22 พ.ย. 2566 | 14:11 น.
“ไอดอลฉันก็เอา วงดนตรีฉันก็จะเอา นึกออกป่ะ...เราอาจจะเคยได้ยินเพลงดังหลาย ๆ เพลง แต่เราไม่รู้หน้าศิลปินก็มี เราอาจจะรู้หน้าเขา แต่(สงสัย)ร้องเพลงอะไรวะก็มี เพราะฉะนั้น คริสว่าอันนี้เป็นแต้มต่อด้วยซ้ำในการเกี่ยวทั้ง 2 ถนนไว้ด้วยกัน”
‘คริส หอวัง’ พูดถึงไอเดียการปั้นศิลปินกลุ่ม HAVE A NICE DAY แห่งค่าย 2FLOW Entertainment ซึ่งคริส หอวัง นั่งเป็น Label Director / Executive Producer
คนส่วนใหญ่น่าจะจดจำภาพของ คริส หอวัง ได้จากบท ‘เหมยลี่’ ใน ‘รถไฟฟ้า มาหานะเธอ’ (2552) บทบาทของคริส หอวัง ในเส้นทางชีวิตที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความหลากหลาย ตั้งแต่ครู นักแสดง ดีเจ และล่าสุดคือร่วมทำค่ายเพลง 2FLOW Entertainment ค่ายเพลงที่มี DNA เฉพาะตัวจากมุมมองของคริส ที่เชื่อว่า “ศิลปินไม่ใช่ตุ๊กตา”
ค่าย 2FLOW นำเสนอศิลปินมาแล้วอย่าง THI-O & TUTOR ที่ปล่อยซิงเกิ้ลมาหลายผลงาน ขณะที่สถานการณ์ทางธุรกิจบันเทิงโดยเฉพาะอุตสาหกรรมดนตรีในไทยยุคที่คำว่า T-Pop ถูกพูดถึงมาก ศิลปินที่ค่ายนี้และคริส หอวัง ร่วมนำเสนอมีศิลปินที่ผสมผสานระหว่างไอดอล กับวงดนตรี กลายเป็น Idol Band ชื่อวงว่า HAVE A NICE DAY
นักแสดงสาวคนดังให้สัมภาษณ์กับเราว่า แนวคิดทำวงนี้คือ “ไอดอลฉันก็เอา วงดนตรีฉันก็จะเอา” เนื่องจากเห็นทั้งความสามารถของน้อง ๆ ควบคู่ไปกับภาพลักษณ์ที่เฉพาะตัวของสมาชิกคนรุ่นใหม่
คริส หอวัง ที่มีงานบันเทิงและการแสดงต่อเนื่อง คิดอย่างไรถึงมาทำงานค่ายเพลง ปั้นศิลปินออกสู่ตลาดที่เต็มไปด้วยความท้าทายที่สุดอีกชนิดในหมู่อุตสาหกรรมบันเทิง ติดตามจากบทสัมภาษณ์พิเศษชิ้นนี้
The People: อยากให้เล่าถึงงานแสดง งานดนตรีที่ทำให้คนรู้จักคริส หอวัง แล้วมาทำเป็นค่ายเพลงได้อย่างไร ทำไมถึงสนใจค่ายเพลง
คริส หอวัง: คือจริง ๆ เริ่มอย่างนี้ดีกว่า หลายคนถามคริสว่า เฮ้ย ทำค่ายเพลง 2FLOW มันเปลี่ยนไปเลย เปลี่ยนทางไปเลย คริสเป็นนักแสดงหนิ สุดท้ายคริสมานั่งคิดนะว่า วันนี้คริส อายุ 42 ณ วันนี้เราจะแสดงต่อไปเรื่อย ๆ ไหม อันนี้เมื่อปีที่แล้วที่คิด เราจะแสดงอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไหม มันเหนื่อยนะเล่นละคร
แต่ถามว่า คริสต้องขอขอบคุณโอกาสทั้งหมดที่ให้คริสมาในชีวิต คืออาชีพคริส ตั้งแต่เด็กจนโตมันเกิดขึ้นไม่ได้ค่ะคืออยากทำก็ทำไม่ได้ ถ้าไม่มีใครให้โอกาส ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ทุกคนให้โอกาสคริสมาหมดเลย แล้วคริส ก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์เหล่านั้นมา ทุกอย่างมันก็จะมารวมอยู่ในตัวของคริส คราวนี้ประสบการณ์มันก็เป็นสิ่งที่ซื้อไม่ได้ บางอย่างประสบความสำเร็จ บางอย่างไม่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจหรือเรื่องการเรียนรู้อะไรก็แล้วแต่ คือเราก็เรียนรู้ไปแล้วมัน ทุกอย่างมันก็จะ absorb (ซึมซับ) เข้ามาอยู่ในร่างของเรา
