06 พ.ย. 2566 | 15:34 น.
- ส้ม คือหนึ่งในตัวละครหลักของ RedLife เด็กมัธยมปลายที่ไม่กล้าบอกใครว่า แม่เป็นโสเภณี
- ส้มเป็นบทบาทแรกในฐานะนักแสดงภาพยนตร์ของ ‘ซิดนีย์’ สุพิชชา สังขจินดา
- แม้ชีวิตส้มจะแตกต่างจากชีวิตจริง แต่สิ่งที่เธอได้เรียนรู้จากภาพยนตร์เรื่องนี้คือ บางครั้งโลกมันไม่ได้สวยเหมือนที่เราเข้าใจ และมีอีกหลายอย่างที่เราอาจมองข้ามไป
ในภาพยนตร์เรื่อง RedLife ‘ส้ม’ คือเด็กมัธยมปลายที่เหงา โดดเดี่ยว และต้องการหนีออกจากสังคมที่กำลังเจออยู่ ทั้งบ้านหลังเก่า ภาวะไร้ตัวตนในโรงเรียน และความลับที่แม่เป็นโสเภณี
และ ‘ส้ม’ ก็ยังเป็นบทบาทแรกในฐานะนักแสดงภาพยนตร์ของ ‘ซิดนีย์ - สุพิชชา สังขจินดา’ ที่เคยผ่านงานถ่ายแบบและเล่นมิวสิกวิดีโอมาก่อน
แม้จะเป็นคนเดียวกัน แต่ชีวิตของส้มกับซิดนีย์นั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ขณะเดียวกัน ส้มกลับพาให้นักแสดงหน้าใหม่คนนี้เรียนรู้ว่า ‘โลกมันไม่ได้สวยเหมือนที่เราเข้าใจ’ และยังมีเรื่องราวอีกมากมายในชีวิตที่เธอ รวมถึงใครอีกหลายคน และอีกหลายเรื่องที่เราอาจมองข้ามไป
The People : ทำไมคุณถึงเลือก ‘RedLife’ เป็นหนังเรื่องแรกในชีวิต
ซิดนีย์ : คงเพราะได้อ่านบท ซึ่งเราตื่นเต้นมาก ๆ แล้วบทก็ยากด้วย มันดูเป็นหนังชีวิต ตอนแรกก็ยังไม่ได้คิดว่าจะรับ 100 เปอร์เซ็นต์ จนได้รู้ว่ามันมีเรื่องราวแบบนี้อยู่จริง แค่ที่ผ่านมาเราไม่เคยได้สัมผัส สนใจ หรือไม่เคยรับรู้ เพียงเพราะว่าสังคมที่เราอยู่นั้นแตกต่างกัน อีกอย่างคือ เราสัมผัสได้ว่าหนังเรื่องนี้มีความเป็นมนุษย์สูงมาก ๆ
The People : การได้รับรู้ชีวิตของผู้คนและสังคมในอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างจากสังคมที่เราเติบโตมา ส่งผลกระทบอย่างไรต่อตัวคุณบ้าง
ซิดนีย์ : เปลี่ยนแปลงเยอะ ยิ่งพอเราลงไปสัมผัสผู้คนในพื้นที่ตรงนั้นก็พบว่าจริง ๆ แล้วทุกคนน่ารักมาก และต่างก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีโอกาสไม่ได้มากเท่ากับเรา พอเราเข้าไปคลุกคลีมากขึ้น มันก็กลายเป็นความเคยชิน ไม่ได้รู้สึกแปลกแยกเลย
The People : จากจุดนั้น คุณพาตัวเองเข้าสู่กระบวนการทำความเข้าใจ ‘ส้ม’ อย่างไร
ซิดนีย์ : จากนั้นเราก็เริ่มเวิร์กช็อป ซึ่งบอกตามตรงว่าเรามือใหม่มาก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเข้าไปเป็นตัวละครได้ยังไง แค่รู้ตัวอีกทีเราก็ไม่ได้เป็นซิดนีย์แล้ว แต่กลายเป็นส้มไปโดยปริยาย เราลองเป็นส้มในสถานการณ์ต่าง ๆ จนเริ่มรู้สึกว่า อยากขยับเข้าไปนั่งใกล้ ๆ ‘แม่อ้อย’ เพราะเชื่อว่าเขาเป็นแม่ หรือกระทั่งคำพูดที่เราตอบแม่อ้อยไปก็ไม่ใช่สิ่งที่ซิดนีย์จะตอบอีกแล้ว แต่คือคำพูดของส้มจริง ๆ
The People : ‘ซิดนีย์’ เป็นอย่างไร แล้ว ‘ส้ม’ เป็นอย่างไร
ซิดนีย์ : ซิดนีย์กับส้มแตกต่างกันคนละขั้ว เหมือนฟ้ากับเหว เราเลยรู้สึกว่าการเป็นส้มมันง่ายมาก เพราะเราไม่เหมือนกัน ส้มค่อนข้างจะเป็นคนอินโทรเวิร์ต พูดน้อย ไม่ค่อยคุยกับใคร ต่างจากซิดนีย์ที่พูดมาก เจอใครก็คุยด้วยง่าย ซึ่งพอเราต่างกันมาก มันก็เลยง่าย ยิ่งเล่นเป็นส้มก็ยิ่งทำให้รู้เลยว่าจริง ๆ แล้วซิดนีย์เป็นคนยังไง
The People : แทนที่จะเล่นเป็นตัวละครที่คล้ายกับตัวเอง แต่เล่นเป็นตัวละครที่ต่างจากตัวตนสุดขั้ว ง่ายกว่า?
