หลังม่าน ‘Crazy Horse Paris’ คาบาเรต์อายุ 72 ปี ที่ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ขึ้นแสดง

หลังม่าน ‘Crazy Horse Paris’ คาบาเรต์อายุ 72 ปี ที่ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ขึ้นแสดง

‘Crazy Horse Paris’ คาบาเรต์อายุ 72 ปีที่เริ่มต้นจากคลับเล็ก ๆ ที่นิยามความงามของหญิงสาวในรูปแบบใหม่ผ่านโชว์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราว แสง สีที่ไม่เหมือนใคร ชวนคนดังมากมายขึ้นเวที รวมถึง ลิซ่า BLACKPINK

  • ปี 2023 Crazy Horse Paris อายุครบ 72 ปี
  • จุดเด่นของ Crazy Horse Paris คือ คาบาเรต์ที่ชวนผู้ชมทุกคนนิยามความงามผ่านเรือนร่างของหญิงสาวประกอบกับแสง สี เสียง ที่ไม่เหมือนใคร
  • หลังจากจบคอนเสิร์ต Born Pink คาบาเรต์แห่งนี้ คือ เวทีการแสดงล่าสุดของ ลิซ่า BLACKPINK ที่ฉีกกฎการเป็นไอดอลแบบเดิม ภายใต้ความไม่ชัดเจนเรื่องการต่อสัญญากับต้นสังกัด

หลังจากปิดการแสดงคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ Born Pink ไปเมื่อกลางเดือนกันยายน 2023 ของ BLACKPINK ชาวบลิ๊งค์ก็จับมือกันแน่น เพราะรอคอนเฟิร์มการต่อสัญญาของ 4 สาว BLACKPINK 

แต่ก็ต้องแตกตื่นกันทั้งด้อม เมื่อมีคนโพสต์รูปลิซ่าในฐานะนักแสดงของ Crazy Horse Paris คาบาเรต์อายุ 72 ปีที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส 

สถานที่ที่คนเคยไปบอกว่า พอการแสดงเริ่มขึ้น ทุกอย่างจะเงียบลง มีเพียงสาวงามบนเวทีที่จะพาคุณเข้าสู่โลกที่คุณอาจไม่เคยเห็นและไม่เคยสัมผัสมาก่อน เพราะทุกโชว์นั้นจะสวยงามและเร้าใจราวกับถูกมนตร์สะกด

ขณะเดียวกัน ลิซ่าไม่ใช่คนแรกที่ได้ขึ้นไปแสดงบนเวทีของ Crazy Horse Paris เพราะในอดีต ดิต้า วอน ทีส (Dita Von Teese) นักแสดง นักเต้น และนักธุรกิจชาวอเมริกันก็เคยไปโชว์อาบน้ำมาแล้ว รวมถึงยังมีการโชว์เปลื้องผ้าของพาเมลา แอนเดอร์สัน (Pamela Anderson) นักแสดงลูกครึ่งแคนาดา-อเมริกัน

เหตุผลที่มีนักแสดงระดับโลกตบเท้าขึ้นแสดง เพราะจริง ๆ แล้ว คือ กลยุทธ์ของอองเดรย์ ซิสเดนเบิร์ก (Andrée Deissenberg) ผู้จัดการทั่วไปของ Crazy Horse Paris ที่มารับช่วงกิจการหลังจากลูกหลานของอเลน เบอร์นาร์ดิน (Alain Bernardin) วางมือไป

ชวนทำความรู้จัก ‘Crazy Horse Paris’ คาบาเรต์ระดับตำนานที่ต้องการสะท้อนความงามของผู้หญิงผ่านเรือนร่าง 

คาบาเรต์ที่โชว์ความงามของผู้หญิง

ต้นกำเนิดของคาบาเรต์ (cabaret) อาจเริ่มต้นในฝรั่งเศสช่วงปลายยุค 80 เริ่มต้นจากการเป็นคลับเล็กๆ ที่มีผู้ชมนั่งล้อมรอบเวที 

