16 ธ.ค. 2561 | 23:49 น.
“ถ้าผู้ชายชอบเชียร์บอล ก็เหมือนกับผู้หญิงและ LGBTQ ชอบเชียร์นางงามนี่หละ” เป็นคำพูดที่มักจะได้ยินเสมอ จนกลายเป็นคำอธิบายว่า ทำไมคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีจำนวนมากมายเอ็นจอยกับการเชียร์นางงาม ระดับที่ว่าหลายคนถูกกองเชียร์จองตัวให้เป็น “ลูกสาว” ตามเชียร์กันไปยาวๆ กับคำถามมากมายที่หลายคนที่ไม่ได้ติดตามการประกวดนางงามอาจไม่เข้าใจ ทำไมเขามีดรามาคอสตูม? ทำไมกองเชียร์ไทยไม่ถูกโรคกับกองเชียร์ฟิลิปปินส์? การเมืองกับการประกวดนางงาม เป็นอย่างไร และดูนางงามให้สนุก ดูกันแบบไหนดี? ธเนษฐ ลักษณะวิลาศ ผู้ก่อตั้งกลุ่มเชียร์นางงาม T-Pageant ผู้มีพี่ปุ๋ย- ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนกเป็นแรงบันดาลใจ คือหนึ่งในคนที่ติดตามวงการนางงามมาอย่างยาวนาน เธอจะมาอธิบายแบบคลุกวงในว่า ภาพรวมการเชียร์นางงามในบ้านเรามีหน้าตาแบบไหน? The People: จุดเริ่มต้นของการเชียร์นางงาม ธเนษฐ: เราโตมาจากการที่ว่าเมื่อปี 2531 อ่ะครับ ประเทศไทยเนี่ยได้มงกุฎนางงามจักรวาลคนที่สอง เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์เลยของประเทศนี้เลย ก็คือตอนนั้นพี่ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์ ได้มงกุฎนางงามจักรวาลโลกเป็นพี่ปุ๋ย crazy เลยนะฮะ แล้วก็ตอนนั้นเราเด็กมากอายุประมาณสัก 4-5 ขวบแต่เรารู้แล้วว่าพี่ปุ๋ยได้นางงามจักรวาล แล้วเราก็มีโอกาสได้ชมเทปอ่ะครับผมว่าเฮ้ย ผู้หญิงคนนี้เจ๋งอ่ะ ภาษาอังกฤษก็ได้ ความคิดก็ดี แล้วเรานั่งดูโชว์ปีนั้นประกวดที่ไต้หวันนะตระการตามากเลยอ่ะ เราเป็นเด็กที่นั่งดูแล้วชื่นชมกับ เอ่อ ชุดพาเหรดประจำชาติ มีนางงามประเทศนู้นประเทศนี้เข้ามา อุ้ย มีการสัมภาษณ์พูดภาษสเปนด้วย พูดภาษาแบบที่เราไม่เคยฟังมาก่อน เรารู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นการเปิดโลกของเรามาก แล้วเรารู้สึกว่าเฮ้ย เราชอบมันจริงๆ เราเป็นเด็กอนุบาลที่เล่นเป็นพี่ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์อ่ะ ในขณะที่คนอื่นอ่ะไอดอลของเขาคือแบบ...ตัวการ์ตูนญี่ปุ่น แต่ว่าเราอ่ะมีฮีโร่คือนางงาม แล้วเราก็คิดว่าเราบ้าเปล่า เราเป็นคนเดียวในโลกหรือเปล่าที่ชอบดูอย่างนี้ เพราะว่าหันไปทางไหนมันไม่มีใครชื่นชอบแบบเราเลย เพราะตอนนั้นมันไม่มีอินเทอร์เน็ต มันไม่มีทางรู้เลยว่าคนอื่นๆ ชอบแบบเดียวกับเรา แล้วเราหลงใหลมันมาก แล้วก็ในช่วงเวลานั้น อย่างที่บอกว่ามันไม่มีโซเชียลเน็ตเวิร์ก การหาข้อมูลของเราอ่ะคือการดูในหน้านิตยสาร หน้าหนังสือพิมพ์ ในหน้าสตรี กว่าข่าวมันจะมาประมาณก็...