‘Up&Under’ Shapewear สัญชาติไทยเพื่อสาวเอเชีย Empower Beauty ในแบบของตัวเอง

‘ชุดกระชับสัดส่วน มันโบราณมากเลย จะไปได้เหรอ’ 
 

ไม่น่าแปลกใจเท่าไรถ้าหากจะมีผู้รับผลิตเสื้อผ้าสักเจ้าผุดคำถามนี้ขึ้นมาเมื่อได้ยินผู้หญิงคนหนึ่งตั้งหน้าตั้งตาอธิบายความฝันของเธอว่าอยากทำแบรนด์ชุดกระชับสัดส่วน 

ผู้หญิงวัย 20 ปลาย ๆ อยากทำชุดกระชับสัดส่วน? 
ชุดกระชับสัดส่วนที่ใส่แล้วอึดอัด?  
ชุดกระชับสัดส่วนที่มีแต่คนอ้วน ไม่ก็คนอายุเยอะเขาใส่กัน

จากวันที่วิ่งวุ่นไล่ทำตามความฝันท่ามกลางข้อกังขามากมายจากใครหลายคน มาวันนี้ ‘เชอร์รี่ - วริศรา ประภาพยืนยง’ มีแบรนด์ ‘Up&Under’ เป็นเครื่องพิสูจน์ทุกความสงสัยให้ทุกคนเห็นแล้วว่าภาพฝันอยากทำชุดกระชับสัดส่วนในวันนั้นมันไปได้จริง และไม่ใช่แค่ไปได้เท่านั้น แต่เธอคนนี้ในฐานะผู้บริหารยังสร้างนิยามใหม่ให้ ‘Shapewear’ หลุดจากภาพจำเดิม ๆ ของชุดกระชับสัดส่วนในสมัยก่อนได้สำเร็จด้วย

แค่อยากใส่ชุดเดรสแล้วดูมั่นใจ ทำไมต้องยากขนาดนี้? 

คุณเชอร์รี่ยังจำความรู้สึกตัวเองเมื่อหลายปีก่อนได้แม่นสมัยยังทำงานคอนซัลต์ในบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง “งานคอนซัลต์เราต้องดูน่าเชื่อถือตลอดเวลา ใส่เดรส ใส่สูท ดูจริงจัง แล้วมีวันที่ต้องไปประชุมพรีเซนต์งาน ก่อนนอนก็เลือกเดรสไว้แล้ว พอตอนเช้าตื่นมา แต่งตัว หยิบมาใส่แล้วกลายเป็นว่ารู้สึกไม่มั่นใจ ไม่เหมือนที่คิดไว้เพราะมีส่วนเกิน ใส่ออกมาแล้วเห็นหน้าท้อง พอต้องใส่ไปพรีเซนต์งานแล้วไม่รู้สึกมั่นใจเลย”

แค่ส่วนเกินนิด ๆ หน่อย ๆ คุณเชอร์รี่คิดว่าก็แค่ต้องไปซื้อชุดกระชับสัดส่วนที่เก็บหน้าท้องได้มาใส่ก็จบแล้ว แต่สิ่งที่ดูเหมือนจะง่าย กลับไม่ง่ายเหมือนที่คิดเลยสักนิด “จำได้ว่าเดินหาในห้างทั้งวัน เจอแต่ที่ตะเข็บหนา ๆ แล้วหน้าตาดูไม่ใช่วัยเราเลย ใส่แล้วเชย ไม่ก็อึดอัด มันไม่มีตัวที่แก้ปัญหาเราได้เลยจริงๆ” 

หลังจากตามหาในไทยแล้วไม่เจอสักตัว คุณเชอร์รี่เลยเปลี่ยนมาลองตามหาจากแบรนด์ต่างประเทศบ้าง “Shapewear เมืองนอก ต่างจากของบ้านเราเลย คือมีความเป็นไลฟ์สไตล์มากขึ้น มีหลายสีให้เลือก ขณะที่ตอนนั้นในไทยคนจะยังมองว่า Shapewear พวกนี้ต้องเป็นคนแก่หรือคนอ้วนใส่เท่านั้น เลยลองสั่งมาดู”  

เจอสีที่ชอบ แถมมีไซซ์ S ที่คุณเชอร์รี่ตามหา ก็กดสั่งทันที เมื่อของมาถึง ปัญหาตะเข็บหนา ๆ หรือหน้าตาที่ดูเชย ๆ ก็หมดไปจริงด้วย แต่รอบนี้กลับเจอปัญหาใหม่แทน เมื่อ S ของเรามันไม่เท่ากัน!  

“รูปร่างฝรั่งกับคนเอเชียไม่เหมือนกัน S ของเขาคือ S สำหรับสรีระของเขา ไม่ใช่สำหรับสรีระของคนไทย เอว สะโพก หรือ Waste to Hip Ratio ไม่เท่ากันเลย ฝรั่งสะโพกผายแล้วค่อยเอวคอด แต่เอเชียเราไม่ใช่แบบนั้น เรื่องความยาวก็ไม่ได้ เพราะเขาสูงกว่าเราอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องราคาที่ต้องแพงมาก ๆ เพราะเจอบวกค่าส่งเข้าไปอีก” 

แค่อยากใส่เดรส 1 ตัวอย่างมั่นใจไม่ง่ายจริงด้วย

ยิ่งยาก ยิ่งเท่ากับโอกาส จุดเริ่มต้น ‘Up&Under’ 
“เราเจอปัญหานี้แล้วผู้หญิงคนอื่นอีกล่ะ ต้องมีอีกหลายคนที่เจอปัญหาเดียวกับเราแน่ ๆ แล้วตามหาเท่าไรก็ไม่เจอแบรนด์ไหนที่ตอบโจทย์ เชอร์รี่จบบริหารเอก Finance มา ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับแฟชั่นเลย รู้แค่ว่าในไทยไม่มี ที่มีก็ตะเข็บหนา เนื้อผ้าไม่ได้ ส่วนเมืองนอกดีไซน์ได้แต่ไซซ์ไม่ใช่ของคนเอเชีย เราเจอช่องว่างแล้ว บวกกับที่บ้านทำธุรกิจโรงงาน เห็นคุณพ่อทำธุรกิจค้าขายมาตลอด เลยมีมายด์เซตเรื่องค้าขาย ตั้งใจไว้ตั้งแต่เด็กเลยว่าโตขึ้นจะต้องทำธุรกิจตัวเองให้ได้ เลยตั้งเป้าว่าจะลองทำ Shapewear ที่แก้ปัญหาได้จริง ๆ ขึ้นมา” 

คุณเชอร์รี่จึงเริ่มหาข้อมูลแล้วขับรถไปหลายจังหวัดเพื่อตามหาซัพพลายเออร์ตามที่ลิสต์ออกมาได้ แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมาทุกราย ถึงแม้จะมีภาพชัดเจนในใจว่า Shapewear ที่อยากทำเป็นแบบไหน แต่ในมุมผู้รับผลิตเสื้อผ้าก็ยังไม่แน่ใจว่าชุดกระชับสัดส่วนจะขายออกได้อย่างไร เพราะในตอนนั้นชุดกระชับสัดส่วนคือไอเทมที่ดูโบราณตกสมัยไปแล้ว

หลังจากถูกปฏิเสธมานับไม่ถ้วน ในที่สุดคุณเชอร์รี่ก็มาเจอคนรับผลิตที่เข้าใจภาพ Shapewear ที่ต้องการ และยังได้แพตเทิร์นดีไซเนอร์ฝีมือดีที่เชี่ยวชาญด้านสรีระคนเอเชียโดยเฉพาะมาสมทบอีก 1 คน เหมือนทุกอย่างจะง่ายขึ้นแล้ว เพราะคนผลิตก็มี ดีไซเนอร์ก็พร้อม แต่ไม่เลย ส่วนที่ยากและท้าทายของจริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นต่างหาก 

