมชอบฟังวิทยุตลอดเวลา ผมเลยได้ยินเพลงของ แฟรงก์ ซินาตรา, แนท คิง โคล (Nat King Cole) และ ลู รอว์ลส (Lou Rawls) นั่นเลยทำให้วิชาดนตรีกลายเป็นวิชาที่ผมชอบตอนอยู่โรงเรียน

แล้วพ่อของผมก็เป็นนักดนตรีด้วยเหมือนกัน เวลาอยู่บ้านผมได้เล่นเครื่องดนตรีที่หลากหลาย เมื่อไหร่ที่พ่อไปซ้อม ผมก็จะยืนอยู่ข้าง ๆ แถมผมยังได้รับโอกาสร้องเพลงให้กับวงบิ๊กแบนด์ด้วย” 

เหตุการณ์ที่โบวี่เล่าเกิดขึ้นในช่วงที่เขาเป็นวัยรุ่น นั่นคือการขึ้นร้องเพลง ‘All Of Me’ ของ แฟรงก์ ซินาตรา ทั้งยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้ขึ้นเวทีในฐานะนักร้อง

อาจเป็นเพราะเสียงดนตรีที่เขาได้ยินทุกวัน ทำให้แรงบันดาลใจในการเป็นศิลปินของโบวี่นั้นเรียบง่าย เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน

ฉายา ‘ไมเคิล บูเบลแห่งเบลเยียม’

หลังจากนั้นเขาก็เล่นดนตรีให้กับ Swing Band (หรือเรียกกันว่า วงสวิงแจ๊ส) เป็นประจำ รวมถึงความสามารถของเขาก็ทำให้โบวี่ผ่านเข้ารอบที่สองของรายการ The X-Factor และยังเคยออกเพลง Better World Without You ในปี 2007 

เขาพัฒนาทักษะด้านดนตรีมาเรื่อย ๆ จนปี 2012 โบวี่ก็เดบิวต์เป็นศิลปินด้วยการปล่อยอัลบั้ม ‘Better Man’ ซึ่งมีเพลง ‘Theoretical Love’ เป็นซิงเกิลหลักของอัลบั้มนี้

ตอนนั้น เขาเคยพูดถึงอัลบั้มแรกของเขาไว้กับ creative disc สื่อของอินโดนีเซียว่า คนที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำงานของเขา คือ ‘พ่อ’ ทั้งเขายังสนุกกับการทำเพลง 1 ปีในการเตรียมอัลบั้มเขาจึงเต็มไปด้วยการเรียนรู้และความสุข

“เราทำงานที่สตูดิโอ นำไอเดียมารวมกัน เลือกเพลงที่ตรงกับตัวตนของผม เราใช้เวลา 1 ปีในการเตรียมอัลบั้ม แล้วมันก็สุดยอดมากที่ผมทำได้แบบนั้น ผมเลยคิดว่า การเป็นศิลปินหรือนักร้องการมีตัวตนสำคัญมาก ผมก็หวังว่าทุกคนที่ฟังเพลงของผมจะรับรู้และเชื่อมโยงกับเพลงของผมได้นะครับ”

อาจเป็นเพราะแนวเพลงที่คล้ายกับ ‘ไมเคิล บูเบล’ (Michael Buble) ศิลปินชาวแคนาดาที่ถูกยกให้เป็นนักร้องแบบ crooner (หรือแปลเป็นไทยว่า นักครวญเพลง) และเจ้าของพลง ‘Home’ เพลงแห่งปีจากเวที Juno Awards งานประกาศรางวัลแห่งปีของแคนาดาในปี 2006 โบวี่เลยได้รับฉายาเป็น ‘ไมเคิล บูเบลแห่งเบลเยียม’ หรือบางคนก็บอกว่าเขาคือ ‘ไมเคิล บูเบลของฝั่งยุโรป’

แม้หลายคนจะบอกว่าเหมือน แต่โบวี่ก็เคยบอกว่า ไมเคิล บูเบลคือศิลปินต้นแบบในการทำเพลง และหวังว่าแฟนเพลงจะชื่นชมพวกเขาทั้งสองคน และมองเห็นเสน่ห์ของยานนิค โบวี่ ผ่านบทเพลงของเขา

“เขา (ไมเคิล บูเบล) เป็นศิลปินที่ยอดเยี่ยม เป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม แล้วก็เป็นตัวอย่างที่ดี ผมได้เรียนรู้จากเขาเยอะมาก และเป็นเรื่องน่าภูมิใจที่เปรียบเทียบผมกับเขา แต่ผมอยากจะแสดงให้เห็นว่าจริง ๆ แล้วผมเป็นใคร หวังว่าเขาจะรู้สึกเชื่อมโยงและพูดได้ว่า นี่ไม่ใช่ไมเคิล บูเบลแต่นี่คือยานนิค โบวี่

“ผมคิดว่า ผมมีน้ำเสียงแบบเดียวกับไมเคิลเหมือนที่หลาย ๆ คนบอก บางที ถ้าวันหนึ่งผมได้มีโอกาสร้องเพลงคู่กับเขา คุณอาจจะเห็นความแตกต่าง”

ตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปัจจุบัน โบวี่ออกอัลบั้มมาทั้งหมด 4 อัลบั้ม ได้แก่ Better Man (2012), All The Way (2014), Love Wings (2017) และ Celebrates Nat King Cole (2019)

โดยอัลบั้ม Celebrates Nat King Cole ถือเป็นการรวบรวมผลงานที่โบวี่คัฟเวอร์เพลงของ แนท คิง โคล (Nat King Cole) ศิลปินแจ๊สผู้ล่วงลับ ในวาระครบรอบ 100 ปี อีกทั้งเขายังจัดทัวร์คอนเสิร์ต ‘Yannick Bovy Celebrates Nat King Cole Concert’ ในเบลเยียม เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และมาเลเซีย (บัตรเข้าชมหมดทั้งสองรอบ)  

แต่ในความเป็นจริง โบวี่เริ่มทัวร์คอนเสิร์ตตั้งแต่ปี 2014 เพลงของเขาได้รับความนิยมในคลื่นวิทยุของบราซิลไปจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงยังมีโอกาสร้องคู่กับนักร้องที่มีชื่อเสียงในหลายประเทศ เช่น ดาบิด บุสตามันเต (David Bustamante) นักร้องและนักแต่งเพลงชาวสเปน แมตต์ ดัสก (Matt Dusk) นักร้องแจ๊สชาวแคนาดา และ เบลล์ เปเรซ (Belle Perez) นักร้องและนักแต่งเพลงลูกครึ่งแคนาดา-สเปน

ใครที่อยากจะฟังเสียงและเพลงที่สะท้อนตัวตนของยานนิค โบวี่ เชิญมาพบกันที่งาน ‘Med Music in the Park’ 2 ธันวาคม 2566 นี้ที่สวนเบญจกิติ ลงทะเบียนได้ที่ https://www.eventbrite.com/e/med-music-in-the-park-tickets-736916255357

 

เรื่อง : ณัฐธนีย์ ลิ้มวัฒนาพันธ์

ภาพ : Getty Images

 

อ้างอิง :

yannickbovy

antena1

flagig

creativedisc