10 มี.ค. 2568 | 17:23 น.
KEY
POINTS
"ถ้าคุณเคยสูญเสียใครสักคน คุณก็น่าจะเข้าใจว่าที่เราทำแบบนี้มันไม่ใช่เพราะอยากเรียกร้องความสนใจ ถ้างานศพพวกนี้มันเป็นของเพื่อนคุณ คุณก็จะรู้ว่าความเสียใจเหล่านี้มันคือเรื่องจริง ไม่ได้มีใครจ้าง"
ตลอดชีวิตของ เอ็มมา กอนซาเลซ (Emma González) เด็กสาวชาวอเมริกันวัย 18 ปี (ตอนที่เหตุการณ์เกิด) คงไม่มีช่วงเวลาไหนที่เธอจะนึกฝันว่าตัวเองต้องมาขึ้นเวที และพูดถึง 'อาวุธปืน' สิ่งที่พรากชีวิตเพื่อน ๆ ของเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ
หลังจากนี้คือเรื่องราวของเด็กผู้หญิงที่ก้าวผ่านความเจ็บปวดและลึกขึ้นมาเป็นกระบอกเสียงให้โลกใบนี้สนใจการครอบครองอาวุธปืนเพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีใครสูญเสียเพื่อนวัยเดียวกันแบบที่เธอเคยเจอ
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 2018 ขณะที่เพื่อน ๆ และกอนซาเลซกำลังสนุกอยู่กับกิจกรรมวันวาเลนไทน์ จู่ ๆ เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น ตอนแรกกอนกาเลซคิดว่าเป็นการซ้อมหนีไฟ แต่จริง ๆ แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน นิโคลัส ครูซ ผู้ก่อเหตุวัย 19 ปี ได้ถือปืนไรเฟิล AR-15 บุกเข้าไปกราดยิงในช่วงบ่าย
ถึงจะตกใจมาก แต่กอนซาเลซและเพื่อน ๆ หนีไปซ่อนในที่ที่คิดว่าปลอดภัย เธอพยายามตั้งสติและหาข้อมูลสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากอินเทอร์เน็ต ก่อนจะพบว่าหนึ่งในรายชื่อผู้เสียชีวิตคือเพื่อนสนิทของเธอ
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผู้ต้องหาถูกจับได้ในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา แต่ก็แลกมาด้วยชีวิตของนักเรียนและเจ้าหน้าที่ไปถึง 17 คน
และใช่… เหตุการณ์กราดยิงที่โรงเรียน เอ็มมา กอนซาเลซเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิต
บนเวทีการประท้วง ‘March for Our Lives’ ที่เธอและเพื่อน ๆ ผู้รอดชีวิตผลักดันให้เกิดขึ้น กอนซาเลซบอกว่า "แค่ 6 นาที 20 วินาที กับ ปืน AR-15 คาร์เมนเพื่อนของฉันไม่สามารถบ่นเรื่องคลาสเปียโนของเธอได้อีก แอรอน ฟาอีส ไม่สามารถเรียกเคียราว่า Ms. Sunshine ได้อีกแล้ว อเล็กซ์ ชัคเตอร์ ไม่มีวันได้มาโรงเรียนพร้อม ไรอัน พี่ชายของเขาอีก และฉันก็คงไม่มีโอกาสได้ฟังมุกตลกของสก็อต บีเกิล กับคาเมรอนที่แคมป์ฤดูร้อนอีกแล้ว…"
สุนทรพจน์ครั้งนี้เธอยังใช้เวลาแห่งความเงียบ ‘6 นาที 20 วินาที’ ซึ่งเท่ากับเวลาที่มือปืนใช้สังหารเพื่อนของเธอเป็นการไว้อาลัยให้กับเพื่อนของเธอที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ขบวนประท้วง ‘March for Our Lives’ ที่เกิดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2018 ถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์สำคัญ เพราะในวันเดียวกัน นอกจากผู้เข้าร่วมประท้วงกว่า 200,000 คนที่วอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานหลัก ก็ยังมีงานชุมนุมน้อยใหญ่อีกกว่า 800 งานจัดขึ้นพร้อมกันทั่วโลก แถมสัดส่วนของผู้ชุมนุมก็ยังมีเด็กและวัยรุ่นมาเข้าร่วมมากเป็นประวัติการณ์
แล้วเหล่าผู้จัดงานและแกนนำก็ยังเป็นเพียงเด็ก ม.ปลาย ขึ้นอ่านคำปราศรัย และชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องของรัฐบาลที่หย่อนยานด้านการตรวจสอบประวัติของผู้ซื้อปืน พวกเขาต้องการให้เพิ่มเกณฑ์อายุผู้ครอบครองปืนให้สูงขึ้น รวมถึงเรียกร้องให้นักการเมือง เลิกรับเงินสนับสนุนจากสมาคมไรเฟิลแห่งชาติ ที่ดูเหมือนจะมีอำนาจเหนือพรรคการเมือง ไม่ว่าจะพรรครีพับลิกันหรือพรรคเดโมเครต มานานหลายปี
"เราถูกสอนว่าถ้าเห็นอะไรไม่ถูกต้อง ให้พูดมันออกมา พอเราพูดแล้ว คนที่เคยสอนเรื่องพวกนี้กลับโจมตีเราเสียเอง ผู้ใหญ่ชอบเวลาเรามีคะแนนสอบสูง ๆ แต่เกลียดเวลาเราแสดงความเห็นของตัวเองอย่างหนักแน่น"
พวกเขาไม่เพียงเรียกร้องให้แก้กฎหมายปืน แต่ยังกระตุ้นให้เยาวชนตื่นตัวทางการเมืองและใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคต
แม้ปัญหานี้ยังไม่ถูกแก้ไขทั้งหมด แต่พลังของคนรุ่นใหม่กำลังเขย่าสังคม และทำให้โลกรับฟังเสียงของพวกเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน