ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ผู้นำทัพแห่ง BLC โรงงานยาไทยเพื่อสุขภาพคนทั่วโลก

ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ผู้นำทัพแห่ง BLC โรงงานยาไทยเพื่อสุขภาพคนทั่วโลก

รู้จักกับ ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC บริษัทผู้ผลิตยาโดยคนไทยที่สามารถพาองค์กรโลดแล่นในอุตสาหกรรมยา เวชภัณฑ์ และอาหารเสริม จนเป็นที่ยอมรับในแวดวงการแพทย์และผู้บริโภคมานานหลายทศวรรษ

ธุรกิจยาที่ขึ้นชื่อว่าต้องใช้เงินลงทุนสูงลิบ และมีการแข่งขันทั้งระหว่างบริษัทภายในประเทศรวมถึงบริษัทข้ามชาติ แต่ยังมีบริษัทผู้ผลิตยาโดยคนไทยอีกบริษัทที่สามารถพาองค์กรโลดแล่นในอุตสาหกรรมยา เวชภัณฑ์ และอาหารเสริม จนเป็นที่ยอมรับในแวดวงการแพทย์และผู้บริโภคมานานหลายทศวรรษ

ไปรู้จักกับ ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค จำกัด (มหาชน) หรือ BLC ผู้ผลิตและจำหน่าย ผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันประเภทยาสามัญ และยาสามัญใหม่ (Generics Drugs and New generic drugs) ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร (Herbal Medicines) ผลิตภัณฑ์ยาสำหรับสัตว์ (Animal Medicines) รวมถึงผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น ๆ เช่น เครื่องสำอาง (Cosmetic) สำหรับบำรุงผิวหน้าและผิวกายในรูปแบบต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Food Supplement) สำหรับดูแลสุขภาพและความงามชั้นนำของประเทศไทยที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี ด้วยมาตรฐานการผลิตที่มีความปลอดภัยด้วยคุณภาพตามมาตรฐานสากล เพื่อให้คนไทยเข้าถึงยาและการรักษาได้ดียิ่งขึ้น ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ผู้นำทัพแห่ง BLC โรงงานยาไทยเพื่อสุขภาพคนทั่วโลก

จากนักศึกษาเภสัชศาสตร์สู่ผู้ก่อตั้งโรงงานผลิตยา

จากเด็กนักเรียน ที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยม ทำให้คุณสุวิทย์ตัดสินใจศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยในคณะเภสัชกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และการได้อยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย 5 ปี ได้ตอกย้ำว่า วิชาชีพนี้เป็นสิ่งที่ใช่

“แต่ที่เรียนเภสัชกรรมศาสตร์ ก็ไม่คิดถึงขั้นจะสร้างโรงงานผลิต เพราะธุรกิจยาในบ้านเราในตอนนั้นเป็นธุรกิจต่อเนื่อง ส่งต่อกันมาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ หรือบริษัทยาข้ามชาติที่ต้องลงทุนสูงมาก ดูเป็นเรื่องไกลตัวจากนักศึกษาอย่างเรามาก ตอนเรียนได้รู้ว่ากว่าจะได้ยามาแต่ละเม็ด แต่ละหลอด จนกระทั่งคนได้ใช้ ผ่านกระบวนการตั้งแต่เรื่องแนวคิด การวิจัยพัฒนา เรื่องระบบคุณภาพ ทำให้รู้สึกว่ายิ่งเรียน เรายิ่งชอบวิชาชีพนี้” ภก.สุวิทย์ เล่าย้อนถึงเส้นทางการเรียนสายวิชาชีพเภสัชกรรม

หลังจบการศึกษา บัณฑิตป้ายแดงก็ได้เริ่มงานด้านเภสัชกรรมทันทีด้วยการเป็นผู้แทนยา หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่าดีเทลยา ดูแลสายงานด้านการตลาด ตลอดระยะเวลา 2 ปี เขาได้เก็บเกี่ยวความรู้ในแวดวงนี้จนมีความรู้และความชำนาญในธุรกิจด้านนี้ จึงเริ่มลงทุนเปิดร้านขายยาของตนเอง ทั้งย่านบางแค และ พัฒน์พงศ์ ที่ประสบความสำเร็จในเวลาไม่นาน

