25 มิ.ย. 2567 | 17:09 น.
KEY
POINTS
กราฟเส้นทางอาชีพของ ‘ซาบรินา คาร์เพนเทอร์’ กำลังพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว
หลายคนอาจรู้จักเธอจากเพลงที่เป็นไวรัลอย่าง ‘Nonsense’ หรือเพลงฮิตอย่าง ‘Feather’ รวมถึง ‘Espresso’ ที่คนไทยฟังแล้วสะดุดหูกับท่อนที่ร้องว่า Now he… หรือเพลง ‘Please Please Please’ ที่ขึ้นอันดับ 1 ชาร์ท Billboard Hot 100 อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2024
การโค่นเพลงคันทรี - ป๊อบ ‘I Had Some Help’ ที่ ‘โพสต์ มาโลน’ คอลแลปร่วมกับ ‘มอร์แกน วอลเลน’ ได้สำเร็จ ทำให้ Please Please Please ซึ่งปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน กลายเป็นเพลงแรกในชีวิตของซาบรินาที่ไต่ขึ้นสู่จุดสูงสุดบน Billboard
ไม่เพียงเท่านั้น การที่เธอได้เป็นศิลปินแสดงเปิดในคอนเสิร์ต ‘Eras Tour’ ของ ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ ยังเป็นอีกหนึ่งตัวเปลี่ยนเกม ที่ทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
การผงาดขึ้นมาเป็นป๊อบสตาร์ของซาบรินา คาร์เพนเทอร์ ดูเหมือนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วฉับพลัน ทว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น หญิงสาวผู้รักการร้องเพลงและหลงใหลในเสียงดนตรีผู้นี้ปล่อยเพลงมานานเป็นสิบปีแล้ว!
บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักซาบรินา คาร์เพนเทอร์ ผู้ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ความทุ่มเทพยายาม และการไม่ละทิ้งความฝัน จะนำเราไปสู่ความสำเร็จ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ซาบรินา แอนลินน์ คาร์เพนเทอร์ เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม ปี 1999 ที่ลีไฮแวลลีย์ รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา เธอเป็นลูกคนสุดท้องของบ้านและเติบโตมาพร้อมกับพี่สาวอีก 3 คน ได้แก่ ซาราห์, เคย์ลา และแชนนอน
สาวน้อยซาบรินาฉายแววชอบร้องรำทำเพลงมาตั้งแต่อายุ 2 ขวบ เธอฝึกฝนทักษะด้วยการเรียนร้องเพลง เต้นรำ การแสดง และกีตาร์มาตั้งแต่อายุยังน้อย
ต้องยอมรับว่า กว่าที่ซาบรินาจะไขว่คว้าความฝันมาได้สำเร็จ พ่อแม่ของเธอ ‘เอลิซาเบธ’ และ ‘เดวิด’ เป็นคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังการเดินตามความฝันของลูกสาว เนื่องจากทั้งคู่ต่างก็เคยเป็นนักแสดงและนักดนตรีมาก่อน ทั้งคู่จึงออกแรงสนับสนุนเต็มที่เมื่อรู้ว่าลูกสาวอยากเอาดีด้านการร้องและการแสดงตั้งแต่เด็ก
