13 ก.พ. 2567 | 23:20 น.
- ‘ความรักทำให้คนตาบอด’ มาจากความสามารถพิเศษของเทพี Aphrodite ที่มีความสามารถลบสติปัญญาของนักปราชญ์ ทำให้นักปราชญ์คลั่งรักแบบไม่มีเหตุผล
- ส่วน ‘กุหลาบแดง’ ก็มาจากน้ำตาเปื้อนเลือดของเทพี Aphrodite ที่ช่วยคนรักไว้ไม่ได้
- ตำนานรักของเทพเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในดอกกุหลาบแดง เครื่องหมายแทนใจแห่งความรักอันลึกซึ้ง
สำหรับคนที่คุ้นเคยกับโลโก้หนึ่งของ Adobe Illustrator ก็คงจะผ่านตารูปหญิงสาวผู้เป็นหน้าปก Software ด้านการออกแบบสื่อสิ่งพิมพ์ชื่อดังไม่มากก็น้อย
เรากำลังพูดถึงหญิงสาวที่ชื่อ Aphrodite หรือ Venus เทพีแห่งความรักและความงาม Aphrodite เป็นบุตรีแห่งเทพ Uranus ผู้กำเนิดขึ้นจากฟองสมุทร
แน่นอนว่า ยากที่จะมีภาพถ่ายแม้กระทั่งภาพวาดสิริโฉมที่แท้จริงของ Aphrodite มีเพียงภาพวาด Aphrodite ฝีมือของ Sandro Botticelli โดยนางแบบ Simonetta Vespucci ผู้เลื่องชื่อ
หากพูดถึงตำนาน ‘กุหลาบวาเลนไทน์’ หลายคนอาจยังไม่ทราบ ว่าต้นกำเนิดเรื่องราวดังกล่าว มาจากมหากาพย์ความรักของ Aphrodite
นอกจากตำนาน ‘กุหลาบวาเลนไทน์’ แน่นอนว่า ‘มหากาพย์วาเลนไทน์’ ที่กล่าวขานต่อ ๆ กันมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปีแล้วปีเล่า
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของนักบุญ ‘วาเลนตินัส’ เจ้าของฉายา ‘นักบุญวาเลนไทน์’ ผู้ขบถต่อคำสั่งของ ‘จักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2’ ที่ทรงสั่งห้ามไม่ให้มีพิธีหมั้นและการแต่งงาน
โดย ‘วาเลนตินัส’ ได้แหกกฎดังกล่าว โดยชักชวนคู่รักหลายคู่ให้จัดพิธีแต่งงาน ทำให้ ‘จักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2’ ไม่พอพระทัย สั่งประหาร ‘วาเลนตินัส’ ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์
ทำให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น ‘วันวาเลนไทน์’ เพื่อรำลึกถึง ‘วาเลนตินัส
อีกตำนานหนึ่งซึ่งแม้จะไกล แต่ก็ถือว่าใกล้ เพราะเป็นเรื่องราวที่ใกล้กับ Aphrodite นั่นก็คือเรื่องราวของ ‘คิวปิด’ เพราะ ‘คิวปิด’ เป็นบุตรของ Aphrodite หรือ Venus เทพีแห่งความรักและความงาม
‘คิวปิด’ คือชายหนุ่มรูปงาม ผู้มีทั้ง ‘ปีกรัก’ และ ‘ศรรัก’
‘คิวปิด’ มีพลังอำนาจดลบันดาลให้เกิดความรักขึ้นได้ตามความปรารถนา ไม่ว่าจะยิงไปโดนมนุษย์หรือเทพก็ตาม
ส่วนแม่ของ ‘คิวปิด’ คือ Aphrodite นั้นมีฤทธิ์เดช สามารถลบสติปัญญาของนักปราชญ์ ทำให้นักปราชญ์คลั่งรักแบบไม่มีเหตุผล ซึ่งเป็นที่มาของวลี ‘ความรักทำให้คนตาบอด’ หรือ ‘รักโดยไร้เหตุผล’ โดยฤทธิ์เดชของ Aphrodite เคยสร้างความลุกลามบานปลาย นำไปสู่ ‘สงครามความรักในตำนาน’ คือ ‘สงครามแห่งทรอย’
เพราะจุดเริ่มต้นที่ถือเป็นจุดแตกหักของ ‘สงครามแห่งทรอย’ เกิดจากการที่ ‘เจ้าชายปารีส’ ได้ประกาศคำตัดสินให้ Aphrodite เป็นเทพธิดาที่สวยที่สุดในบรรดา 3 เทพสตรี อันประกอบไปด้วย Hera, Athena และ Aphrodite
เบื้องหลังการประกวดก็คือ Aphrodite ได้แอบไปให้สัญญาหลังไมค์ว่าหาก ‘เจ้าชายปารีส’ ตัดสินว่าเธอสวยที่สุด จะให้รางวัลตอบแทน
เมื่อเข้าวัยสาว Aphrodite ได้ตกหลุมรัก ‘อโดนิส’ พรานหนุ่ม Aphrodite รัก ‘อโดนิส’ มาก เฝ้าถนอมรัก ‘อโดนิส’ ไม่เคยห่างไปไหน คอยห่วง และคอยเตือน ‘อโดนิส’ ไม่ให้ล่าสัตว์ตัวอันตราย
แต่แล้ววันหนึ่ง Aphrodite ต้องกลับไปสรวงสวรรค์ ‘อโดนิส’ ได้พบหมูป่ายักษ์ ขณะที่ ‘อโดนิส’ ต่อสู้กับหมูป่า เขากลับเสียท่า โดนหมูป่าทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส
Aphrodite ได้ยินเสียงร้องของ ‘อโดนิส’ จึงรีบรุดลงมาจากสวรรค์ วิ่งเข้าป่าเพื่อช่วย ‘อโดนิส’ ทำให้ถูกหนามกุหลาบขาวเกี่ยวจนเลือดไหล และก็ไม่สามารถช่วย ‘อโดนิส’ ได้
Aphrodite เสียใจมาก น้ำตาของเธอหยดลงปนกับเลือดของ ‘อโดนิส’ แล้วไหลซึมลงดิน ก่อกำเนิด ‘กุหลาบแดง’ ขึ้นมา 1 ต้น
ด้วยความรักที่มากเกินบรรยายที่ Aphrodite มีต่อ ‘อโดนิส’ จึงให้กำเนิด ‘กุหลาบแดง’
นี่คือตำนานแห่งความรัก และความหมาย ‘กุหลาบแดง’ แห่ง ‘วันวาเลนไทน์’ ที่ผู้คนทุกยุคทุกสมัยนิยมบอกรักกันด้วย ‘กุหลาบแดง’ เพื่อแทนความหมายแทนใจแห่งความรักอันลึกซึ้งกันมานานหลายศตวรรษเลยทีเดียว
และ ‘จำนวนดอก’ ของ ‘กุหลาบแดง’ ก็มีความหมายไม่แพ้เรื่องราวของ Aphrodite
กล่าวคือ หากใครมอบกุหลาบแดง 1 ดอก ก็หมายถึง การมอบความรักที่มีทั้งหมดให้เธอผู้นั้นเพียงคนเดียว แต่หากจำนวนกุหลาบแดงเพิ่มเป็น 3 ดอก จะมีความหมายแทนคำพูดว่า ‘ฉันรักเธอ
เรื่อง : จักรกฤษณ์ สิริริน
ภาพ : Getty Images