ดอกผลจากการเป็นเจ้าของร้านขายยาอาจดูน่าพึงพอใจแล้ว  แต่คุณสุวิทย์เริ่มตั้งคำถามถึงผลิตภัณฑ์ยาที่มีในท้องตลาดในช่วงเวลานั้น ว่ายังมีช่องว่างในการทำตลาด pain point คือโรงงานผลิตยาส่วนใหญ่ยังทำบรรจุภัณฑ์เป็นขวดใหญ่ ร้านขายยาต้องจัดยาโดยการแบ่งยาออกจากขวดเพื่อจ่ายให้ผู้ป่วย จึงเป็นที่มา ที่สนใจที่จะผลิตยาขึ้นเองแบบยูนิตโดส แพคเกจจิ้งน่าใช้และมีราคาปลีกติดอย่างชัดเจนเพื่อจำหน่าย

บริษัท บางกอก ดรัก จำกัด จึงเริ่มว่าจ้างผลิตสินค้ากับทางโรงงานยาแบบ OEM โดยพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้ใช้สะดวก และพกพาง่ายที่เรียกว่า “ยายูนิตโดส” ถือเป็นรูปแบบของยาแบบแผงหรืออยู่ในหีบห่อที่ใช้กันในปัจจุบัน การวางจำหน่ายได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี 

แต่คุณสุวิทย์เริ่มมองภาพที่ใหญ่กว่าเดิม ถึงอุตสาหากรรมยาในประเทศโดยรวม และตั้งเป้าหมายทางธุรกิจที่สูงกว่าเดิม คือ ต้องการให้คนไทยเข้าถึงยาคุณภาพดี และประเทศมีความมั่นคงทางด้านสุขภาพอย่างยั่งยืน จึงปรึกษากับเพื่อนที่ศึกษาคณะเภสัชกรรมศาสตร์ มาด้วยกัน อีก 2 ท่าน คือ ภก.ศุภชัย สายบัว และ ภก.สมชัย พิสพหุธาร ร่วมกันก่อตั้งโรงงานผลิตขึ้นที่จังหวัดราชบุรี ที่เภสัชกรทั้ง 3 ท่าน มีความรู้ความเชี่ยวชาญแตกต่างคนละด้าน ที่จะมาช่วยเติมเต็มการดำเนินธุรกิจใหม่นี้ ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ผู้นำทัพแห่ง BLC โรงงานยาไทยเพื่อสุขภาพคนทั่วโลก จากไร่มันสำปะหลังสู่โรงงานยา

แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเภสัชกร และเจ้าของร้านยาที่ประสบความสำเร็จ แต่เส้นทางการก่อร่างสร้างโรงงานผลิตยาก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการแข่งขันในตลาดที่มีคู่แข่งทั้งภายในประเทศและผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายยารายใหญ่จากต่างประเทศ บางกอกแล็ปได้ปักหมุดโรงงานบนผืนดินที่ จ.ราชบุรี พลิกฟื้นที่ดินทางลูกรังที่เคยปลูกไร่มันสำปะหลังสู่โรงงานผลิตยาแห่งใหม่ของประเทศไทย 

“เมื่อ 30 ปีก่อน ตอนที่เราตั้งโรงงานก็เป็นที่ฮือฮา เพราะว่าในตอนนั้นไม่มีใครตั้งโรงงานยาใหม่ ส่วนใหญ่จะไปซื้อกิจการมาต่อยอดกัน ทำให้ช่วง 10 ปีแรกของการตั้งบริษัท ผมเรียกว่าเป็นช่วงตะลุมบอน (หัวเราะ) เพราะการทำโรงงานเป็นเรื่องที่ยาก ต้องใช้เงินลงทุนสูง ต้องใช้บุคลากรที่มีประสบการณ์ แต่เราก็ใช้ความเชี่ยวชาญด้านยาและประสบการณ์ของทุกฝ่ายมาร่วมมือกันตั้งโรงงานได้สำเร็จ” ภก.สุวิทย์กล่าว

