08 พ.ค. 2566 | 14:30 น.
- ธุรกิจ Brown Café กับเส้นทางธุรกิจกว่า 6 ปี กับการขยายสาขาทั้งหมดกว่า 16 แห่งอย่างรวดเร็ว
- ‘แพร - แพรวา ไชยซาววงศ์’ ผู้หญิงที่รักในการทำขนม ต่อยอดสิ่งที่ชอบและถนัด เลือกเรียนชานมไข่มุกไต้หวันและขนมจากญี่ปุ่นเพื่อเปิดร้าน
ถือว่าเป็นความได้เปรียบสำหรับนักธุรกิจบางคนที่รู้ตัวไวว่าชอบอะไร ถนัดอะไร และมุ่งหน้าลุยกับเส้นทางนั้น ๆ ทันที ซึ่งหนึ่งในนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ที่ The People เพิ่งได้พูดคุยและมีเรื่องราว มุมคิดเรื่องธุรกิจที่น่าสนใจก็คือ ‘แพร - แพรวา ไชยซาววงศ์’ ผู้ก่อตั้งร้าน Brown Café ซึ่งเธอเริ่มต้นธุรกิจด้วยวัยเพียง 22-23 เท่านั้นเอง
ชอบทำขนมตั้งแต่ช่วงเรียน
แพร – แพรวา บอกกับ The People ถึงเรื่องราวของร้าน Brown Café ซึ่งเคยเป็นร้านเล็ก ๆ ที่อยู่ในจังหวัดเชียงใหม่มาก่อน แต่ตอนนี้กลายเป็นร้านที่มีสาขาถึง 16 แห่ง (รวมทั้งหมดทั้งแบบหน้าร้านและเดลิเวอรี่) เธอสามารถขยายสาขาได้ในระยะเวลาเพียง 6 ปีเท่านั้นนับตั้งแต่วันที่เริ่มก่อตั้งธุรกิจ
ยิ่งตอนนี้ Brown Café มีร้านสาขาในอีก 3 ประเทศในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย ก็คือ กัมพูชา, มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ ถือว่าเส้นทางธุรกิจมีการเติบโตที่ค่อนข้างเร็วทีเดียว
ทั้งนี้ เราได้หยิบเรื่องราวจากบทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจจาก แพร – แพรวา ผ่านบทความนี้ เธอได้เล่าว่า เป็นคนชอบทำขนมตั้งแต่ที่เรียน โดยเฉพาะในช่วงมหาวิทยาลัยก็คือ เหมือนเป็นการซ้อมมือเพราะเวลาที่เธอทำเสร็จก็จะมีเพื่อน ๆ และคนในครอบครัวช่วยกันชิมขนมตลอด
แม้ว่าในตอนนั้นเธอยังไม่ได้คิดถึงขั้นการทำเป็นธุรกิจหรือทำขนมขาย แต่นั่นก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวธุรกิจ Brown Café เพราะจุดเล็ก ๆ นี่เองที่ แพร-แพรวา ชอบทำขนมแล้วก็ชอบกิน ‘ชานมไข่มุก’ ด้วย เพียงแต่ยังหารสชาติและเนื้อสัมผัสที่ถูกใจไม่เจอ
“เป็นคนชอบทำขนมตั้งแต่แรก แล้วตอนนั้นก็ชอบทานชานมไข่มุกมาก ๆ แต่แบบเหมือนทานเจ้าไหนมันก็ไม่เหมือนที่เราอยากให้มันเป็น ก็เลยไปเรียนที่ไต้หวันเลือกเรียนเฉพาะชาไข่มุกนะคะ แล้วก็นำมาเปิดที่ไทย แต่ว่าเราก็มีการปรับรสชาติให้เป็นไปตามที่เราอยากด้วย”
“ตอนนั้นอายุประมาณ 22-23 ก็ตัดสินใจทำธุรกิจค่ะ เหมือนเป็นข้อดีด้วยที่เรารู้ตัวเองเร็ว”