คาบาเรต์ยุคแรกๆ เป็นที่รู้จักในนามของร้านอาหารกลางคืน ช่วงแรกมีเพียงการแสดงหลายชุดที่แสดงต่อกัน มีพิธีกรเข้ามาพูดคุยกับผู้ชมบ้างแทรกด้วยมุกเสียดสีคนชนชั้นกลาง แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ คาบาเร่ต์ที่เสิร์ฟเฉพาะเครื่องดื่ม คาบาเร่ต์ที่เสิร์ฟเฉพาะอาหาร และคาบาเร่ต์ที่คล้ายโรงแรมเปิดให้ลูกค้าเข้ามานอนได้

หลังจากนั้นคาบาเรต์ก็ถูกส่งออกไปยังต่างประเทศ เช่น เยอรมนี อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ที่ต่างก็พยายามสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองตามบริบทของสังคมของแต่ละประเทศ ยกตัวอย่างเช่น คาบาเรต์ในเยอรมนีก็เพิ่มมุกเสียดสีการเมืองเข้าไป ขณะที่คาบาเรต์ของสหรัฐอเมริกาก็เพิ่มแนวดนตรีแจ๊สเข้าไป 

และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นแรงบันดาลใจในการสร้าง Crazy Horse Paris ของ อเลน เบอร์นาร์ดิน (Alain Bernardin) ผู้กำกับและนักเขียนชาวฝรั่งเศสที่สนใจการแสดงของสาวๆ และนักแสดงตลก

ปี 1951 ประตู Crazy Horse Paris ก็เปิดต้อนรับผู้ชมทุกท่านเข้าสู่โลกของ ‘คาบาเรต์’ ด้วยทำเลทองบนที่อยู่ตรงข้ามร้านแซงต์ โลรองต์ (YSL) กีวองชี (Givenchy) และยังอยู่ติดกับร้านบาเลนเซียก้า (Balenciaga)

ในช่วงแรกของ Crazy Horse Paris อเลนพยายามสร้างจุดเด่นของคาบาเรต์ที่เขาสร้างขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอมุมมองใหม่ผ่านโชว์อาบน้ำ ให้นักแสดงใส่ชุดที่เว้าตรงบั้นท้าย หรือการแสดงโชว์ที่นักแสดงเปลือยผ้าทั้งตัว

ปี 1960 แนวคิดเรื่องผู้หญิงก็เปลี่ยนไปตามกระแสสังคม Crazy Horse Paris ก็เลือกที่จะปรับตัวตาม งานแสดงต่างๆ ในคาบาเรต์แห่งนี้ก็อ้างอิงจากสถานการณ์สังคมปัจจุบัน ทำให้เกิดเป็นการแสดงที่เต็มไปด้วยความพิถีพิถัน พร้อมกับท่าเต้น บรรยากาศ แสงสีที่เป็นเอกลักษณ์ 

เอกลักษณ์ของคาบาเรต์ในสไตล์ของอเลน คือ การนำเสนอความงามของผู้หญิงด้วยรูปแบบของการนุ่มน้อยห่มน้อย ดูเซ็กซี่ แต่ก็ไม่ได้โป๊จนเกินไป 

 

จากปารีสสู่เวกัส และเวิลด์ทัวร์ จุดเปลี่ยนสำคัญของ Crazy Horse Paris

หลังจากอเลนเสียชีวิตในปี 1994 คาบาเรต์นี้ก็ถูกส่งต่อให้ลูกๆ ของเขา

และในวาระครบรอบ 50 ปี Crazy Horse Paris ได้มีโอกาสไปแสดงที่ลาสเวกัสที่นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของคาบาเรต์สัญชาติฝรั่งเศสแห่งนี้ ก่อนจะถูกขายต่อให้กับอองเดรย์ ดิสเซนเบิร์ก (Andrée Deissenberg) ในปี 2006

ถึงจะมารับช่วงต่อ แต่อองเดรย์ก็ดัน Crazy Horse Paris ให้เป็นสถานบันเทิงที่โด่งดังแห่งหนึ่งของโลก และยังคงรักษาหัวใจของการแสดงคาบาเรต์แบบ Crazy Horse Paris คือ การคิดการแสดงที่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์ที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจไว้