โรงงานยา BLC เริ่มเดินสายการผลิต ด้วยพนักงานยุคก่อตั้งเพียง 30 คน ก่อนจะขยายธุรกิจจนมีพนักงานรวมกว่า 600 คนในปัจจุบัน จากอาคารผลิตยาขนาดเล็กก็แปลงร่างเป็นโรงงานขนาดใหญ่บนพื้นที่รวมกว่า 140 ไร่ ผลิตและจำหน่ายยาแผนปัจจุบันประเภทยาสามัญ ยาสมุนไพร ยาสำหรับสัตว์ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องด้านสุขภาพและความงามครบทุกกลุ่ม ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ผู้นำทัพแห่ง BLC โรงงานยาไทยเพื่อสุขภาพคนทั่วโลก

คุณภาพ + นวัตกรรม = คุณค่า BLC 

การจัดตั้งโรงงาน BLC ในยุคแรก คือการปูรากฐานที่แข็งแรงด้วยการมุ่งเน้นพัฒนากระบวนการผลิตให้อยู่ในมาตรฐานระดับสากล ทั้ง GMP, ISO9001, ISO/IEC17025, ISO22000, GHP และ HACCP ทำให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเป็นสินค้าคุณภาพ ได้รับการยอมรับในด้านความปลอดภัยและให้คุณประโยชน์แก่ผู้บริโภค

สิ่งที่ BLC  ให้ความสำคัญเป็นอันดับต่อมาคือการก่อตั้งศูนย์วิจัย BLC เพื่อพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับผลิตภัณฑ์ยาสามัญใหม่ของบริษัท สินค้าภายใต้แบรนด์ตัวเอง นอกจากนี้ยังรับจ้างผลิตให้กับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ 

“BLC มีศูนย์วิจัยเป็นของเราเอง ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ จนมี Pilot Plant สามารถพัฒนาสินค้าได้เบ็ดเสร็จ และผู้ก่อตั้งทั้ง 3 ท่านเป็นเภสัชกร มุมมองต่อธุรกิจยาจะมองในเชิงลึก จุดเด่นที่เอามาเป็นวิสัยทัศน์ของ BLC จึงเป็นการสร้างนวัตกรรม ที่ตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคต่อการใช้ยาใหม่ๆ นวัตกรรมด้านกระบวนการ สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตในราคาที่แข่งขันได้ ผลิตสินค้าที่แตกต่าง และผลิตยาคุณภาพที่คนเข้าถึงได้” ภก.สุวิทย์กล่าว ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ผู้นำทัพแห่ง BLC โรงงานยาไทยเพื่อสุขภาพคนทั่วโลก

พาสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลก

แม้ผลิตภัณฑ์หลักของ BLC คือกลุ่มยาแผนปัจจุบันประเภทยาสามัญและยาสามัญใหม่ แต่บริษัทยังเล็งเห็นถึงคุณค่าของภูมิปัญญาไทย ต่อยอดบูรณาการด้านสมุนไพร รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากหน่วยงานวิจัยทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อพัฒนาสารสกัดสมุนไพรที่ได้มาตรฐานสากลเหมือนยาแผนปัจจุบัน พริก ไพล กระชายดำ ว่านหางจระเข้ พืชสมุนไพรที่เราคุ้นเคย จึงถูกนำมาเป็นสารสกัดผลิตเป็นยาที่รักษาโดยการแพทย์ทางเลือก พร้อมทำการศึกษาทางคลินิกเพื่อยืนยันประสิทธิผลการรักษา และสินค้ากลุ่มครีมหลายชนิดมียอดขายอันดับต้นๆ ของประเทศ

