เชอร์รี่ ชีวประวัติดำรงค์ : นักเขียนสกุลไทยเพียงหนึ่งเดียวบนเครดิต ‘Family Guy’

 

“ในตอนนั้น เราก็เอาทุกอย่างมาเป็นมุก มาเป็นเรื่องตลกกันหมดเลย”

 

ไม่ว่าจะเป็นความฮาสุดไร้สาระของ ปีเตอร์ (Peter), เรื่องราวเสียดสีความเป็นผู้ใหญ่จากสุนัข ไบรอัน (Brian), ชีวิตเพลย์บอยสุดจะบรรยายของ แควกไมร์ (Quagmire) ทารกอัจฉริยะสุดฉลาดแกมโกงของ สตีวี่ (Stewie) หรือมุก Cutaway นานาครั้งที่เกิดขึ้นเมื่อปีเตอร์หวนนึกถึงอดีตที่เขาเคยทำ ก็ล้วนเป็นเสน่ห์สำคัญที่ทำให้แฟนคลับหลายคนหลงรัก แอนิเมชันซิตคอมสัญชาติอเมริกันนามว่า ‘Family Guy’

และหากใครที่เป็นแฟนคลับ Family Guy แน่นอนว่าต้องมีสักครั้งหนึ่งที่คุณน่าจะเคยสังเกตชื่อที่ปรากฏขึ้นมาในเครดิตตอนต้นว่า ‘Cherry Chevapravatdumrong’ ก็คงจะเกิดความสงสัยว่า นามสกุลนี้มันออกเสียงอย่างไร (และทั้งปีเตอร์หรือเรื่องราวของ Family Guy เองก็หยิบเอานามสกุลของเธอมากล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง) และถ้าเกิดว่าคุณคุ้นชินกับชื่อภาษาไทย แล้วลองได้อ่านนามสกุลดังกล่าวดู คุณก็คงสัมผัสได้ทันทีว่า 

ชีวประวัติดำรงค์… นี่มันนามสกุลไทยนี่หว่า!

The People ได้รับโอกาสอันดีในการสัมภาษณ์หญิงสาวเจ้าของชื่อนั้น เธอคือ ‘เชอร์รี่ ชีวประวัติดำรงค์’ (Cherry Chevapravatdumrong) ชาวอเมริกันเชื้อสายไทยที่เคยอยู่เบื้องหลังเรื่องราวหลากหลายตอนของ Family Guy โดยเราจะได้สัมภาษณ์ตรงกับเธอจาก Los Angeles ในหลากหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวเบื้องหลังการทำงานกับทีมงานในการสร้างสรรค์ Family Guy และเส้นทางอาชีพของเธอที่เริ่มจากการจบด้านกฎหมายและผันตัวเองและแหวกทางจนเป็นนักเขียนดังที่เรารู้จักกันในวันนี้

เบื้องหลังการทำงานกับ Family Guy

 

“ตอนทำ Family Guy เป็นอะไรที่โคตรสนุกเลย

หลัก ๆ ที่เราทำกันก็คือ นั่งในห้องและปล่อยมุกตลกกันทั้งวี่ทั้งวัน!”

 

ใครที่เป็นแฟนคลับ Family Guy ก็คงจะทราบดีถึงมุกจำนวนมากที่ปล่อยมาในทุก ๆ ตอนไม่ว่าจะผ่านบทพูดของตัวละครต่าง ๆ หรือเอกลักษณ์สำคัญอย่าง ‘Cutaway’ ก็คงไม่แปลกใจคำอธิบายของเธอถึงบรรยากาศในห้องทำงานของทีมงานเบื้องหลัง Family Guy ในช่วงการเขียนบทที่ ‘ปล่อยมุก’ กันทั้งวัน และเชอร์รี่ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วยเช่นเดียวกัน

เชอร์รี่เล่าว่าการได้มีโอกาสมาทำงานกับ Family Guy ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในอาชีพนักเขียนของเธอ และมันถือเป็นงานแรก ๆ ที่เธอได้มีโอกาสสำแดงฝีมือหลังจากเดินทางมาล่าฝันนักเขียนที่ Los Angeles เมื่อเรียนจบด้านกฎหมายที่นิวยอร์ก ซึ่งเราจะเล่าถึงเรื่องราวชีวิตของเธอในช่วงนั้นในหัวข้อถัดไป