แม้ว่าสิ่งที่ แพร - แพรวา ตัดสินใจทำธุรกิจดูแล้วอาจจะเร็วสำหรับหลายคน แต่เธอเล่าว่า เธอมีโอกาสได้ทำงานกับที่บ้านด้วยประมาณหนึ่งปีช่วงค้นหาตัวเองหลังเรียนจบ แต่ก็พบว่ามันไม่ใช่ เธอไม่ได้รู้สึกว่าอินไปกับมัน เลยอยากค้นหาทางของตัวเอง
ถนัดแบบไหนทำธุรกิจแบบนั้น
มาถึงจุดเริ่มต้นของ Brown Café ซึ่งก่อตั้งโดย แพร – แพรวา เธอเรียนจบการศึกษาด้านบริหารธุรกิจ หลังจากนั้นก็มาช่วยงานที่บ้านก่อน ก็คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และโรงน้ำแข็งแต่ แพร – แพรวา รู้สึกว่าไม่ถนัดตรงนี้ ไม่ชอบธุรกิจประมาณนี้ ก็เลยหยิบความชอบของตัวเองเรื่องการทำขนมมาต่อยอดเป็นธุรกิจ
“ด้วยความที่เห็นบรรยากาศที่บ้านทำธุรกิจกันหมดทั้งพ่อแม่และพี่ชาย แพร ก็อยากทำธุรกิจเหมือนกัน แต่เราชอบทำขนมและก็ชอบทานขนมจึงลองไปศึกษาเพิ่มที่ญี่ปุ่น เช่น เค้ก, สตรอว์เบอร์รีชีสเค้กอะไรอย่างนี้ แล้วก็เลือกเรียนที่ไต้หวันพวกตัวชานม ไข่มุก เพราะเป็นจุดเด่นของเขาเรื่องนี้”
“ก่อนจะเปิดร้าน แพรไปลงเรียนประมาณ 6 เดือนนะคะ หมายถึงว่าเราไปเรียนประมาณ 3 เดือน แล้วก็มาเตรียมตัวเปิดร้านอีกประมาณ 3 เดือน ก็ทบทวนความรู้ที่เราไปเรียนมาก่อนเปิดร้านจริง”
ส่วนสไตล์การตกแต่งร้านและชื่อร้านหลายคนสงสัยว่า ในเมื่อเป็นชานมไข่มุกไต้หวันทำไมร้านและชื่อเป็นญี่ปุ่น แพร – แพรวา บอกกับเราว่า “มาจากอินเนอร์ตัวเองล้วน ๆ คือเป็นคนชอบความเป็นญี่ปุ่น ชอบบรรยากาศแบบอบอุ่นแบบ homey เราก็เลยพรีเซนต์ออกมาแบบนี้ ซึ่ง Brown Café ก็มีขนมที่ค่อนข้างเป็นเวย์ของญี่ปุ่นมากกว่าชานมไข่มุก ก็เลยดีไซน์ร้านออกมาเป็นรุปแบบนี้”
ทั้งนี้ เธอได้เล่าการเปลี่ยนแปลงหลังจากที่ Brown Café มาอยู่ภายใต้ เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด (CRG) มาเกือบ 3 ปีแล้ว ซึ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปมีระบบที่ดีมากขึ้น โดยเฉพาะระบบหลังบ้าน
“ต้องย้อนไปถึงตอนนั้น คือ Brown Café มีโอกาสได้มาออกอีเวนต์ทั้งที่เชียงใหม่และที่กรุงเทพฯ ก็คือ เซ็นทรัลเวิลด์ ปรากฎว่าผลตอบรับดีมาก คนเข้าคิวรอตั้งแต่ 8 โมง เราก็เลยคิดว่าโอเคถึงเวลาแล้วแหละที่ต้องมากรุงเทพฯ ซึ่งก็ประจวบเหมาะกับที่ CRG มองหา segment ที่น่าสนใจ เหมือนเป็นพรหมลิขิตที่ได้มาเจอกันค่ะ”