ซาบรินายังให้เครดิตครอบครัวที่เสริมสร้างความมั่นใจให้กับเธอด้วย เธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า ตอนอายุ 8 – 9 ขวบ เวลาที่ครอบครัวรวมตัวกันสังสรรค์ พวกเขาจะปล่อยให้เธอร้องเพลงคาราโอเกะอย่างเพลิดเพลิน ซึ่งเธอเองก็รู้ตัวว่า เสียงชมจากคนที่บ้านล้วนเป็นการ “ให้กำลังใจ” ขณะที่บ้านอื่นอาจจะมองว่าเสียงร้องของเด็กตัวเล็ก ๆ เป็นเพียง ‘ความน่ารำคาญ’
พ่อของเธอออกแรงหนุนถึงขั้นสร้างสตูดิโอบันทึกเสียงให้ลูกสาววัย 10 ขวบ ด้วยการดัดแปลงจากตู้เสื้อผ้าในบ้าน เพื่อให้เธอได้อัดเพลงคัฟเวอร์ปล่อยลงในช่อง YouTube ของตัวเอง
“พ่อทาสีสตูดิโอของฉันเป็นสีม่วงทั้งหมด และติดผนังโฟมให้ฉัน มันยังอยู่ที่บ้านอยู่เลย แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกแล้ว” ซาบรินากล่าวถึงสตูดิโอแห่งแรกด้วยความภาคภูมิใจ
ในวัย 10 ขวบ เธอยังได้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนครั้งแรกในเรียลลิตี้ประกวดร้องเพลง ‘The Next Miley Cyrus Project’ ในรายการนี้ซาบรินาไม่ได้คว้าตำแหน่งผู้ชนะ เธอทำได้เพียงอันดับ 3 แต่ก็นำมาสู่การได้เซ็นสัญญากับ ‘Hollywood Records’ ซึ่งเป็นค่ายเพลงภายใต้ ‘Disney Music Group’ ในวัย 12 ปี ก่อนที่ในปี 2014 เธอจะมีผลงานในอัลบั้มคริสต์มาสของดิสนีย์ และออกอัลบั้มเปิดตัวของตัวเองในชื่อ ‘Eyes Wide Open’ ในปี 2015 ที่สามารถทะลุเข้าสู่ชาร์ต Billboard 200 ในอันดับที่ 43
ในช่วงเกือบ 5 ปี ซาบรินาออกอัลบั้มทั้งหมด 4 ชุด ได้แก่ Eyes Wide Open, EVoLution, Singular Act I และ Singular Act II
นอกเหนือจากงานเพลงแล้ว ซาบรินายังมีความสามารถด้านการแสดง ฝีมือเข้าขั้นถึงขนาดได้รับบท ‘มายา ฮาร์ต’ ในซิตคอมเรื่อง ‘Boy Meets World’ ปี 2014 ซึ่งทำให้เธอเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ต่อมาในปี 2016 เธอยังได้รับบทนำในภาพยนตร์รีเมคเรื่อง ‘Adventures In Babysitting’ ฉายทางช่อง ‘Disney Channel’
แต่เส้นทางสู่ชื่อเสียงและความสำเร็จของซาบรินาไม่ได้เกิดขึ้นโดยง่าย เธอเองก็เหมือนกับพวกเราทุกคนที่เผชิญอุปสรรคและความพ่ายแพ้มามากมายในอาชีพการงาน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตที่เธอไม่ได้ออกอัลบั้มเป็นเวลา 2 ปี ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเธอออกอัลบั้มเกือบทุกปี
ช่องว่างครั้งนั้นคาดว่าเกิดจากการที่อดีตผู้จัดการ ซึ่งเธอไล่ออกเมื่อปี 2014 พยายามฟ้องร้องเธอ โดยอ้างว่าเธอไม่ยอมจ่ายค่าคอมมิชชันให้พวกเขา พวกเขาคิดว่าตัวเองสมควรได้รับเครดิตมากขึ้นจากความโด่งดังของซาบรินา และรอจนกระทั่งเธออายุ 18 ปี จึงดำเนินการฟ้องร้องเธอ
