14 มี.ค. 2568 | 15:16 น.
KEY
POINTS
“บนยอดเขามันมีความเสี่ยงที่จะเกิดหิมะถล่มอยู่เสมอ และเหนือแคมป์ 3 มันทั้งสูงและอันตราย หากลังเลใจ การลงมา เพราะเอเวอเรสต์จะอยู่ตรงนั้นเสมอ หากคุณรอดชีวิต”
นี่คือคำพูดของ ‘คามิ ริตา เชอร์ปา’ เอเวอเรสต์แมน ชายผู้พิชิตยอดเขาสูงสุดในโลกแห่งนี้ตั้งแต่วัย 20 ต้น ๆ และสามารถพิชิตยอดเอเวอเรสต์มาได้แล้ว 29 ครั้ง
ถึงการทำภารกิจให้สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญของการพิชิตเอเวอเรสต์ คือ การเผชิญหน้ากับร่างกายและจิตใจของตัวเอง
ต่อจากนี้ คือสูตรการพิชิตยอดเขาของ คามิ ริตา เชอร์ปาที่เชื่อว่า ถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ยอดเอเวอเรสต์จะอยู่ตรงนั้นเสมอ
คามิเกิดและเติบโตบริเวณพื้นที่ภูเขาของเขตโซลูกุมบูซึ่งมีสภาพอากาศที่รุนแรง ทั้งยังเป็นลูกชายของ ‘มิงมา ชิรี เชอร์ปา’ นักเดินเขารุ่นแรก ๆ หลังจากประเทศเนปาลเปิดให้นักปีนเขาต่างชาติขึ้นมาบนเขาได้
“พ่อคือแรงบันดาลใจของผม เขาเป็นคนที่ทำให้ผมอยากทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ พ่อผมยังไม่เคยพิชิตเอเวอเรสต์ได้ ผมเลยอยากจะทำสิ่งนี้ให้กับเขา”
การเก็บประสบการณ์ในฐานะไกด์และนักขนของอุปกรณ์เดินป่าก็นำมาสู่การพิชิตเอเวอเรสต์ครั้งแรก
การเดินทางครั้งแรกของเขาในฐานะนักเดินป่า คือ การใช้เวลา 1 สัปดาห์เดินทางจากหมู่บ้านทามิไปจิริ ด้วยการเป็นพนักงานยกกระเป๋าและผู้ช่วยครัว
ปี 1990 เขาก็เริ่มพิชิตเอเวอเรสต์ แต่ก็ไม่สำเร็จ ใช้เวลานานกว่า 2 ปี เขาเดินขึ้นเขาและหยุดการเดินทางที่ความสูง 8,000 เมตร ขณะร่วมเดินทางกับผู้พิชิตจากนิวซีแลนด์
ต่อมาในปี 1994 เขากลับไปพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ สู้กับสภาพอากาศ สู้กับใจ และสู้กับความมุ่งมั่นของตัวเองได้สำเร็จ
บางปีคามิ ริตาก็สามารถพิชิตเขาเอเวอเรสต์ได้หนึ่งครั้ง บางปีเขาก็ทำได้มากกว่านั้น
“บนยอดเขามันมีความเสี่ยงที่จะเกิดหิมะถล่มอยู่เสมอ และเหนือแคมป์ 3 มันทั้งสูงและอันตราย หากลังเลใจ การลงมา เพราะเอเวอเรสต์จะอยู่ตรงนั้นเสมอ หากคุณรอดชีวิต” คามิให้สัมภาษณ์กับ BBC เมื่อปี 2019
สำหรับการพิชิตยอดเอเวอเรสต์ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันที่ 12 พฤษภาคม 2024 และเป็นผู้พิชิตเพียงคนเดียวที่สามารถไปยืนบนยอดเขาเอเวอเรสต์ได้เป็นครั้งที่ 29
เป้าหมายการพิชิตของคามิ ไม่ใช่การทำลายสถิติ แต่เป็นการทำงานและทำหน้าที่ของเขาให้ดีที่สุด ดูแลผู้คนให้มีชีวิตรอดบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน
“ผมพยายามทำให้ทุกการเดินทางเป็นเหมือนครั้งแรก ถ้าลูกค้าทำได้สำเร็จ มันก็ทำให้เป็นวันที่ดีของผม ผมเชื่อว่าการทำลายสถิติเป็นเพียงแค่ผลพลอยได้”
ขณะเดียวกันคามิ ริตา ก็เป็นนักอนุรักษ์ที่อยากจะให้พบ้านและสถานที่ที่เขาเติบโตมาคงอยู่ เขาจึงเริ่มให้ความรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
“ภูเขาไม่ได้เป็นแค่ของพวกเรา ชาวเชอร์ปา หรือเนปาลที่จะสูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยว ถ้าวันหนึ่งหิมะละลาย แต่ภูเขาเป็นแหล่งของผู้คนหลายพันคน แต่ที่นี่เป็นมรดกโลก ถ้าหิมะหายไป เราก็คงไม่เหลืออะไร
แล้งเราก็เชื่อว่า การพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ครั้งที่ 29 จะไม่ใช่การปีนเขาครั้งสุดท้าย แต่คามิ ริตา เชอร์ปา จะเป็นคนที่ยังคงเชื่อในการเดินทาง เชื่อในธรรมชาติ และสร้างการเดินทางของตัวเขาต่อไป