โห ล่าช้าแล้ว 2-3 วันแล้วจากเมืองนอกอะไรงี้ครับ คือเราเป็นเด็กที่ขยันมากอ่ะ เรามี passion ขนาดที่ว่าบ้านเราอยู่ใกล้ เอ่อ หอสมุดแห่งชาติเทเวศน์ เรานั่งรถเมล์ไปที่หอสมุดแห่งชาติแล้วไปค้นหนังสือ นิตยสารเก่าๆ อ่ะ เราเชื่อว่าไม่มีเด็กคนไหนที่ทำแบบนั้นอ่ะ แต่เราเป็นคนทำเพราะเรามีแรงบันดาลใจแกร่งกล้ามาก แล้วก็ เอ่อ อย่างที่บอกว่าพอเราไม่มีอินเทอร์เน็ต เราก็แอบน้อยใจเบาๆ เราเป็นคนเดียวในโลกเปล่าวะที่ชอบมัน จนกระทั่งประมาณปี 2539 โลกมันมีอินเทอร์เน็ตขึ้นมา แล้วก็เป็นการเปิดโลกของเรามากเลยว่าเฮ้ย เราไม่ใช่คนเดียวอีกต่อไปแล้วนะที่ชอบเรื่องแบบนี้ มันมีคนอีกมากมายทั้งคนไทย คนต่างประเทศอะไรที่ชอบแบบเดียวกับเรา The People: ที่มาของ T-pageant ธเนษฐ: ที่มาของ T-pageant ก็คือว่าอย่างที่บอกเนี่ยสมัยก่อนเวลาเราติดตามข่าวนางงามอ่ะ เราต้องติดตามจากเมืองนอกใช่ไหมฮะ แบบเราต้องไปสิงอยู่ตามเพจลาตินบ้าง เพจฟิลิปปินส์บ้าง เพราะเขาสื่อสารภาษาอังกฤษ แล้วก็แฟนนางงามไทยเนี่ยก็รวมกลุ่มกันแบบหลวมๆ นะ ไม่ได้แบบเป็น community แบบที่ยิ่งใหญ่แบบทุกวันนี้ การสื่อสารเนี่ยเรารวมตัวกันได้ตาม...เรียกว่าเพจช่องเจ็ด ช่องเจ็ดเขาทำการประกวด Miss Thailand Universe แล้วเขาจะแบบจะมีเว็บบอร์ด แล้วพวกเราก็จะไปคุยกันในนั้นอ่ะ เอ่อ แต่ว่าพอปีนั้นจบไป เขาก็เปลี่ยน supplier เจ้าใหม่มาทำให้ความสัมพันธ์มันไม่ต่อเนื่อง มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจุดเปลี่ยนจริงๆ จุดหักเหจริงๆ ก็คือต้องย้อนไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประกวดนางงามจักรวาลครั้งที่สองปี 2005 แล้วพวกเราทุกคนก็ต้องไปคุยไปอัปเดตกันในนั้นใช่ไหม ปรากฏว่า การ flood บอร์ดมันป่วนอ่ะ มันจะมีตัวป่วนเขียนพายุเขียนอะไรยังงี้ ปั่นป่วนบอร์ดจนช่องเจ็ดเขาต้องปิดบอร์ดไป เราก็อ้าว เฮ้ย มันปิดไปช่วงเวลา 6 โมงเย็น เราก็อ้าว การประกวดนางงามมันมีอยู่ต่อเนื่องนะ ยูจะปิด 6 โมงเย็นได้ยังไงอะไรยังงี้ ก็เลยคุย เพื่อนๆ ก็คุยกัน เอ้ย เราควรจะตั้งเพจขึ้นมา ตอนนั้นมันก็มีเพจหนึ่งชื่อประมาณดูดอทเน็ตอะไรยังงี้ครับ แล้วเขาก็เห็นว่าเราน่าจะเป็นคนที่เป็นคนดูแลได้ อ่ะ ก็ให้เราไปดู เราก็รวมตัวกันครั้งนั้นครั้งแรกเลย หลังจากนั้นก็มีการไปส่งนางงามที่สนามบินเนอะ มีการเลี้ยงข้าวนางงาม เป็นการ meeting เป็นกลุ่มเล็กๆ น่ารักมากครับ ไปบ้านนางงามอะไรยังงี้ จนกระทั่งแบบจากเล็กๆ มันเริ่มใหญ่ขึ้นๆ จุดหักเหสำคัญอีกครั้งหนึ่งคือสองปีถัดมา การประกวด Miss Universe ปี 2007 อ่ะที่เม็กซิโก ตอนนั้นกวาง-ฟ้ารุ่ง ยุติธรรมกำลังไปประกวดเลย