ท้ายที่สุดเธอเป็นฝ่ายชนะในคดีนี้ หลังจากนั้นก็ออกเพลงอีก 2 อัลบั้ม และปล่อยเพลงชื่อ ‘Sue Me’ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการที่ผู้คนไม่ตระหนักถึงสิ่งที่พวกเขามีจนกว่ามันจะหายไป
หลังจากอกหักจากงานเพลงที่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร และหมดงานแสดงกับดิสนีย์ เธอก็หันไปเอาดีกับการแสดงละครบรอดเวย์เรื่อง ‘Mean Girls: The Musical’ แต่น่าเสียดายที่เจอพิษโควิด-19 ละครเรื่องนี้แสดงได้เพียง 2 รอบก็ต้องปิดการแสดงไป ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่หมดหวังกับงานด้านการแสดงเสียทีเดียว เพราะยังมีผลงานกับเน็ตฟลิกซ์ 2 เรื่อง ได้แก่ ‘Tall Girl’ และ ‘Work It’ หลังจากนั้นก็วนกลับมารับบทนำในหนังของดิสนีย์อีกหลายเรื่อง
ถึงจะแวะเวียนไปเอาดีด้านการแสดงบ้าง สุดท้ายเธอก็ไม่เคยทิ้งงานเพลงกับงานดนตรี ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ เพลงของเธอก็พัฒนามากขึ้นเท่านั้น จวบจนมุมมองในการทำงานเริ่มเติบโตขึ้น ในปี 2021 ซาบรินาจึงตัดสินใจออกจากค่ายเพลงเก่า ย้ายไปอยู่กับค่าย ‘Island Records’ ซึ่งเธอมองว่าเป็นที่ที่ให้ความเชื่อมั่นในตัวเธอมากที่สุด และให้เสรีภาพในการทำงานกับเธอ
เนื่องจากสถานการณ์โควิด สิ่งต่าง ๆ จึงดำเนินไปอย่างเงียบสงบ กระทั่งเดือนมกราคม 2021 เมื่อ ‘โอลิเวีย โรดริโก’ ปล่อยเพลงเลิกรายอดฮิต ‘drivers license’ ซึ่งมีการตีความว่าหมายถึงหนุ่ม ‘โจชัว บาสเซ็ตต์’ ความซวยจึงบังเกิดกับซาบรินา เพราะเธอดันออกเดทกับเขาไล่หลังโอลิเวียพอดี แม้ว่าความจริงแล้วความสัมพันธ์นี้จะไม่ทับซ้อนกัน แต่โซเชียลมีเดียก็รุมถล่มซาบรินาอย่างไร้ความปราณี
ซาบรินาได้รับความเกลียดชังที่ไม่สมควรได้รับ แต่ในโชคร้ายยังพอมีโชคดีอยู่บ้าง เพราะ 2 สัปดาห์หลังการเปิดตัวเพลง driver license ซาบรินาก็เปิดตัวเพลงใหม่ชื่อ ‘Skin’ ซึ่งเป็นเพลงเปิดตัวเธอกับค่ายใหม่ คาดว่าดรามาจากเพลงของโอลิเวียทำให้เพลงของเธอได้รับการสตรีมมากกว่า 10 ล้านครั้งใน 48 ชั่วโมงแรกของการเปิดตัว
ประมาณ 1 ปีหลังจากปล่อยเพลง Skin ซาบรินาก็ออกอัลบั้มแรกในรอบ 3 ปี ในชื่อว่า ‘emails I can’t send’ และตอนที่ออกทัวร์อัลบั้มนี้ เธอก็เกิดไอเดียเจ๋ง ๆ ด้วยการเพิ่มเนื้อเพลงในตอนท้ายเพลง ‘Nonsense’ ซึ่งมักจะเป็นเนื้อเพลงที่คล้องจองกับชื่อเมืองที่ไปแสดง
ไอเดียนี้ได้รับความสนใจในโซเชียลมีเดียเป็นอย่างมาก ชาวเน็ตจึงเริ่มฟังเพลงของเธอ และเริ่มตระหนักถึงความสามารถทางดนตรีของเธอ จังหวะนี้ซาบรินาไม่รอช้า เธอรีบปล่อยอีกอัลบั้มที่ชื่อว่า ‘emails I can’t send fwd’ ออกมา และเริ่มต้นทัวร์คอนเสิร์ตอีกครั้ง