“Brown Cafe ตอนนี้ ระบบหลังบ้านชัดเจนมาก คือ CRG ก็จะมาวางระบบให้ใหม่ ช่วยเรา control stock คำนวณเรื่องหลังบ้านให้สินค้ามีขายที่เพียงพอ มีการให้คำแนะนำต่าง ๆ เรารู้สึกว่ามี synergy ที่ดีร่วมกัน”
Brown Café ในอนาคต
สำหรับ แพร – แพรวา เธอยังรู้สึกว่า Brown Café ยังมีสาขาและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคไม่ทั่วถึง ดังนั้น เป้าหมายหลัก ๆ ที่จะเห็นต่อจากนี้ก็คือ การขยายสาขาให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้า เพราะตอนนี้ target group ก็ขยายจากกลุ่มนักเรียนนักศึกษาเป็นคนวัยทำงาน และมีความเป็น family มากขึ้นด้วย ซึ่งดูจากหลาย ๆ เมนูในร้านจะเห็นชัดว่ามีเมนูที่เหมาะกับช่วงเวลาของครอบครัวเยอะทีเดียว
ขณะที่ตลาดต่างประเทศก็ยังมองต่อเนื่อง เพราะตอนนี้เปิดให้บริการเพียง 3 ประเทศเท่านั้น โดย แพร – แพรวา มองว่ากลุ่มประเทศในอาเซียนอื่น ๆ ก็เป็นตลาดที่น่าสนใจ
ในฐานะที่เธอเป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาบริหารธุรกิจและประสบความสำเร็จ หันหลังให้ธุรกิจครอบครัวตั้งแต่แรก ๆ เพราะรู้ตัวว่าไม่ชอบและไม่ถนัด เรื่องราวเหล่านี้สร้างแรงบันดาลใจให้กับหลายคนได้ เราจึงถามสิ่งที่เธอยึดมั่นในเรื่องของธุรกิจและไอดอลการทำธุรกิจว่าเป็นอย่างไร
เธอบอกว่า “การทำธุรกิจตอนแรก ๆ หลายคนจะรู้สึกกลัวไปก่อนว่าแบบจะทำได้ไหม แต่แพรว่าถ้าเราตั้งใจมุ่งมั่นและวางแผนไว้ก่อน การทำธุรกิจมันก็ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้น อย่างของแพร พ่อแม่ไม่ได้เข้ามาช่วยอะไรมาก เพราะพวกเขาปล่อยให้ลงสนามจริงเลย ให้เราคิดแก้ปัญหาเองเลย”
“ให้เราสมมุติเองว่าถ้าเกิดแบบนี้ขึ้นจะแก้ไขยังไง แพรว่ามันเหมือนเป็นการเรียนรู้ไปกับมัน ผิดก็แก้ไปตามที่ผิด ปรับปรุง เรียนรู้ แค่ขอให้ตั้งใจและมุ่งมั่นค่ะ”
การพูดคุยครั้งนี้ทำให้ค้นพบคำ ๆ หนึ่งจาก แพร – แพรวา ว่าการเป็นนักธุรกิจสามารถถ่ายทอดผ่านบรรยากาศที่เห็นตั้งแต่เด็ก ๆ ได้เหมือนกัน เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เด็กคนหนึ่งรู้ตัวไวว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร ที่สำคัญการคลุกคลีอยู่กับคนเก่ง ๆ อย่างที่ แพร – แพรวาเห็นจากคุณพ่อคุณแม่ เห็นจากการพูดคุยกับรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จด้านธุรกิจ ก็เหมือนเป็นทางลัดทางหนึ่งเพื่อก้าวสู่ความสำเร็จได้เหมือนกัน