18 ก.พ. 2568 | 14:34 น.
KEY
POINTS
“สำหรับบางคน... การมีชีวิตอยู่ก็ไม่ต่างจากความตาย”
แล้วในประเทศที่ประชากรเยอะเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก อย่างประเทศจีน แรงกดดันก็อาจสูงกว่า การแข่งขันก็มากกว่า การมีชีวิตที่สู้อยู่คนเดียวคงไม่มีความหมาย บางคนจึงเลือกจะจากโลกนี้ไป
หนึ่งในสถานที่ที่คนจีนมักเลือกจบชีวิต ก็คือ ‘สะพานแยงซี’ ในมณฑลหนานจิง ข้อมูลล่าสุด ปี 2008 หรือ 40 ปีตั้งแต่เปิดใช้สะพาน มีผู้คนมากกว่า 1,000 คนฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดน้ำจากสะพานแห่งนี้
แต่ภายใต้ความโศกเศร้าและความสิ้นหวัง บนสะพานแยงซีมีอาสาสมัครคนหนึ่งที่ทำงานมานานกว่า 40 ปี ชายผู้มอบความหวังใหม่ท่ามกลางชีวิตอันมืดมิด
เขาคนนั้น คือ ‘เฉินซือ’ ชายวัย 50 ต้น ๆ ที่ยังคงปกป้องชีวิตและมอบแสงสว่างให้กับชีวิตอันมืดมิดหลายร้อยชีวิต
เฉินซือเข้ามาเป็นอาสาสมัครราว ๆ ปี 2000 ตอนที่เขาอายุ 22 ปี เขาเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ขอบสะพานสูง 70 เมตร (230 ฟุต) กำลังร้องไห้และคิดจะกระโดดน้ำ
เขาเดินเข้าไปหา จับมือ ซื้อน้ำ อาหาร พูดคุยจนเธอรู้สึกสบายใจ และส่งเธอกกลับบ้าน เมื่อพูดคุยเขาก็คิดได้ว่า เขาอาจจะช่วยชีวิตคนหนึ่งได้โดยไม่ได้ตั้งใจ
แล้วบอกกับตัวเอง "ผมรู้สึกว่า คนเหล่านี้ยังสามารถช่วยได้"
รวมถึงการที่เขาเห็นชายคนหนึ่งกำลังข้ามรั้วบนสะพานเตรียมจบชีวิต เฉินซือคว้าเอวของชายคนนั้น กดเขาลงกับพื้น ไม่มีเสียงขัดขืน แต่ผู้ชายที่เฉินซือช่วยชีวิตร้องไห้ออกมา
พอได้พูดคุย เขาถึงรู้ว่า ผู้ชายคนนี้ถูกหลอกให้เสียเงินจนไม่เหลืออะไร เขาเลยเชื่อว่า การจบชีวิตเป็นทางออก แต่สุดท้ายเขาก็คิดได้ว่า เขาจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อภรรยาและลูก ๆ ของเขา
"ในช่วงเวลาวิกฤต คนที่กำลังทุกข์ทรมานจริงๆ สิ่งที่พวกเขาต้องการที่สุดคือคนที่ยินดีจะยื่นมือเข้ามาช่วย มันอาจทำให้เขาแยกความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตาย" เฉินซีบอก
ปี 2021 เฉินซือสามารถช่วยชีวิตคนได้มากถึง 412 คน เฉลี่ยประมาณหนึ่งคนทุกสองสัปดาห์ มีคนมากมายที่เฉินซือช่วยชีวิตไว้ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาที่ต้องต่อสู้กับความล้มเหลว ชายผู้ร่ำรวยที่สูญเสียทุกอย่าง คนที่ฝันและเดิมพันทุกอย่างแต่กลับพ่ายแพ้ในเมืองใหญ่
“แค่ดึงพวกเขาออกจากสะพาน ไม่ได้หมายความว่ารอดแล้ว ผมต้องช่วยจุดประกายความหวังให้กับชีวิตของพวกเขา เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาจะสามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้”
การเป็นอาสาสมัครบนสะพานเป็นเพียงบันไดก้าวแรก…
เพราะกระบวนการที่แท้จริง มันอยู่หลังจากนั้น เฉินซือมักพาคนที่ช่วยชีวิตมาที่ห้องพักใกล้สะพาน มีเตียงและอาหารพร้อม ที่สำคัญ ผู้เข้าพักสามารถอยู่ได้นานตามที่เขาต้องการ
บางคนใช้เวลานานหลายวันกว่าจะยอมพูด แต่เฉินซือไม่ได้บังคับ ปล่อยให้เวลารักษาใจ แล้วให้พวกเขาพูดเมื่อตัวเองรู้สึกพร้อม
“ผมพาพวกเขากลับมาที่ห้องนี้ พูดคุย และเปลี่ยนประสบการณ์ คุยเหมือนเพื่อน พอพวกเขาไว้ใจก็จะเริ่มกล้าเล่าความเจ็บปวดและความทุกข์ของตัวเอง จนนำพวกเขาออกจากความมืดได้
"เมื่อพวกเขาช่วยเหลือคนอื่น พวกเขาก็จะลืมความทุกข์ของตัวเอง”
เป็นเรื่องธรรมดาที่เรารู้สึกโดดเดี่ยว สิ้นหวัง หมดกำลังใจ เราก็ต้องการใครสักคนที่อยู่เคียงข้าง
ปี 2018-2021 อัตราการฆ่าตัวตายของจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยปี 2021 มีจำนวนสูงสุดที่ 1,101 ราย จากข้อมูลของ Nanjing Emergency Medical Center (NEMC) แต่ก็ลดลงเหลือ 776 รายในปี 2022
เพราะยังมีคนที่ยังรอการช่วยเหลือ งานของเฉินซือจึงต้องดำเนินต่อไป
เขาบอกว่า "ผมไม่ได้คิดว่าผมเป็นเทวดา ผมแค่ต้องการนำแสงสว่างไปให้กับคนที่อยู่ในความมืด แต่ผมช่วยทุกคนไม่ได้ สิ่งที่เกินความสามารถของผม ผมก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระเจ้า"
สิ่งที่เขาทำอยู่ทุกวันนี้ก็มาเพราะเขาอยากทำ ไม่มีเกณฑ์เลือกหรือคำถามใด ๆ
“มีคำของจีน เขาบอกว่า ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศเป็นความรับผิดชอบของทุกคน เราจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบนี้ได้อย่างไร?”
งานของเฉินซือถึงจะดูเป็นเรื่องเล็ก แต่สำหรับคนคนหนึ่งที่โลกกำลังทลาย การมีใครสักคนที่อยู่เคียงข้างนั้นยิ่งใหญ่ และทำให้เขามีแรงที่จะตื่นมาใช้ชีวิตได้อีกวัน
ภาพ : AFP
อ้างอิง
Volunteer Guards Bridge to Save Lives / Gimundo
The Nanjing 'angel' helping China's desperate back from the brink / FRANCE24
Chen Si: The Hero Who Offers Hope to Suicide Attempters / richmond.edu
Man devotes life to thwarting suicide attempts, rehabilitatin / Global Times
Photos: China’s “Angel of Nanjing” has helped hundreds back from the brink / Hindustan Times
China ‘angel’ stops 469 suicidal people jumping off bridge over 21 years / South China Morning Post
Yang, R., Zhou, J., Bigambo, F. M., Yan, W., Wang, X., & Yang, H. (2025). The trend of suicide and self-harm in the Chinese population from 2018 to 2022 based on ambulance medical emergency cases: A retrospective study. Frontiers in Public Health, 13, 1494841. https://doi.org/10.3389/fpubh.2025.1494841