“Shapewear เป็น Foundation Piece ที่ต้องเข้ากับรูปร่างเราได้จริง โจทย์ของเราคือทำอย่างไรให้เก็บกระชับได้และใส่สบายด้วย สองอย่างนี้มันฟังดูไม่ไปด้วยกันเลย อยากสบายแล้วจะกระชับได้อย่างไร แน่นอนว่าถ้าทำแยกกันมันทำง่าย แต่พอเราจะเอาสองคุณสมบัตินี้มารวมกันมันเลยยาก นึกภาพว่าผ้าต้องบางเบาจะได้ใส่สบาย เพราะบ้านเราอากาศร้อน แต่ผ้าบาง ๆ ชิ้นนี้ก็ต้องมีแรงยืดมากพอที่จะเก็บกระชับได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งตะเข็บหนา ๆ อีก จะทำวิธีไหนได้บ้าง ความท้าทายมันอยู่ตรงนี้”

สร้างนิยามใหม่ให้ Shapewear ด้วยเทคโนโลยี

“Shapewear เป็นเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งก็จริง แต่ถ้าจะให้เก็บกระชับได้จริง เทคโนโลยีต้องถึง”  

1 ปีเต็ม คือระยะเวลาที่คุณเชอร์รี่ลองผิดลองถูก คิด ปรับ แก้ เพื่อให้ได้ Shapewear ที่สามารถแก้ปัญหาในวันนั้นให้ได้ วันที่เดินตามหาทั้งวัน หาเท่าไรก็เจอแต่ผ้าหนา ใส่แล้วเห็นตะเข็บ ใส่แล้วอึดอัดเหมือนใส่เสื้อเกราะจะไปออกรบ ทั้งที่แค่อยากสวยและมั่นใจก็เท่านั้นเอง 

“ชิ้นแรกที่เราพัฒนากันขึ้นมาได้คือ Seamless Classic ซึ่งเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดจนถึงทุกวันนี้ จำได้เลยว่าวันที่ได้ถืออยู่ในมือรู้สึกภูมิใจมาก ถ้าย้อนกลับไปวันที่เราจะใส่เดรสไปพรีเซนต์งานแล้วเรามีตัวนี้คือจบแล้ว ตอบโจทย์ได้ทุกอย่าง” 

แบรนด์ ‘Up&Under’ ที่คุณเชอร์รี่ลงมือทำเองตั้งแต่แรก ปลุกปั้นมากับมือ ได้ทลายทุกข้อจำกัดของชุดกระชับสัดส่วนแบบเดิม ๆ และได้สร้างนิยามของ Shapewear ขึ้นมาใหม่ด้วยเทคโนโลยีล้ำ ๆ มากมาย เพื่อตอกย้ำจุดยืนของแบรนด์ที่ต้องเก็บกระชับและใส่สบายไปพร้อมกัน 

“ปัญหาผ้าหนา ใส่แล้วไม่สบาย เราใช้เทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาผ้าจนตอนนี้เรามีผ้าเป็นของตัวเอง ชื่อ Air Lite บางสบายแต่มีแรงยืดสูงจนเก็บกระชับได้หมด ปัญหาผ้าหนาหมดไป Air Lite ของเราแก้ได้แล้ว มาถึงปัญหาตะเข็บที่หนาเหมือนชุดเกราะ ใส่แล้วเห็นรอยตะเข็บเต็มไปหมด เราก็มาคิดต่อว่าจะทำอย่างไรให้เก็บกระชับได้อย่างเรียบเนียน ตรงด้านในเราเลยใช้เทคโนโลยี 3D Bonding เป็นเหมือนผ้าตาข่ายบาง ๆ แล้วรีดด้วยความร้อนลงไปอีกทีให้เป็นเหมือน 2 ชั้นที่เก็บกระชับได้ พอใส่แล้วจะเรียบเนียน ไม่มีรอยเย็บให้เห็นเลย”
 