“ฉันไม่ต้องการที่จะปฏิวัติ แต่ฉันอยากให้มันพัฒนาและเปล่งประกายอีกครั้ง” อองเดรย์เคยบอกไว้

กลยุทธ์ของอองเดรย์ คือ การเชิญคนดังมาแสดงเป็นดารารับเชิญบนเวที ไม่ว่าจะเป็นโชว์อาบน้ำของดิต้า วอน ทีส (Dita Von Teese) นักแสดง นักเต้น และนักธุรกิจชาวอเมริกัน โชว์เปลื้องผ้าของพาเมลา แอนเดอร์สัน (Pamela Anderson) นักแสดงลูกครึ่งแคนาดา-อเมริกันบนรถฮาเลย์ เดวิดสัน (Harley Davidson) และ นักเต้น รวมถึงศิลปินระดับโลกอีกมากมาย

ทั้งยังได้ คริสเตียน ลูบูแตง (Christian Louboutin) ดีไซเนอร์แฟชั่นชื่อดังมาช่วยออกแบบฉากใหม่ทั้งหมด 4 ฉาก ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากแนวเพลงฮิปฮอปไปถึงผลงานศิลปะอันโด่งดัง 

ความสำเร็จที่เกิดขึ้นทำให้ Crazy Horse Paris เปิดเวิลด์ทัวร์ครั้งแรกในปี 2010 ตั้งแต่ยุโรปจนถึงเอเชียที่เดินทางไปพร้อมทีมงานและนักแสดงรวม 19 คน พร้อมกับสิ่งของ อุปกรณ์ประกอบฉากอีก 7 ตัน เพื่อประกาศให้คนรู้จัก Crazy Horse Paris และโชว์คาบาเรต์ทั่วโลก

 

ตึกแดงที่มาพร้อมโชว์ที่แสนเย้ายวนใจ

สิ่งที่ทำให้โชว์คาบาเรต์ของ Crazy Horse Paris แตกต่างจากที่อื่น คือ แสงสี ชุดแต่งกาย และท่าเต้นของนักแสดง ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่านักแสดงตรงหน้ากำลังเปลื้องผ้าอยู่จริงๆ

เว็บไซต์ Theater in Paris อธิบายบรรยากาศใน Crazy Horse Paris ไว้ว่า คุณอาจได้ยินเสียงตั้งแต่โชว์ยังไม่เริ่ม แต่เมื่อโชว์เริ่มขึ้นทุกคนก็จะเงียบลงราวกับถูกมนตร์สะกด มีทั้งการแสดงรวมและการแสดงเดี่ยวที่จะทำให้ผู้ชมใจเต้นแรงขึ้นที่แฝงไปด้วยความสนุกสนานอย่างคาดไม่ถึง

ยกตัวอย่างเช่น การแสดงเพลง 'God save our bareskin' ที่สาว ๆ จะแต่งตัวเป็นราชองครักษ์ของอังกฤษ แม้ผู้แสดงจะเปลือยทั้งตัว รวมถึงยังมีการแสดงเต้นแท็ปที่ผสานกับดนตรีคลาสสิกช่วยดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้ดี

นอกจากโชว์ที่เย้ายวนใจแล้ว การตกแต่งของ Crazy Horse Paris ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของคาบาเรต์ระดับโลกแห่งนี้ ตั้งแต่ริมฝีปากสีแดงขนาดใหญ่ที่ทางเข้า และยังมีแสงไฟสีแดงสดที่ประดับตัวอาคารในทุกชั้นของตึก รวมถึงโซฟานุ่มสีแดงภายในตึกที่บรรจุผู้ชมได้มากถึง 350 ที่นั่งอีกด้วย

ถึงอย่างนั้น… Crazy Horse Paris ก็มีระเบียบที่เราต้องปฏิบัติตาม

ที่นี่ต้องจองตั๋วไปก่อน ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ แต่งตัวให้ดูมีระดับ และดื่มด่ำกับการแสดงให้เต็มที่!

