ไพรัช อินทะพุฒ : เพราะเสน่ห์ของไวน์คือ ‘ความแตกต่าง’

ไพรัช อินทะพุฒ : เพราะเสน่ห์ของไวน์คือ ‘ความแตกต่าง’

ความเห็นจากประธานสมาคมซอมเมอลิเยร์แห่งประเทศไทย ‘ไพรัช อินทะพุฒ’ ผู้เชี่ยวชาญด้านการชิมไวน์ ถึงประเด็นคำถามที่ว่า ‘ไวน์แต่ละขวดแตกต่างกันจริงหรือไม่?’

เมื่อพูดถึง ‘ไวน์’ ก็คงจะมีใครหลายคนที่มีภาพจำต่อเครื่องดื่มชนิดนี้แตกต่างกันไป โดยเฉพาะกับภาพจำที่มองว่าไวน์คือเครื่องดื่มสุดหรูและมีราคาแพง บ้างก็มีคนมองว่าไวน์ บางทีมันอร่อยก็เพราะมันให้ความรู้สึกกับผู้บริโภคว่าตนกำลังดื่มด่ำกับเครื่องดื่มราคาสูง 

ถึงขนาดที่ว่าเคยมีการนำไวน์ตัวเดียวกันไปเสิร์ฟให้ลูกค้าดื่มสองครั้งในราคาที่แตกต่างกัน โดยผู้ดื่มจะไม่ทราบว่าเป็นไวน์ตัวเดียวกัน ปรากฏว่าครั้งที่ผู้ดื่มถูกบอกว่าไวน์ที่เสิร์ฟราคาแพงกว่า กลับได้เสียงตอบรับมาจากผู้ดื่มว่ามันรสชาติดีกว่า ทั้ง ๆ ที่ไวน์มันก็มาจากขวดเดียวกัน

แต่หากจะนำข้อมูลนี้ไปสรุปว่าผู้คนดื่มด่ำกับไวน์เพราะมันมีราคาแพงก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมนัก เพราะการที่มีคนรู้สึกถึงความแตกต่างในไวน์ตัวเดียวกันจากราคาที่ไม่เหมือนกันก็ไม่สามารถสรุปได้ว่า ไวน์ที่แพงกว่าจะ ‘ไม่แตกต่าง’ จากไวน์ที่ถูกกว่า เพื่อที่จะพูดคุยเรื่องนี้ให้ถึงรส เราจึงนำมันไปถามกับผู้เชี่ยวชาญอย่าง ‘ไพรัช อินทะพุฒ’ ประธานสมาคมซอมเมอลิเยร์แห่งประเทศไทย ผู้เชี่ยวชาญด้านการชิมไวน์แนวหน้าของประเทศไทย และได้คำตอบมาดังนี้

ไวน์คือความแตกต่าง เมื่อไหร่ที่ไวน์ไม่แตกต่าง มันก็หมดเสน่ห์

ในระดับราคาเดียวกัน คุณภาพเดียวกัน ก็ยังมีความแตกต่าง ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องแตกต่างในเรื่องคุณภาพและราคา เพราะมีเยอะแยะมากมาย ตั้งแต่ราคาไม่ถึงพันยันราคาเป็นแสนเป็นล้านก็มี มันมีความแตกต่างเยอะมาก

จุดนี้ช่วยไขให้เราเข้าใจกระจ่างขึ้นในหลายประเด็น ไม่เพียงแต่ไวน์ต่างราคาเท่านั้นที่เต็มไปด้วยความแตกต่าง แต่ในไวน์ราคาเดียวกันเองก็สามารถมีความแตกต่างกันได้ เราจึงถามต่อว่า อะไรบ้างที่จะสร้างความแตกต่างให้กับไวน์เหล่านี้

มีอยู่ 3 ปัจจัย นั่นก็คือ หนึ่ง, พันธุ์องุ่น องุ่นที่ใช้ทำไวน์มันเป็นองุ่นประเภทที่ไม่ใช่องุ่นเอามากิน เป็นองุ่นที่มีคาแรคเตอร์ส่วนตัว เป็นองุ่นที่พระเจ้าสั่งว่าอย่าเอาไปกินเล่นนะ ต้องเอาไปทำไวน์ เพราะมันมีคาแรคเตอร์ส่วนตัว

สอง, ดิน ฟ้า อากาศ ยกตัวอย่างเช่น พื้นที่ตรงนี้ถ้าปลูกองุ่นพันธุ์นี้แล้วมันแมตช์กัน มันก็จะได้คาแรคเตอร์ที่เพิ่มขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นรสและกลิ่น กลิ่นก็คืออโรมา ซึ่งถ้าปลูกในดินที่เหมาะสม ภูมิอากาศที่เหมาะสม มันก็จะทำให้ไวน์มีกลิ่นที่หลากหลายมากกว่าการปลูกในที่ที่ไม่ค่อยเหมาะสม

สาม, ต้นองุ่น ถ้าเป็นสายพันธุ์ที่ดีและมีการตัดแต่งสายพันธุ์ มันจะมีความแข็งแรงทนทานต่อโรค แล้วมันก็จะทำให้มันลงดิ่งไปหาน้ำแร่ใต้ดิน มันก็จะให้ผลผลิตที่มีคาแรคเตอร์เพิ่มขึ้นหลากหลายมากขึ้น นั่นหมายถึงองุ่นอายุมากขึ้น รากยาวลึกขึ้น ลึกลงไปมากขึ้น ก็จะได้น้ำแร่มาหลากหลายมากขึ้น ก็จะมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น เพราะถ้าองุ่นพันธุ์ดี แถมรากลึก แร่ธาตุตรงนั้นก็ให้อะไรมาเยอะ

ท้ายที่สุดคือ ‘การผลิตไวน์’ (Vinification) เริ่มมาตั้งแต่การเก็บ เก็บอย่างไร หมักอย่างไร บีบอุณหภูมิเท่าไร ในภาชนะอะไร นานประมาณไหน พวกนี้มันเป็นเทคนิคเหมือนการปรุงอาหาร ถึงแม้ว่าองุ่นมาจากไร่เดียวกัน แต่ต้นองุ่นที่มีผลพวงเยอะกับผลพวงน้อย ก็จะให้กลิ่นให้รสที่มีความหลากหลายแตกต่างกัน ถูกหรือแพงมันก็เริ่มมาจากตรงนั้นด้วย…

แค่มาจากจุดเดียวกันนี้สามารถทำให้มันหลากหลายได้ สร้างเสน่ห์ให้กับไวน์ได้ขนาดนี้ แล้วคิดดูว่าถ้ามันมาจากทั่วโลก มาจากไม่รู้กี่ล้านแหล่ง มันจะไม่แตกต่างได้อย่างไร?