ก่อนจะได้มีโอกาสมาทำงานเป็นนักเขียนบทอย่างเต็มตัวกับ Family Guy เชอร์รี่ได้ตระเวนทำงานด้านผู้ช่วยต่าง ๆ แขนง ไม่ว่าจะเป็นด้านของการผลิตรายการทีวี เอเจนซี่โฆษณา หรือแม้แต่ผู้ช่วยด้านการเขียนบท แต่การที่เธอได้มาทำงานกับ ‘เซท แมคฟาร์เลน’ (Seth MacFarlane) ในการสร้างสรรค์ Family Guy ถือเป็นสถานที่ที่เธอได้เฉิดฉาย เรียนรู้ และแจ้งเกิดจริง ๆ จัง ๆ

‘ในบรรดาตัวละครทั้งหลายจากเรื่อง Family Guy คุณชอบใคร?’ เราเอ่ยถาม ย่อมเป็นเรื่องดีที่จะได้ฟังความเห็นจากผู้เขียนเสียหน่อย ว่าหลังจากที่เคยอยู่เบื้องหลังและสร้างสรรค์นานหลายปี ตัวละครตัวไหนที่เธอมีใจให้เป็นพิเศษ

 

“ถ้าใน Family Guy ฉันขอยกให้ ‘สตีวี่’ เลย เรียกฉันว่า Stewie Girl ได้เลย

“ทีมนักเขียนของเราจะได้มีโอกาสเขียนเป็นตัวละครทุกตัว และเราก็จะมีคิดแกนหลักของเรื่องร่วมกัน ก็คือเมื่อถึงคิวคุณเมื่อไหร่ คุณก็จะได้โอกาสในการเขียนสคริปต์ทั้งหมดด้วยไอเดียของคุณเอง ซึ่งทำให้เรามีโอกาสลองสวมบทเป็นตัวละครทุกตัว

“แต่คนโปรดของฉันเสมอมามีอยู่เพียงคนเดียว ซึ่งก็คือ Stewie… ฉันเป็นแฟนคลับเขาตั้งแต่ก่อนมาทำงานอีกนะ พอได้มีโอกาสมาเป็นนักเขียนก็ยังคงชอบอยู่ เขาตลกจะตาย แถมน่ารักอีก จะไม่ให้ชอบได้ไง”

 

Family Guy ถือเป็นแอนิเมชันซิตคอมที่กลายเป็นผลงานสำคัญของเชอร์รี่ แต่กว่าเธอจะถูกจดจำในฐานะนักเขียนบทภาพยนตร์และซีรีส์สายตลกอย่างเต็มตัว เธอต้องต่อสู้อย่างหนักเลยทีเดียว โดยเฉพาะกับการที่เธอเรียนจบด้านกฎหมายมาโดยตรง 

 

เส้นทางกว่าจะได้มาเขียนของนักเรียนกฎหมาย

 

“

ความยากของการเรียนนิติฯ คือมันโคตรจะยาก!

”

 

ถึงแม้ว่าชื่อของ เชอร์รี่ ชีวประวัติดำรงค์ จะถูกจดจำในฐานะนักเขียนและผู้ผลิตซีรีส์โทรทัศน์มากมาย แต่เธอก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เส้นทางของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และหนทางเส้นที่เธอเลือกเดินในตอนแรกเริ่มก็ไม่ใช่เส้นที่จะพาเธอมาถึงจุดที่เธอยืนอยู่ทุกวันนี้

เชอร์รี่ค้นพบตัวตนของเธอว่าอยากเป็นนักเขียนตั้งแต่ในช่วงที่เธอศึกษาอยู่ในชั้นปริญญาตรีที่คณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเยล (Yale University) ในช่วงเวลานั้นเธอได้เขียนคอลัมน์ลงในนิตยสารของมหาวิทยาลัย แต่ภายหลังจากจบการศึกษา เธอกลับไม่ได้เลือกที่จะเดินต่อในสายทางที่จะพาเธอไปเป็นนักเขียน แต่เธอเลือกที่จะศึกษาต่อในด้าน ‘กฎหมาย’ เพราะพ่อและแม่ของเธออยากให้เธอเรียนต่อ

 

“แม้ว่าฉันรู้ว่าเป้าหมายของฉันคือการอยากเป็นนักเขียนบท แต่ฉันไม่รู้จักใครในวงการเลย ไม่มีคอนเนกชั่นในฮอลลีวูดเลย ฉันเลยคิดว่าเรียนกฎหมายก็ไม่เลว โดยเฉพาะถ้าได้เรียนที่เมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ก

“ในตอนนั้นฉันคิดว่าถ้าอยากเรียนรู้งานสายนี้ให้มากขึ้น การที่ได้ย้ายจากเมืองเล็กเข้าไปอยู่เมืองใหญ่ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ฉันจะได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นและหาช่องทางในการเรียนรู้อะไรต่าง ๆ เกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่ฉันสนใจด้วย มันน่าจะเป็นก้าวแรกที่ดี”