ไม่นานหลังจากทัวร์ของเธอสิ้นสุดลง โอกาสทองในฐานะนักร้องของซาบรินาก็มาถึง เมื่อ ‘เทย์เลอร์ สวิฟต์’ เปิดโอกาสให้เธอมาแสดงเปิดในคอนเสิร์ต ‘The Eras Tour’ ทั้งในเม็กซิโก อาร์เจนตินา บราซิล ออสเตรเลีย และสิงคโปร์
หลังได้รับการประกาศชื่อให้เป็นศิลปินแสดงเปิดในทัวร์คอนเสิร์ตที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล ซาบรินาให้สัมภาษณ์ว่า “ฉันคงจะไม่พูดว่าฉันฉี่รดกางเกงหรอก เพราะมันออกจากเห็นภาพมากเกินไป และอาจจะไม่ถูกสุขลักษณะ แต่ฉันคิดว่ามันทำให้ฉันประหลาดใจจนตั้งตัวไม่ติด มันเป็นความฝันวัยเด็กที่เป็นจริงมาก”
สำหรับการแสดงครั้งแรกที่เม็กซิโกซิตี้ ซาบรินาเริ่มการแสดงด้วยการเปิดคลิป YouTube ซึ่งเป็นคลิปที่เธอร้องเพลง ‘Picture to Burn’ ของเทย์เลอร์ ตอนที่เธอมีอายุเพียง 9 ขวบ นาทีนั้นเหล่าสวิฟตี้จำนวนมหาศาลในคอนเสิร์ตจึงได้รู้ว่า ซาบรินาติดตามเทย์เลอร์มานานแค่ไหน และแน่นอน ซาบรินาเองก็เป็นสวิฟตี้เหมือนกัน
ซาบรินากับเทย์เลอร์พบกันครั้งแรกหลังการแสดง ตอนนั้นซาบรินาอายุ 17 ปี ทั้งคู่น่าจะดึงดูดกันเพราะเป็นทาสแมวเหมือนกัน ซาบรินาเล่าว่า ตอนเจอกันครั้งแรก เทย์เลอร์เอาแมวมาด้วย แล้วหลังจากนั้นทั้งคู่ก็สนิทกันแบบพี่สาว – น้องสาว
ซาบรินาเล่าอีกว่า เทย์เลอร์เป็นอีกคนที่ให้การสนับสนุนเธอในด้านดนตรี และการได้ทำงานร่วมกันก็เปรียบได้ดั่งของขวัญชิ้นใหญ่สำหรับเธอ
สิ่งที่ซาบรินากล่าวนั้นไม่ใช่เรื่องเกินจริง เพราะหลังจากได้ขึ้นเวทีคอนเสิร์ตของเทย์เลอร์ เธอก็ก็กลายเป็นดาวเด่นในงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น MTV Music Awards, iHeartRadio Jingle Ball และ Coachella
แม้จะประสบความสำเร็จอย่างงดงามในวันนี้ แต่ก็ยังมิวายมีคนออกมาวิจารณ์เธอกับงานเพลงของเธออยู่เสมอ
เมื่อถูกถามว่าเธอมีวิธีจัดการกับความเห็นที่ใจร้ายในโลกออนไลน์อย่างไร? เธอตอบสวย ๆ เพียงว่า
“ฉันต้องเดินหน้าต่อไปในแต่ละวัน ไม่ว่าคุณจะคิดว่าฉันน่าเกลียดหรือไม่ก็ตาม มันจะน่าพึงพอใจมาก เมื่อเราสามารถรับมือกับสถานการณ์เชิงลบในชีวิต แล้วเปลี่ยนมันให้เป็นความทรงจำเชิงบวกด้วยบทเพลง”
เรียบเรียง: พาฝัน ศรีเริงหล้า
ภาพ: Getty Images
อ้างอิง:
Sabrina Carpenter Earns First No. 1 on Billboard Hot 100 With “Please Please Please”
Sabrina Carpenter
All About Sabrina Carpenter's Parents, Elizabeth and David Carpenter
Becoming a Pop Star Was Sabrina Carpenter's Destiny