ความพิเศษของ ‘Up&Under’ ไม่ได้อยู่แค่ความบางเบาหรือความไร้ตะเข็บเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่ความคราฟต์เพื่อสาวเอเชียโดยเฉพาะ แน่นอนว่าต้องใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยอีกครั้ง

“วันที่เราเริ่มทำ ยังไม่มีแบรนด์ไหนเลยที่คิดมาเพื่อสาวเอเชียโดยเฉพาะ ซึ่งเอเชียเราแตกต่างจากฝรั่งทั้งรูปร่างและสภาพอากาศ เพราะฉะนั้นเราเลยตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อคนเอเชียไปเลย ไซซ์ต้องเป๊ะ แล้วประเทศแถบเอเชียส่วนใหญ่ร้อนหมด ถ้าต้องมาใส่ชุดกระชับสัดส่วนที่ขึ้นชื่อเรื่องความอึดอัดแล้วรู้สึกไม่สบายตัวก็คงยิ่งไปกันใหญ่ เราเลยคิดค้นเส้นใย Cooling Yarn ขึ้นมา อย่างบราของเราใส่แล้วจะรู้สึกเย็นลง 3 องศา สบายตัวด้วยเพราะไม่มีโครง วันที่จะทำบรา เชอร์รี่ปักไว้เลยว่าจะทำบราไร้โครงเท่านั้น แต่พอไม่มีโครง หลายคนก็กลัวว่าบราจะซัพพอร์ตหน้าอกไม่ได้ เราเลยต้องพัฒนากันต่อ จนได้มาเป็น Air-form Cup เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยระบายอากาศ ใส่แล้วเย็นสบาย ฟอร์มยังช่วยให้ทรงอกสวย เก็บกระชับได้เหมือนเดิม” 

เมื่อเทคโนโลยีทันสมัยผสานเข้ากับแพตเทิร์นที่ดีไซน์มาตามสรีระสาวเอเชียโดยเฉพาะ Up&Under ภายใต้การบริหารของคุณเชอร์รี่จึงสามารถสร้างนิยามใหม่ให้ Shapewear เป็นไอเทมทันสมัยได้จริงตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก

 

เพราะ Shapewear เป็นมากกว่าเสื้อผ้า ที่สามารถ ‘Empower Beauty’ ให้ผู้หญิงทุกคนได้ 

“เราไม่ใช่แบรนด์แฟชัน” คุณเชอร์รี่ย้ำให้ฟังถึงจุดยืนของ 'Up&Under’ ที่ไม่ได้ต้องการผลิตเสื้อผ้าสวย ๆออกมาแล้วจบไป แต่ต้อง เป็นแบรนด์ที่แก้ปัญหาได้จริง 

“ที่เราบอกว่า Empower Beauty ก็มาจากที่เราเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนสวยในแบบของตัวเองอยู่แล้ว เพียงแต่ Shapewear ของเรา เป็นของที่เข้ามาเสริมความมั่นใจให้เขาได้มั่นใจมากขึ้นไปอีก เหมือนเป็นการ Empower เพิ่มพลัง สวยอยู่แล้ว ยิ่งสวยเข้าไปอีก มั่นใจอยู่แล้ว ก็มั่นใจเพิ่มขึ้นอีก เพราะ Shapewear ของเราสามารถแก้ปัญหาให้เขาได้จริงๆ”

คงไม่มีอะไรที่จะยืนยันสิ่งนี้ได้ดีไปกว่าข้อความของลูกค้ารุ่นแรก ๆ ในวันที่แบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก

“เมื่อก่อนยังไม่มีทีม ต้อง ทำทุกอย่างเอง แพ็กของ ส่งของ ตอบแชท ทำคนเดียวหมด จำได้เลยว่ามีคนมาซื้อจะใส่ไปใส่ในวันแต่งงาน เราก็แนะนำเขาไปว่า เหมาะกับชุดแบบนี้ไซส์แบบนี้หลังจากนั้นเขาส่งรูปตัวเขาที่อยู่ในชุดเจ้าสาวกลับมา บอกว่าทั้งงานมีแต่คนชมว่าเขาสวยมากเลย เขารู้สึกขอบคุณที่เราคิดไอเท็มนี้ขึ้นมา เป็นอะไรที่รู้สึกมีความสุขมาก เหมือนเราได้รับรู้ว่าของของเราสามารถทำให้ผู้หญิงคนหนึ่ง รู้สึกมั่นใจ ทำให้เขามีช่วงเวลาดีๆในวันสำคัญของเขาได้” 

ที่จริงแล้ว Shapewear ของ 'Up&Under’ ไม่จำเป็นต้องรอใส่ในโอกาสสำคัญ ๆ อย่างงานแต่งงานเท่านั้น เพราะคุณเชอร์รี่สร้าง ขึ้นมาเพื่อให้สาวๆ ทุกไซส์ทุกวัย ทุกสีผิว ได้มั่นใจในทุกโอกาส 

“หลายคนเข้าใจว่าสาวพลัสไซส์น่าจะเป็นกลุ่มที่ซื้อเยอะสุด แต่จริงๆ แล้ว ลูกค้าไซส์ S กับ M จะเยอะกว่าอีก บางคนผอมแต่เขามี ส่วนเกิน อย่างเชอร์รี่ก็ไม่ได้เป็นคนที่อ้วน แต่ก็มีส่วนเกินที่ทำให้เราไม่มั่นใจอยู่ 'Up&Under’ เราไม่ได้ทำชุดกระชับสัดส่วนเพื่อให้ สาวไซส์ L ใส่แล้วเล็กลงกลายเป็นสาวไซส์ M หรือสาวไซส์ M ใส่แล้วลงมาเป็น S เพราะเราเชื่อจริง ๆ ว่าไม่ว่าจะไซส์ไหน ทุกคนก็ สวยได้หมด และสวยได้ในทุกวันด้วย เพราะเรามีเลเวลการเก็บกระชับหลายระดับ เก็บกระชับปานกลางแบบที่หยิบมาใส่ได้ทุกวัน ก็มีจะใส่ไปทำงานหรือไปเที่ยวก็ได้บางตัวคนซื้อไปใส่เป็น Biker Shorts ไว้ด้านนอกได้เลย หรือถ้าต้องออกงาน ก็มีเลเวลเก็บ กระชับที่เป๊ะขึ้น Shapewear ของเราเลยเป็นไอเท็มที่ Empower Beauty ได้จริงๆ” 

ย้อนไป 4-5 ปีก่อน ชุดกระชับสัดส่วนยังเป็นของคนแก่ ใส่แล้วรัดอึดอัดไปหมด แต่การเดินทางของ ‘Up&Under’ ตลอด 5 ปีที่ผ่าน มาทำให้วันนี้ Shapewear กลายเป็นไอเท็มที่...

อายุ 20 กว่าก็ใส่ได้ไม่ต้องรอแก่ 
ไซส์ไหนก็ใส่ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นสาวไซส์ใหญ่ 
วันธรรมดาก็ใส่ได้ไม่ต้องรอให้ถึงวันพิเศษ 

เป็นการเดินทาง 5 ปีที่คุณเชอร์รี่ได้สร้างภาพใหม่ให้ Shapewear ในบ้านเราได้อย่างสวยงาม ส่วนประเทศอื่น ๆ ในเอเชีย เชื่อเลยว่าจะต้องครองตลาดได้สำเร็จในเร็ว ๆ นี้แน่นอน เพราะผู้บริหารคนนี้ปักธงในใจแต่แรกแล้วว่า ‘Up&Under’ ต้องเป็นแบรนด์ Shapewear ที่เกิดมาเพื่อผู้หญิงเอเชียโดยเฉพาะ!