 

นี่จึงเป็นเหตุผลที่เธอตัดสินใจเก็บกระเป๋าย้ายจากเมืองเล็กมุ่งหน้าไปสู่เมืองใหญ่เพื่อไปใช้ชีวิตและเติบโตให้มากกว่าเดิม และมุ่งมั่นตั้งใจเรียนกฎหมายให้สำเร็จดังเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ แต่แม้ว่าเธอจะเลือกเรียนนิติศาสตร์ กฎหมายก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่เธอไขว่คว้าหาความรู้

เชอร์รี่เล่าว่าเธอได้มีโอกาสเขียนบทละครเพลง แนวตลก ให้กับ ‘Law Reveu’ ซึ่งเป็นละครคณะนิติศาสตร์ของ New York Univesity (NYU) ที่จะมีการจัดขึ้นในทุก ๆ ปี และประสบการณ์ตรงนั้น ที่ทำให้เธอได้ลองเขียนบทละครอย่างจริงจัง และได้ลองสร้างสรรค์มุกต่าง ๆ ที่ทำให้ผู้คนได้แสดงมันออกมาจริง ๆ บนเวที 

นอกจากเขียนบทให้ละครคณะแล้ว เธอก็ยังลงเรียนด้านการเขียนบทที่มหาวิทยาลัยอีกด้วย และในหลาย ๆ ครั้ง ศาสตราจารย์ก็อนุญาตให้เชอร์รี่ได้ลองเข้าไปดูการทำงานและเวิร์กชอปจริง และถึงขั้นว่าให้เธอลงเรียนบางวิชาจากคณะภาพยนตร์อีกด้วย แม้ว่าเธอไม่ได้ลงเรียนกับคณะโดยตรงก็ตาม การเก็บเล็กผสมน้อยของประสบการณ์รายทางของเธอตรงนี้จึงแปรเปลี่ยนเป็นรากฐานที่สำคัญให้กับเส้นทางฝันของเธอในอนาคตอย่างปฏิเสธไม่ได้

 

“แต่แม้ว่าเส้นทางล่าฝันในฮอลลีวูดของฉันเริ่มต้นขึ้นแล้ว มันก็ยังเป็นบทพิสูจน์ที่โคตรหินอยู่ดีที่จะสามารถทลายกำแพงเข้าไปเดินสายนักเขียนได้อย่างเต็มตัว เพราะบอกตามตรง ตอนนั้นโอกาสในงานสายนี้ก็น้อยและริบหรี่

“และอย่างที่ฉันบอก ฉันไม่รู้จักใครในอุตสาหกรรมเลย ฉันต้องหารูมเมทมาหารห้องผ่าน Craiglist ฉันต้องหางานผ่านอินเทอร์เน็ต ฉันต้องเริ่มต้นจากศูนย์ ซึ่งมันเป็นอะไรที่หินมาก ๆ”

 

แต่เชอร์รี่ก็เล่าว่า แม้เธอต้องเผชิญกับบทพิสูจน์สุดหินที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถก้าวข้ามผ่านมันไปได้หรือเปล่า เธอก็ยังมีพ่อและแม่ที่คอยสนับสนุนเธออย่างเต็มที่ แม้ว่าพวกเขาจะอยากให้เธอเป็นนักกฎหมายก็ตาม

 

“ตอนที่ฉันตัดสินใจว่า ‘ฉันจะเป็นนักเขียน’

พวกท่านสนับสนุนฉันแบบสุด ๆ เลย ถึงขนาดให้รถคันเก่าของพวกเขาเลยนะ”

 

และหลังจากนั้น เธอก็ได้เดินตามฝันไปสู่บนเส้นทางนักเขียน จนท้ายที่สุดก็ได้บรรจบกับโชว์ที่มีนามว่า Family Guy ดังที่เราได้เอ่ยถึงไปข้างต้น

 

Joy Ride ผลงานภาพยนตร์ชิ้นใหม่ล่าสุดที่ถอดออกมาจากชีวิตจริง

“Joy Ride เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มเพื่อนสาวสุดเฟียสที่บังเอิญได้ไปตะลุยกับทริปในประเทศจีน

และความบันเทิงสุดหฤหรรษ์ก็บังเกิด”

 

 