แล้วทุกคนกำลังสนุกสนานมาก อินเทอร์เน็ตสมัยก่อนอ่ะ การทำเว็บไซต์อ่ะมันต้องเช่า Bandwidth แล้วที่มันแบบเหมือนคนมหาศาลมากอ่ะไปอยู่ในที่เล็กๆ อ่ะ แล้วเจ้าของเขาไม่สามารถที่จะจ่ายได้อีกแล้วอ่ะ ปิดเลย ปิดหายไปเลย เราก็อ้าว ทำไงอ่ะเพื่อนเป็นหมื่นๆ พันๆ หมื่นๆ คนรอข่าวนางงามอยู่ เรากับเพื่อนเราอีกคนหนึ่งซึ่งแบบมีชื่อเสียงมากในวงการนางงามชื่อ กบมาแล้ว เพริศแพร้วพรรณราย ด้วยนะ ก็เลยบอกว่าเฮ้ย ไม่ได้ เราต้องทำอะไรขึ้นมาสักอย่างหนึ่ง เปิดเพจเลยชื่อว่า T-pageant มันง่ายอ่ะชื่อนี้ T มันจะเป็นอะไรก็ได้ Thailand ก็ได้ เราจะเปิด T-news T-variety T อะไรได้หมดเลย ชื่อนี้มันง่ายคุ้นหูเร็วที่สุด โอเค แล้วจากนั้นถึงวันนี้ก็ 12-13 ปีแล้วที่เราสร้างรวมกลุ่มกันมาแล้วก็เป็นที่มาของ community แฟนนางงามไทยทุกวันนี้ The People: มีคำแนะนำสำหรับคนนอกไหมว่าจะดูนางงามให้สนุก ดูยังไง ธเนษฐ: นางงามมันมีอะไรแบบเสน่ห์ของมันหลายอย่างมากเลยที่จะดูให้สนุก การประกวดนางงามเนี่ยมันไม่ใช่แค่วันไฟนอลอย่างเดียว เพราะว่านางงามแต่ละคนเนี่ยเขาก็ประกวดเป็นผู้ชนะของแต่ละประเทศกันอยู่แล้ว แล้วก็แต่ละคนก็จะมี story มีเรื่องราวสนุกสนาน ที่มาที่ไปมันเหมือนนักฟุตบอลแหละเนอะ เออ เหมือนแบบผู้ชายดูบอลอ่ะ เขาก็ต้องไปสืบว่าเฮ้ย คนนี้แบบโอ้โห...มีที่มาตอนเด็กๆ แบบพ่อแม่ยากจนมาก เป็นคนบราซิล ต้องแบบทำมาหาเลี้ยงครอบครัว ประเทศที่มีการแข่งขันสูงมากๆ อย่างเวเนซุเอลามันแลกมาด้วยหยาดเหงื่อ แรงงาน แลกมาด้วยพลังมหาศาลเลย หรือว่าเอ่อ อย่างเช่นนางงามฟิลิปส์อย่างงี้คนล่าสุดที่มาเนี่ย Catriona Gray ก็คือเป็นรอง Miss World มาก่อนแล้ว แล้วปีนั้นน่ะเป็นตัวเต็งด้วยที่ได้มงกุฎ แล้วปรากฏว่าไม่ได้ ร้องไห้บนเวทีเลย แต่ละคนกว่าจะมาถึงวันนี้มันสู้กันมาเยอะอ่ะ นางงามมันไม่ใช่แค่เรื่องภายนอก มันเป็นเรื่องของการแข่งขัน ผู้หญิงที่สู้กับตัวเอง สู้กับแรงกดดัน แล้วสิ่งเหล่านี้มันเป็น inspiration มากมายให้กับคนเราว่า เฮ้ย อย่ายอมแพ้ อย่าท้อ มันมีมุม element สนุกๆ มากมาย หรือคุณจะหยิบจับเรื่องอะไรล่ะ เรื่องภาษาไหม เพราะบางคนน่ะชอบดูนางงามเพราะว่า ปีนั้นดูนางงามแบบเวเนซุเอลา นางงามเปอร์โตริกาที่เราชอบ โห พูดบลาๆๆ เป็นไฟเลยอ่ะ อยากเป็นแบบนี้ อยากเป็นคนเก่งแบบนี้ หลายๆ คนเรียนอักษรศาสตร์ เอกสเปน อักษรศาสตร์ เอกฝรั่งเศสเพราะว่าดูนางงามมา สิ่งเหล่านี้ที่เด็กเหล่านี้มันดูหน้าจอมันไม่ใช่สิ่งไร้สาระ มองเป็นสิ่งฉาบฉวยไปวันๆ อ่ะ แต่มันสามารถหยิบจับและนำมาใช้อ่ะ The People: การประกวดนางงามมีมุมประวัติศาสตร์อย่างไรบ้าง