ซิดนีย์ : มันสนุกกับการเล่นเป็นขั้วตรงข้าม เพราะมันไม่มีเราอยู่ในนั้นและเข้าถึงส้มในแบบที่ตัวเองสร้างขึ้นมา
The People : เคยรู้สึกว่าตัวเองจมไปกับตัวละครมาก ๆ ไหม
ซิดนีย์ : ไม่ถึงกับจมหรอก แต่เป็นความรู้สึกว่า โห…คิดถึงส้มจัง จากที่เราเป็นคนเอ็กซ์โทรเวิร์ต เฮฮา ต้องออกไปหาเพื่อนเพื่อจะได้มีความสุข พอได้ลองเป็นส้มเราเลยได้รู้ว่า ความสุขของการอยู่เงียบ ๆ เป็นยังไง
The People : อยากรู้ว่าซิดนีย์เป็นนักแสดงแบบไหน คุณเป็นนักแสดงที่สั่งปุ๊บแล้วเล่นได้เลย หรือต้องการเวลาในการเข้าถึงตัวละครก่อน
ซิดนีย์ : ครึ่ง ๆ กลาง ๆ จริง ๆ ไม่ได้ต้องบิวต์อะไรมาก เพราะเราจะทำการบ้านมาทุกครั้ง พอไปถึงหน้างานมันเลยจำได้ทุกอย่างว่าต้องทำอะไร พอ 5 4 3 … เราก็จะเปลี่ยนเป็นส้มโดยอัตโนมัติ เข้าทรงเลย ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหน้า หรือกล้ามเนื้อร่างกาย ก็จะกลายเป็นส้มไปเลย
ข้อดีอีกอย่าง คือหนัง RedLife ถ่ายเรื่องเรียงกันหมดเลย พอเป็นแบบนี้ มันก็เหมือนได้ใช้ชีวิตจริง ๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ เติบโตไปด้วยกัน พอเล่นในฉากต่อ ๆ ไป เราก็หยิบความทรงจำเหล่านั้นมาใช้ โดยไม่ต้องอาศัยการจินตนาการใหม่
The People : ใน RedLife ตัวละครต่าง ๆ ล้วนมีเฉดสีของความรักที่แตกต่างกัน คุณมองว่าเฉดสีความรักของส้มเป็นแบบไหน
ซิดนีย์ : เรามองว่าความรักของส้มเป็นเรื่องง่าย ๆ ส้มแค่ต้องการใครสักคนที่อยู่ด้วยแล้วเป็นตัวเองได้ ในแบบที่เราไม่เคยเป็นมาก่อน การตกหลุมรัก ‘พีช’ มันอาจเป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของความชอบ แต่เรารู้สึกว่า เวลาที่ส้มอยู่กับพีชแล้วมันเป็นตัวเอง สบายใจ มีเรื่องให้อยากพูดและกล้าที่จะพูดมันออกไป
พีชพาส้มไปเจอโลกใหม่ ๆ ซึ่งอะไรเหล่านี้หาไม่ได้จากแม่ของตัวเอง เมื่อส้มไปเจอความรักที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ จริง ๆ จุดเปลี่ยนเรื่องความรักของส้มมันมีแค่นั้นเลย
The People : แล้วมุมมองความรักของซิดนีย์เป็นแบบไหน
ซิดนีย์ : เราก็มองเหมือนส้มนะ ไม่อยากคิดอะไรให้ซับซ้อน อยากอยู่กับใครสักคนที่สบายใจและพร้อมที่จะซัพพอร์ตกันและกัน
The People : แปลว่าส้มกับซิดนีย์ก็ยังมีมุมมองบางอย่างคล้ายกัน อย่างน้อยก็ในเรื่องมุมมองความรัก?
ซิดนีย์ : ใช่ค่ะ ก็จริงนะ ความรักมันก็แค่นั้นเอง
The People : ‘RedLife’ เป็นหนังเรื่องแรกในชีวิต คุณคาดหวังว่าคนดูจะจดจำคุณแบบไหน
ซิดนีย์ : ไม่เคยคิดเลย แล้วก็ไม่เคยคาดหวังด้วยว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน
The People : สิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากการเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้คืออะไร
ซิดนีย์ : คุณค่าความเป็นมนุษย์นี่แหละ
The People : สายตาที่คุณมองสังคมเปลี่ยนไปอย่างไร
ซิดนีย์ : เปลี่ยนไปเยอะเลย เพราะโลกมันไม่ได้สวยเหมือนที่เราเข้าใจ เราอยู่ในสังคมแคบ ๆ มันทำให้เรามองเห็นว่า จริง ๆ แล้วยังมีอะไรอีกมากมายที่เราไม่เคยมองเห็นหรือมองข้ามไป
The People : ถ้าคุณมีโอกาสได้นั่งคุยกับส้ม คุณจะบอกอะไรกับเธอ
ซิดนีย์ : เรามีคำเดียวเลย ‘เก่งมาก’ ส้มเก่งมากที่ใช้ชีวิตและอดทนมาได้ขนาดนี้
ภาพ : BrandThink Cinema