เป็นการกลับมาอีกครั้งกับผลงานที่น่าจับตามองกับภาพยนตร์เรื่องใหม่แกะกล่องเรื่อง ‘Joy Ride แก๊งตัวเจ๊ เฟียสกีข้ามโลก’ ผลงานที่ เชอร์รี่ ชีวประวัติดำรงค์ ลุยเขียนบทคู่กับ ‘เทเรซา เชา’ (Teresa Hsiao) เพื่อนซี้ของเชอร์รี่ ที่ร่วมมือกันเพื่อกลั่นเอาประสบการณ์ของชาวเอเชีย-อเมริกันมากลั่นเป็นความฮาและนำเสนอมันในภาพยนตร์ที่จะถูกถ่ายทอดผ่านมุมของผู้กำกับมือดีเจ้าของผลงานการเขียนบท Crazy Rich Asians อย่าง ‘อะเดล ลิม’ (Adele Lim) กับภาพยนตร์เรื่องนี้

ไม่เพียงแค่ความฮาเท่านั้นที่เป็นคุณลักษณะที่น่าสนใจของภาพยนตร์เรื่อง Joy Ride แต่เหล่านักแสดงทั้ง 4 คนก็ประกอบไปด้วยนักแสดงหญิงเชื้อสายเอเชียทั้งหมด ตั้งแต่ แอชลีย์ พาร์ค (Ashley Park) จาก Emily in Paris และ Beef, เชอร์รี่ โคล่า (Sherry Cola), สเตฟานี ชู (Stephanie Hsu) จาก Everything Everywhere All At Once และท้ายที่สุด ซาบรินา วู (Sabrina Wu) นักพูดยืนเดี่ยวสายฮา

 

“ใช่เลย! แต่จริง ๆ แล้วทีแรกเราไม่ได้ตั้งต้นด้วยเหตุผลนั้นหรอกนะ

เราไม่ได้อยากจะยัดเยียดความเป็นเอเชียให้ผู้ชมคนไหนเลย

เราแค่อยากทำหนังดีที่โคตรฮาออกมาเท่านั้นเอง”

 

คือคำตอบของเชอร์รี่เมื่อ The People เอ่ยถามถึงการสร้างพื้นที่ให้นักแสดงชาวเอเชียให้มีที่ทางในฮอลลีวูดมากขึ้น ว่ามันเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ทางทีมผู้สร้าง ซึ่งมีเธอเป็นหนึ่งในนั้นด้วย คาดหวังหรือเปล่า เพราะนักแสดงส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครหลักหรือประกอบ หรือแม้แต่เรื่องราวและสถานที่ภายในเรื่อง ก็ล้วนเป็นเอเชียหมดทั้งสิ้น 

 

 

“เราเขียนเรื่องราวนี้มาจากชีวิตของพวกเราและเพื่อนของพวกเรา ซึ่งเป็นเรื่องราวของชาวเอเชีย และเอเชีย-อเมริกัน มันเลยไม่แปลกที่ตัวละครทั้งหมดจะเป็นเอเชียน่ะ ก็นั่นมันเป็นเรื่องราวที่เราถนัดจะเล่า ก็คือเราไม่ได้อยากจะยัดเยียดชาวเอเชียให้ทุกคนเห็นหรอก แต่การที่หนังเรื่องนี้มันทำให้ใครหลายคนได้เห็นศักยภาพของชาวเอเชีย มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีเอาเสียมาก ๆ”

 

สิ่งที่เชอร์รี่อยากจะนำเสนอจึงไม่ใช่การออกมาป่าวประกาศว่าชาวเอเชียควรได้รับแสงเทียบเท่ากับคนอื่น ๆ แต่เธอและเพื่อนของเธอแค่อยากจะสร้างสรรค์เรื่องฮาจากประสบการณ์ส่วนตัวของเธอ หรือจากเรื่องราวและผู้คนที่เธอคุ้นเคยเท่านั้นเอง เป็นการนำเสนอรสชาติใหม่จากวัฒนธรรมชาวเอเชียให้ชาวสากลโลกได้ลิ้มลอง ว่าเรื่องราวของชาวเอเชีย ก็เฟียส ก็ฮา ก็บ้า ก็สุด ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเมื่อมันถูกเล่าผ่านตัวแม่ทั้ง 4 ในเรื่อง

“ถ้าจะไปดูก็อย่าลืมควงเพื่อนไปด้วยนะคะ เพราะบอกเลยว่าหนังเรื่องนี้ จะให้ฮาคูณสองต้องไปดูกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน และแน่นอนว่าชาวเอเชียคงจะขำก๊ากกรามค้างกับหลาย ๆ อย่างในภาพยนตร์เรื่องนี้แน่ ๆ เพราะมันจะใกล้ตัวคุณเป็นอย่างมากเลยละ”

 

ภาพ : Getty Images / IMDb / Family Guy