หลังม่าน ‘Crazy Horse Paris’ คาบาเรต์อายุ 72 ปี ที่ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ขึ้นแสดง กฎและมาตรฐานความสวยของ ‘Crazy Lady’

เพราะการแสดงที่ต้องสมบูรณ์แบบ ทั้งยังเป็นการอวดรูปร่างที่สวยงามของผู้หญิง นักแสดงแต่ละคนเลยต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกตาม ‘กฎทองคำ’ (Golden Rules) ที่มีการปฏิบัติสืบต่อกันมามากกว่า 60 ปี

คุณสมบัติประการแรกๆ ของ Crazy Lady คือ เธอจะต้องมีส่วนสูง 168 - 172 ซม. ไม่มากไปหรือน้อยกว่าส่วนสูงที่กำหนดไว้ ขายาว เรียวสวย และเป็นธรรมชาติ รวมถึงต้องมีระยะอกห่าง 21 ซม. สะดือต้องอยู่สูงกว่าส่วนหัวหน่าว 13 เซนติเมตร ทั้งหมดเพื่อให้สัดส่วนของนักแสดงเข้ากับขนาดเวทีที่ไม่ใหญ่มากนัก

นอกจากนี้ยังต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักตลอด 3-5 เดือนก่อนขึ้นแสดงครั้งแรก ดังนั้นสาวๆ ที่ต้องการสมัครเป็น Crazy Lady จะต้องมีพื้นฐานการเต้น การแสดง และมีบุคลิกภาพที่ดี เต้นได้อย่างมั่นใจและมีเสน่ห์ 

เนื่องจากบางสัปดาห์พวกเธอต้องแสดงมากถึง 5-6 คืน พวกเธอจึงต้องรักษาเอเนอร์จี้ของตัวเองได้เพื่อให้โชว์ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของ Crazy Horse Paris ไว้ 

เมื่อยืนบนเวทีแล้ว พวกเธอจะต้องสวมวิกผมบ๊อบสีน้ำตาล หรือบลอนด์ มองเห็นโครงหน้าชัดเจน ริมฝีปากจะต้องถูกทาด้วยลิปสีแดงสด ใส่รองเท้าส้นสูง สิ่งเหล่านี้จะช่วยเสริมความเป็น Crazy Lady ได้อย่างสมบูรณ์

 

Crazy Horse Paris ในมิวสิกวิดิโอของ Beyonce

Patrition เป็นเพลงของบียอนเซ่ (Beyonce) ในปี 2013 ที่มีแรงบันดาลใจจาก Crazy Horse Paris

สาเหตุมาจากความหลงใหลท่าเต้นแต่ละท่าบนเวทีของบียอนเซ่ที่เธอเคยเข้าไปชมใน  Crazy Horse Paris 

ฉากที่น่าจดจำ คือ ฉากที่บียอนเซ่ นั่งลงกลางเวทีสะท้อนกับแผ่นกระจกใส ทำให้เห็นภาพกลับหัวที่สะท้อนขา แสงไฟ และกระจกที่มีเสน่ห์มากจนเรียกว่าเป็น ‘Crazy Touch’ ที่สวยงามและไม่มีใครเทียบได้

หลังม่าน ‘Crazy Horse Paris’ คาบาเรต์อายุ 72 ปี ที่ ‘ลิซ่า BLACKPINK’ ขึ้นแสดง การแสดงบนเวที Crazy Horse Paris ครั้งแรกของลิซ่า BLACKPINK

อย่างที่รู้กันว่า กลยุทธ์ของ Crazy Horse Paris คือ การชวนคนดังมาแสดงเป็นดารารับเชิญบนเวที

แล้วถ้าพิจารณาตามกฎทองคำของ Crazy Horse Paris แล้ว ‘ลิซ่า’ ก็เป็นคนหนึ่งที่มีคุณสมบัติครบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นส่วนสูง พื้นฐานการเต้นการแสดง และเสน่ห์อันล้นเหลือ

จึงทำให้เธอกลายเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษให้กับ Crazy Horse Paris จำนวน 5 รอบ ระหว่างวันที่ 28 - 30 กันยายน 2023 ที่ผ่านมา ด้วยการขึ้นโชว์เพลงหลัก But I am a Good Girl และ Crisis? What Crisis?

จากคำบอกเล่าของ ‘วู้ดดี้’ วุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรและแฟนคลับ Crazy Horse Paris ที่มีโอกาสดูรอบการแสดงของลิซ่าเขาเล่าว่า นักแสดงทุกคนแสดงได้ดี และมีความคิดสร้างสรรค์

“คนที่ไม่ได้อินกับเรือนร่างผู้หญิงอย่างเราก็หยุดยิ้มไม่ได้ หุ่นน่าดูทุกคนจริงๆ บางทีจากที่เราเห็นแค่หน้าอกกับบั้นท้ายก็กลายเป็นภาพหลายมิติที่ดูล้ำสมัยมาก แบบที่เราตามไม่ทัน…” วู้ดดี้เขียนไว้ในโพสต์

นอกจากนี้ เขายังชื่นชมลิซ่าที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี แต่ก็ยังแฝงความเซ็กซี่ไว้ในแต่ละท่วงท่าบนเวที

“โชว์ที่ต้องยอมนางคือโชว์ Crisis What Crisis ที่ลิซ่าเล่นเป็นสาวเทรดหุ้นที่จากเดิมสวมเสื้อผ้าเต้นไปมาบนโต๊ะ แต่ค่อยๆ ถอดออกทีละชิ้นจนเหลือชุด lingerie จะว่าชุดชั้นในก็ไม่ใช่… เอาเป็นว่าดูสวยโคตร sexy ตามสไตล์ลิซ่าที่เราคุ้นเคย… เชื่อว่าแฟนๆ ที่มาดูได้ดูอะไรที่หาดูได้ยากจริงๆ นั่นคือการที่ได้เห็นลิซ่าทำอะไรที่ดูมีความสุขนอก comfort zone เหมือนจะประกาศให้โลกรู้ผ่านโชว์นี้ว่า ต่อจากนี้ ตามมาให้ทัน ฉันจะพาทุกคนไปที่ๆ ไม่มีใครกล้าฝัน กล้าคิด แต่ I will show you!” 

แล้วก็ดูเหมือนว่าวู้ดดี้จะวิจารณ์ไว้ถูกจุด เพราะลิซ่าเองก็ออกมาโพสต์รูปบันทึกความประทับใจในการทำงานครั้งนี้พร้อมข้อความที่เขียนไว้ว่า

“เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ขอบคุณทุกคนที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เรียกฉันได้ เมื่อคุณต้องการนะคะ”

ภายใต้ความไม่ชัดเจนของการต่อสัญญากับวายจี เอนเตอร์เทนเมนต์ (YG Entertainment) แต่โชว์ครั้งนี้ลิซ่าได้ฉีกกฎความเป็นศิลปินไอดอลเกาหลีแบบเดิมๆ ที่อาจจะต้องมีความน่ารัก สดใส และอยู่กรอบสังคมเกาหลีที่ต้องดูน่ารัก แสนซน แอบเซ็กซี่หน่อยๆ แต่ความสำเร็จและกระแสตอบรับในฐานะ Crazy Girl บนเวทีที่ Crazy Horse Paris ก็บอกเราแล้วว่า ลิซ่ายังเป็นเด็กสาวที่หลงรักในเสียงเพลง รักการเต้น และยังคงทำตามความฝัน 

และมันคงจะเป็นแบบนั้นตลอดไป…

 

เรื่อง : ณัฐธนีย์ ลิ้มวัฒนาพันธ์

ภาพ : Instagram lalalisa_m, คลังภาพจาก Getty Images

 

อ้างอิง :

le crazy horse paris (1)

le crazy horse paris (2)

theatreinparis

cometoparis

South China Morning Post

soompi

Facebook/Woody