ธเนษฐ: เราควรรู้ประวัติศาสตร์ไหม yes เราควรรู้ แล้วยิ่งปัจจุบันนะมันมีทั้ง Youtube มันมีทั้งภาพใน Google ให้เราดูอะไรสนุกสนานมากเลย อยากจะพูดถึงอันหนึ่งก็คือว่าเนี่ยเพิ่งรู้ว่าปี 1979 ตอนนั้นน่ะมันมีสถานีอวกาศ Skylab เนี่ยเป็นเรื่องเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมากเลย มันเรื่องสนุกๆ ก็คือว่าตอนปี 1979 Skylab อ่ะที่เราเรียนกันตั้งแต่เด็กๆ อ่ะมันเป็นยังไงวะ Skylab อ๋อ มันเป็นสถานีวิจัยอวกาศที่อยู่ข้างบนแล้วมันเกิดตกลงมาที่เมืองเพิร์ซ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประกวดพอดี แล้วปีนั้นอ่ะการประกวดก็เอาชิ้นส่วนของยาน Skylab มาวางบนเวทีเลย เรารู้สึกว่า เฮ้ย ทุกอย่างมันเอามาใช้ได้หมดเลยอ่ะ แล้วก็เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมันทำให้การประกวดนางงามสนุกขึ้น เหมือนผู้ชายดูบอลแล้วหูว ทีมนี้เนี่ยชนะ อะไรนะ ลิเวอร์พูลไม่เคยชนะมากี่ปีแล้วอ่ะ เออ ประมาณนั้นอ่ะ มันเป็นสถิติดีสนุกดี The People: มีการเมืองในประเทศในการประกวดนางงามไหม ธเนษฐ: เราคิดว่าการเมืองอ่ะมันไม่ได้มีผลโดยตรงกับการประกวดหรอก หรือว่าหลายคนบอกว่าเนี่ยที่ประเทศนี้ได้เพราะว่ารัฐบาลเขากำลังไปลงทุน รัฐบาลกำลังจะไปตั้งฐานทัพ เราคิดว่ามันไม่ได้มีเกี่ยวอะไรตรงนั้น แต่ว่ามันอาจจะมีผลต่อการตั้งคำถาม เพราะว่าหลายๆ ครั้งเนี่ยคำถามรอบไฟนอลมันถูกอิงมาจากช่วงเวลาหรือช่วงเหตุการณ์สำคัญๆ เรื่องเหตุบ้านการเมืองในตอนนั้น เช่น นางงามฝรั่งเศสตอนปี 2015 มันมีเหตุการณ์ที่แบบยิงสำนักข่าว Charlie Hebdo ใช่ไหม แล้วเขาก็สัมภาษณ์นางงามฝรั่งเศสตอนนั้นเลยว่า คุณน่ะถ้าเจอผู้ก่อการร้าย คุณจะพูดกับเขาว่ายังไง หรือว่านางงามฟิลิปปินส์ Pia Alonzo Wurtzbach ได้คำถามว่าคุณเห็นด้วยหรือเปล่ากับการที่รัฐบาลสหรัฐไปตั้งฐานทัพในประเทศของคุณ คือโอ้โห คำถามมันโหดเหมือนกันนะ หรือว่าอย่างออสเตรเลีย เขาก็จะเจอคำถามที่ว่าคุณเห็นด้วยหรือเปล่าว่าการที่รัฐบาลของคุณ กำลังจะให้มีกัญชาอ่ะ ซึ่งใครๆ บนโลกก็รู้ว่ามันเป็นสารเสพติดอ่ะมารักษาคนได้ โห...คำถามพวกนี้มันยากนะเนี่ย แต่ว่าคนถ้าจะเป็น Miss Universe อ่ะ คนที่จะเป็นนางงามจักรวาลอ่ะ คุณต้องรอบรู้อ่ะ แล้วเป็นคนที่รอบรู้ใน diplomatic เป็นเหมือนรัฐศาสตร์อ่ะ เราเรียนรัฐศาสตร์มาเรารู้ใช่ไหมว่าการพูดที่ทำให้ไม่เป็นลบอ่ะ การพูดที่ทำให้ได้ใจทุกฝ่าย แต่มันยังมีน้ำหนัก มันมีสาระมันต้องพูดยังไง มันต้องทำยังไง หรืออย่างคำถามที่น้องมารีญาของเราอ่ะได้เมื่อปีที่แล้ว มันสร้าง impact มากเลยนะ มันสร้างแบบปรากฏการณ์ในประเทศเรามากเลยอ่ะ เพราะเชื่อว่าหลายๆ คนยังไม่รู้จักคำว่า social movement มันคืออะไร ตอนแรกที่เราดู Miss Universe เรายังหันมองกันเลย เฮ้ย อะไรวะ social movement คือสิ่งที่ Miss Universe จะให้เราอ่ะคือการได้ตั้งคำถามและให้ย้อนกลับว่า What’s your social movement in your country? แล้วประเทศไทยได้ทำหรือยัง แล้วมันมีคำถามหนึ่งที่ส่วนตัวชอบมากเลยก็คือ นี่คือคำถามไฟนอลปี 2014 นะ ถามว่าสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ประเทศของคุณได้เคยให้ไว้กับโลกใบนี้คืออะไร เชื่อป่ะมันเป็นคำถามที่ง่ายมากเลยนะ แต่มันทำให้เราคิดจนถึงทุกวันนี้เลยว่า เฮ้ย ประเทศไทยของเราอ่ะได้มมอบสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดให้กับโลกนี้คืออะไรวะ คือเหมือนง่าย simple แต่มันยากมากเลยนะสำหรับบประเทศเล็กๆ อย่างเราว่าเราได้ contribute อะไรให้กับโลกใบนี้ มีนางงามคนหนึ่งตอบคำถามดีมาก แล้วได้ใจเรามากเลยคือจาเมกา จาเมกาบอกว่าอ๋อ ก็ประเทศฉันน่ะได้ให้เสียงเพลงไง เร็กเก้จาก Bob Marley และได้ให้นักกีฬาที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกคือ Usain Bolt โอ้โห คนในฮอลล์แบบตบมือเลยอ่ะ เนี่ย ความภูมิใจของประเทศเล็กๆ อ่ะที่เป็นเกาะ คนแบบไม่กี่ล้านคนอ่ะ แต่เขาได้ contribute ให้กับโลกใบนี้ได้ แล้วประเทศของเราอ่ะได้ให้อะไรกับโลกใบนี้หรือยัง The People: นางงามที่เป็น The best ในดวงใจ ธเนษฐ: โห แน่นอนว่าต้องเป็นพี่ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์อยู่แล้ว แล้วเชื่อว่าใครหลายๆ คนต้องแบบมีพี่ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์อ่ะเป็นไอดอล เป็นแรงบันดาลใจ สำหรับเราอ่ะที่เราเป็นตัวตนทุกวันนี้ ที่เราทำเพจทุกวันนี้ ที่เราเป็นอย่างทุกวันนี้ก็ต้องขอบคุณพี่ปุ๋ย-ภรณ์ทิพย์ เราไม่เคยเจอเขาเลยนะ แต่ถ้าเรามีโอกาส เราอยากขอบคุณมากที่ทำให้เราเป็นแบบนี้ทุกวันนี้ ทำให้เราได้มองโลกเนี่ยในแง่มุมที่ดี ทำให้เราได้รู้จักการให้ พี่ปุ๋ยพูดมาตลอดเลยว่าอยากจะช่วยคนอื่น อยากจะช่วยเด็กและเขาทำอย่างนั้นจริงๆ อ่ะ 30 ปีที่ผ่านมา ทำอย่างนั้นจริงๆ เขาไม่เคยลืมเลยอ่ะ เออ แล้วเรารู้สึกว่าใครหลายๆ คนในเมืองไทยตอนนี้ที่เป็นดีไซเนอร์ชั้นนำ เป็นช่างแต่งหน้าที่เก่ง เป็นคุณหมอที่เก่ง เป็นคนธรรมดาที่มี inspiration เหลือหลาย พูดภาษาอังกฤษเก่งมาก ทำงานเก่งมาก เชื่อว่ามีพี่ปุ๋ยอ่ะเป็นแรงบันดาลใจ เพราะเขาอยากจะทำงานเก่งแบบพี่ปุ๋ย อยากพูดภาษาอังกฤษเก่งแบบพี่ปุ๋ย อยากจะ...