“ประเทศไทยมี พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ภาครัฐสนับสนุนให้มีการใช้ยาสมุนไพรในระบบสุขภาพมากขึ้น ผลิตภัณฑ์สมุนไพรจึงได้รับความสนใจมากขึ้น BLC ถือเป็นผู้นำสินค้าผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาทิ เจลพริก ครีมจากไพล มีการใช้ในโรงพยาบาลเป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์ ถือเป็นสินค้าต้นแบบ พัฒนายาสมุนไพรให้มีคุณภาพการผลิตเทียบเท่ายาแผนปัจจุบัน เป็นหัวหอกทำตลาดต่างประเทศ นำสมุนไพรไทยไปให้ทั่วโลกรู้จัก” ภก.สุวิทย์ กล่าวถึงกลุ่มสินค้าของบริษัทที่มีความแตกต่าง ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ ผู้นำทัพแห่ง BLC โรงงานยาไทยเพื่อสุขภาพคนทั่วโลก

บริษัทมหาชนสู่ความยั่งยืน

ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมการผลิตยาที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพ สร้างนวัตกรรมของตนเอง บมจ. บางกอกแล็ป แอนด์ คอสเมติค หรือ BLC ได้พิสูจน์ผลงานการเป็นบริษัทยาของคนไทยที่ยืนระยะอยู่ได้ยาวนาน และพร้อมก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยการเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในอุตสาหกรรมยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ 

ด้วยการผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ประเภทยาสามัญและยาสามัญใหม่ ผลิตภัณฑ์ยาสมุนไพร เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องมือแพทย์ เพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการ ทั้งโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน บริษัทเอกชนและร้านขายยาค้าปลีกทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด เช่น ไฮเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ

รวมถึงการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง ช่องทางออนไลน์ผ่านทาง BKD Viva Healthy at Home ท่ามกลางตลาดยาที่มีมูลค่ารวมกว่า 2 แสนล้านบาท ในตลาดยาที่มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปี รวมไปถึงโอกาสในการตลาดส่งออกกลุ่มยาสามัญแผนปัจจุบันไปต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ และผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์ยาจากประเทศไทย 

ในขณะที่ตลาดขนาดใหญ่อย่างประเทศจีน หรือในยุโรปก็ให้ความสนใจสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์สมุนไพร ที่เป็นโอกาสของ BLC ในการสยายปีกความแข็งแกร่งบริษัทยาคนไทยให้ไปสู่ตลาดโลก

“นับตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงตอนนี้ BLC มีการพัฒนาต่อเนื่อง โดยสิบปีแรกคือการพัฒนาการทำงานโดยใช้ ระบบคุณภาพ สิบปีที่สองคือพัฒนาแผนธุรกิจ มาจนถึงสิบปีที่สาม เน้นการพัฒนานวัตกรรม และยุคสิบปีที่สี่ คือเรื่องการเติบโตอย่างยั่งยืน บางกอกแล็ป มีแผนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว เพราะเราเล็งเห็นว่าการเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ยึดหลักธรรมาภิบาล เป็น Good Governance  ทำให้เห็นว่าเรามีระบบการทำงานที่เป็นมาตรฐานและมีความเป็นมืออาชีพ” ภก.สุวิทย์กล่าว

หัวใจของความสำเร็จของ BLC ในวันนี้ คุณสุวิทย์มองว่านอกจากการพัฒนาสินค้า พัฒนาระบบคุณภาพต่างๆ แล้ว กุญแจความสำเร็จอีกอย่างคือ การให้ความสำคัญกับทุกฝ่าย นับตั้งแต่การดูแลพนักงาน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยการรักษาคำมั่นสัญญา ดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์จริงใจ สร้างองค์กรให้เข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง 

และนี่คือ BLC บริษัทยาภายใต้การบริหารงานโดย ภก.สุวิทย์ งามภูพันธ์ บริษัทของคนไทยที่คิดไกล มองธุรกิจอย่างรอบด้าน ทำงานด้วยความเป็นมืออาชีพ สร้างจุดแข็ง พัฒนาต่อยอดตลอดเวลาพร้อมพาองค์กรให้เติบโตรองรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ขยายธุรกิจไปสู่ตลาดโลก และยังเดินหน้ามอบคุณค่า เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้คน