โอ้โห ทำอะไรให้แก่สังคมอ่ะแบบพี่ปุ๋ย The People: LGBTQ ทำไมเป็นภาพที่คู่กับวงการนางงาม ธเนษฐ: เพราะว่าผู้หญิงเหล่านี้มันเป็นผู้หญิงเหนือผู้หญิงอ่ะ ผู้หญิงเหล่านี้ทำให้เรานึกถึง ทำไมพวกเราถึงชอบ Madonna ทำไมพวกเราถึงชอบ Kylie Minogue ทำไมถึงชอบ Jennifer Lopez พี่ติ๊นา พี่มาช่า เพราะพวกผู้หญิงเหล่านี้เป็นผู้หญิงที่แบบ Drama queen energy เยอะ เป็นผู้หญิงที่เรียกว่า Diva เวลาเราดูนางงามเหล่านี้เหมือนกันเลย โอ้โห เวลาที่เขาแบบจิกกล้องอ่ะ เรารู้สึกว่าโอ้โห ตบเข่าฉาด อย่างนี้สิ เรารู้สึกว่าพลังมันมาอ่ะ พลังมันได้ แล้วเชื่อเลยว่าหลายๆ คนเวลาเดินลงบันไดรถไฟฟ้าอ่ะ ก็คิดว่าจินตนาการว่าตัวเองอ่ะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน (หัวเราะ) แล้วคือมันมีพลังมากเลยที่ทำให้เราแบบอยากเป็นแบบนี้ รู้สึกเหมือนเรา ทำไมพวกเราถึงชอบดูวอลเลย์บอลอ่ะ เพราะเวลามันแบบ เอ้ย! (ทำท่าตบบอล) มันมีความแบบความพลัง energy อ่ะ Miss Universe เหมือนกัน นางงามจักรวาลเหมือนกัน ใช่ มันได้สาระด้วยก็จริง แต่ขณะเดียวกันมันก็คือ entertainment ที่มีพลังที่ส่งมาพวกเราเหลือเกิน แล้วเรารู้สึกว่าเราได้เชียร์อ่ะ อีกอย่างหนึ่งคือ แล้วยิ่งตอนนี้พวกเราโตขึ้นอ่ะ จากแต่ก่อนเรามีเขาเป็นไอดอลใช่ไหม ตอนนี้มันกลายเป็นรุ่นเด็กๆ แล้ว แล้วพวกเราจะเรียก adopt เขาว่าเป็นลูกสาว ทุกคนก็จะมีลูกของตัวเอง ลูกแตรจซี่ (Trejsi Sejdini, Miss Albania) ที่กำลังดังอยู่ตอนนี้นะ ลูกฮุ้ง (Francesca Hung) ก็คือนางงามจากออสเตรเลีย ทุกคนก็จะเป็นเหมือนคุณแม่ของนางงามเหล่านี้อ่ะ คือเราไม่สามารถทำอย่างนี้ได้ในชีวิตจริง ถ้าเราประกวดได้เราคงประกวดกันไปแล้ว แต่เราเหมือน ฝากความ inner ฝากความ diva ในตัวของเราอ่ะ ที่เราเห็นอ่ะในตัวเขา แล้วเราก็เห็นสิ่งที่เขามีในตัวเราเหมือนกัน แล้วเรารู้สึกแบบ connect กันมันเลยทำให้ทำไมพวกเราถึงชอบดูประกวดนางงาม แต่จริงๆ แล้วอ่ะคนที่ชอบดูประกวดนางงามอ่ะมันไม่ใช่มีแต่ LGBT Community นะ ยังมีผู้หญิงอีกมากเลยอ่ะที่เขาดูประกวดนางงามเช่นเดียวกัน แล้วผู้หญิงเหล่านี้ก็เอา เอ่อ เขาอาจจะไม่ได้มีโอกาสไปประกวดนางงามเหล่านั้น แต่ว่าเขาเอาสิ่งต่างๆ ที่ผู้หญิงเหล่านี้มีอ่ะ เรียกการ empowering การเป็นผู้หญิงเก่ง การเป็นผู้หญิงที่กล้าแสดงออก การเป็นผู้หญิงที่กล้าพูด การเป็นผู้หญิงที่เป็นผู้นำอ่ะเอามาใช้กับตัวเขาเอง เขาก็รู้สึก connect ไม่ต่างจากที่กลุ่มพวกเรารู้สึกกับนางงามเหมือนกัน The People: ทำไมกองเชียร์นางงามไทยและฟิลิปปินส์ จึงดูเหมือนไม่ค่อยถูกกัน ธเนษฐ: ที่นางงามไทยมาไกลจนถึงวันนี้ก็ต้องขอบคุณการแข่งขันที่เราสู้กันมากับฟิลิปปินส์ด้วยที่เราเห็นเขาประสบความสำเร็จในหลายๆ ปี มันก็เหมือนแบบเป็นปมลึกๆ ในใจของเราเหมือนกันว่าแบบ เฮ้ย คนไทยก็เก่งเหมือนกันนะเว้ย คนไทยก็ทำได้เหมือนกัน เราก็ต้องมีสักวันที่ประสบความสำเร็จเหมือนเขา โอเค ไม่เป็นไร ตอนนี้เราอ่ะตามเขาอยู่นิดนึงเพราะว่าเขาเพิ่งได้นางงามจักรวาลคนที่สามไป แล้วก็ได้นางงามโลกด้วยหนึ่งคน เดี๋ยววันหนึ่งเราต้องทำได้เหมือนกัน แรงผลักดันของเขาอ่ะมันทำให้เราพัฒนา แล้วเราไม่หยุดนิ่ง หน้าเราก็เหมือนกัน เราเป็น Asian เหมือนกัน ทุกอย่างเราเหมือนกันหมดเลย ทำไมเราจะแข่งกับเขาไม่ได้ เนี่ย มันก็เลยเป็นสิ่งที่เป็นความสนุกสนานและสีสันอย่างหนึ่งของ Miss Universe แต่ไม่ใช่แค่ไทยอย่างเดียวนะ ยังมีคู่แข่งอื่นๆ ที่เขาแข่งกันด้วยแบบโคลัมเบียแข่งกับเวเนซุเอลาอะไรยังงี้ มันก็เป็นภูมิภาคอ่ะ ประเทศแต่ละภูมิภาคเขาก็จะแข่งขัน แต่ว่าเราอ่ะจะสู้แข่งกับเขาหน่อยหนึ่ง เหมือนการจัดประกวด Miss Universe อ่ะ เขาจัดสามครั้งใช่ไหม อ้า ฉันก็จัดสามครั้งเหมือนกันคือมันแข่งกันในทุกๆ อย่าง เราทำให้การประกวดสนุกสนานขึ้น The People: แล้วปกติกองเชียร์นางงามเขาดราม่าเรื่องอะไรกัน ธเนษฐ: โหย ดราม่าเนี่ยคือดราม่าได้กันทุกเรื่องนะ แม้กระทั่งทำไมวันนี้นางงามไม่ยิ้ม โห เขาต้องเครียดแน่เลย มันต้องมีปมในใจแน่เลยอ่ะ จริงๆ นางงามเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย แค่รูปๆ เดียวอ่ะ ตุ๊ดที่ไม่มีมโนอ่ะคือตุ๊ดที่ตายแล้วนะ (หัวเราะ) คืองานที่ดีคือควรต้องมีมโน หรือแม้กระทั่งบางคนอ่ะเป็นงานละเอียดมากเลย สามารถซูมแบบว่าคิ้วสองข้างนี้ไม่เท่ากัน สามารถเป็นดราม่าได้ทุกเรื่องอ่ะ หรือว่าเรื่องชุดราตรี ปีที่แล้วอ่ะ หูย มารีญา ทำไมมารีญาหน้าบึ้งหรือหน้าไม่เหมือนเดิมตอนรอบชุดราตรี คิดกันไปไกลแล้วว่าโดนกันซีนแน่นอนเลย หรือว่าเพราะว่าดีไซเนอร์หรือเปล่า หรือเพราะผม หรือเพราะอะไร คือทุกอย่างมันกลายเป็นเรื่องดราม่าได้หมด หรือแม้แต่กระทั่งแบบว่า เอ่อ นางงามประเทศนั้นมายืนบัง ก็อย่างที่บอกก็คือทุกอย่างอ่ะสามารถหยิบมาเป็นประเด็นดราม่าได้หมด เพราะว่าการประกวดนางงามมันคือแบบเราดูรูปหนึ่งรูปอ่ะ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้จริงๆ เพราะบางคนจินตนาการไปไกลแบบกว้างไกลมากว่า โหย ที่เครียดแบบนี้เพราะเป็นปมใช่ไหม เป็นปมในใจที่โดนแฟนนางงามด่าใช่ไหมเนี่ย หรือว่าเพราะว่าเธอมากันซีนประเทศฉันใช่ไหม นางงามฉันไปไหนทำไมไม่ได้มาถ่ายรูป ทำไมถึงไม่ได้ไปออกรายการนั้นรายการนี้ เฮ้ย หรือว่าได้นั่งกินข้าวกับผู้จัดงาน เนี่ย เป็นตัวเก็งแน่ๆ เลย เราโดนกันซีนแล้ว คือทุกๆ อย่างมันสามารถมาหยิบเป็นประเด็นดราม่าได้หมดเลยอ่ะ แล้วยิ่งเรามีคู่แข่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านด้วยอย่างนี้ โอ้โห ยิ่งจินตนาการไปกันใหญ่เลยเรื่องดราม่า แล้วปัจจุบันนี้เราไม่ได้แข่งกันแค่ไทย-ฟิลิปปินส์แล้ว เอ่อ ในภูมิภาค AEC เพื่อนบ้านเราทั้งหมดเนี่ยมาจอยกันหมดเลย เมียนมาร์ กัมพูชา ลาว ทุกอย่างมันแบบมันแข่งกันหมดแล้ว แล้วยิ่งปัจจุบันนี้ประเทศเพื่อนบ้านเราก็สามารถอ่านภาษาไทยออก แล้วมันมีเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเนี่ยเข้ามาเกี่ยวข้อง เวลาจะโพสต์หรือเวลาเราจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรยังงี้ มันมีความละเอียดอ่อนมากขึ้น แต่ก่อนเขาไม่ได้มาแข่งไง มันจะวิพากษ์วิจารณ์อะไรก็ได้เพราะเขาไม่สนใจ แต่ว่าคราวนี้คือเขาเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขัน แล้วเขาอ่านภาษาเราออกเหมือนกัน ดังนั้นเนี่ย ก่อนที่เราจะโพสต์หรือจะดราม่าอะไร แค่จุดเล็กๆ นิดเดียวอ่ะมันอาจจะเป็นเรื่องใหญ่โตลุกลามถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก็ได้ ใช่ มันคือ entertainment business แต่ขณะเดียวกันมันก็คือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นเรื่องของประเทศชาติเช่นเดียวกัน แล้วอีกอย่างหนึ่งที่คนไทยชอบดราม่ามากเลยคือ ชุดประจำชาติ บอกว่าชุดประจำชาติเนี่ย เวลาเราลงอินเทอร์เน็ตทีไรมันได้ sharing เยอะมาก ได้เรื่องคอมเมนต์เยอะมาก เพราะว่าเรื่องชุดประจำชาติอ่ะ มันเป็นส่วนหนึ่งของเราอ่ะ เรารู้สึกว่าเราเป็นเจ้าของร่วม ทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน ผลแพ้ชนะเนี่ย มงกุฎเนี่ยเราไม่รู้หรอกนะยังไง แต่ว่าประเทศไทยเนี่ยเป็นประเทศที่เป็นเจ้าของการประกวดชุดประจำชาติ ในการประกวด Miss Universe ดังนั้นเราก็จะจริงจังกับชุดมาก แล้วชุดประจำชาติมันมีเรื่องที่เอามาเป็นประเด็นได้เยอะมาก อย่างเช่น ตอนรถตุ๊กตุ๊กอ่ะที่ได้ชุดประจำชาติยอดเยี่ยมอ่ะ ตอนแรกมีคนออกมาบอกว่าเนี่ย มันไม่ไทย นี่มันไทยยังไง ไทยมันต้องแบบสไบสิ แล้วเอาไปอย่างนี้ตลก คนเมืองนอกเขาหัวเราะตายเลย สุดท้ายแล้วอ่ะมันก็พิสูจน์ว่า This is another Thai culture เหมือนกัน แต่ว่าเป็น Pop culture มันเป็นวัฒนธรรมแบบใหม่ วัฒนธรรมร่วมสมัย แล้วก็รถตุ๊กตุ๊กอ่ะมันเป็นสิ่งที่ชาวต่างชาติรับรู้ว่าเนี่ย มันคือไทย แต่มันคือไทยอีกแบบหนึ่งอ่ะ ดังนั้นก็คืออย่าเพิ่งดราม่า แต่ว่าดราม่ามันก็สนุกดีนะ มันก็เป็นสีสันอย่างหนึ่งอ่ะ เวทีที่ไม่มีดราม่าคือเวทีที่ตายแล้วนะ ดังนั้นก็ต้งมีดราม่าหน่อยมันจะได้สนุกสนานขึ้น