แล้วเราก็จะเรียนรู้ไปไม่ว่าจะเป็นเรื่องความรัก เรื่องการใช้ชีวิตอะไรก็แล้วแต่มันเป็นคำว่าประสบการณ์ คราวนี้คริสมานั่งนึกปีที่แล้วว่าแบบ เฮ้ย เราอายุเท่านี้แล้ว เรามีความคิดว่า เราอยากจะทำนั่นทำนี่ทำนู่น อยากจะทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เรารู้สึกว่าเราชอบ enjoy เฮ้ย แต่มันมีอย่างหนึ่งที่คริสเป็นตั้งแต่เด็กเลย น้องพลอยก็ดุ อย่าเรียกว่าดุ เรียกว่าด่าดีกว่า เป็นคนแบบจัดแจง ชอบจับแจง เป็นประสาทเสีย เป็นแบบว่าจัดแจง สมมติไปกินข้าวกับครอบครัวอย่างนี้ ก็จะเป็นแบบว่าทำไมพลอยไม่นั่งรถคันนี้กับปะป๊า แล้วทำไมเดี๋ยวคริสจะขับรถคันนี้ของแม่ไปอะไรอย่างนี้คือจัดแจง คือมันเลยกลายเป็นว่า เฮ้ย เราคิดว่าเดี๋ยววันนึงเรามีไอเดียเนาะ เรามีเรื่องที่เราอยากเล่า คอนเซปต์ที่เราอยากเล่า วันนี้เราอยู่ตรงนี้เราอยากทำหนังบ้าง เราอยากโปรดิวซ์หนังบ้าง อันนี้ก็ดำเนินไป คริสอยากทำเรื่องเสื้อผ้าเนี่ยวันนึง…กำลังจะ make บริษัทขึ้นมาอันนึงเกี่ยวกับเรื่องเสื้อผ้า เรื่องการแบบว่า sustainable ของโลกใบนี้
เสร็จแล้วอยู่มาวันหนึ่ง ปีที่แล้วคุณเอก้า ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ของรายการชื่อว่า The Two ที่เป็นรายการที่ Workpoint ค่ะ เป็นรายการแบบก็ Survival เนาะ ค้นหาน้อง ๆ ที่มีความสามารถ แล้วก็สุดท้ายแล้วก็จะชนะเป็นรายการชื่อ The Two ก็คือจะได้ 2 คนที่มาทำ Duo คริสก็อินมากเลย ด้วยความที่ตัวเองเคยเป็นครู ตัวเองเคยเป็นดีเจ ตัวเองเคยแสดงบนเวที ตัวเองเคยใกล้ชิดกับศิลปินเนาะ แล้วก็ตัวเราเองไปเรียน ตอนที่ไปเรียนที่อเมริกาก็ได้ไปเรียน Performing Arts ซึ่งกลายเป็นว่าเราเป็นคนที่ยืนอยู่ทั้งหน้ากล้อง ยืนอยู่บนเวที คือหน้ากล้องกับบนเวทีไม่เหมือนกันนะ
เหมือนละครเวทีหรือว่าการแสดงบนเวทีเพื่อคนดู live กับการแสดงอยู่หน้ากล้องก็เป็นอีกแบบอะไรอย่างนี้ค่ะ ซึ่งก็โชคดีมีโอกาสได้รับสิ่งเหล่านั้นเข้ามาในร่าง พอเอก้า มาชวนว่าเนี่ยเดี๋ยวจบ The Two เหมือนผู้ใหญ่เขาถามขึ้นมาว่า ทำค่ายไหม เด็ก น้อง ๆ เหล่านี้มันจะหายไปเลยเหรอ เราทำยังไงกันดีอะไรอย่างนี้ คริส สนใจอยากทำไหมเพราะเห็นคริสอินมาก เห็นคริสแบบโค้ชน้อง เห็นคริสคอมเมนต์น้อง แล้วคริสแบบต้องอย่างนั้นอย่างนี้ คือคริส จริง ๆ คือความเป็นครูของคริส ที่เป็นเด็ก ๆ ตอนที่คริสเด็กแล้วเรียนจบปุ๊บ คริสเป็นครูมา 10 ปีก่อนที่คริสจะเข้า Entertainment พอเข้า Entertainment เกิดได้โอกาสมันพลุแตกขึ้นมาจากเหมยลี่อย่างนี้ ทำงานไป ๆ ทำงานหลายหลากมากเลย
มีคนชวนให้เป็นโค้ชของ The Face แล้วก็เป็น Judge รายการเหล่านี้เรื่อย ๆ มา เป็น Thailand’s Got Talent เป็นอะไร ๆ ใด ๆ เอก้าเขาก็เลยคงชวนคริสมั้ง เห็นคริสอิน คริสก็ อุ้ย นอนไม่หลับเลยตื่นเต้นมาก มีคนเคยชวนคริสไปเป็นผู้จัดละครนะ คริสก็ยังพูดเฉย ๆ เหมือนยังไม่ค่อยพร้อมอะไรอย่างนี้ แต่พอเอก้าชวนเรื่องค่ายเนี่ย นอนไม่หลับไป 3 วัน เฮ้ย ทำไม ทำไมกูอยากทำจังวะ มันรู้สึกแบบ โอ่ย ตื่นเต้นอะไรอย่างนี้ ก็เลยมานั่งย่อยกับตัวเองว่า อ๋อ มันเพราะว่าเราคงแบบเคยเป็นดีเจมาเนาะ ไอ้ช่วง 10 ปีที่เป็นครูสอนเต้นรำเนี่ย ก็เป็นดีเจไปด้วย ซ้อนไปอีก 8 ปี เราก็ได้อยู่ในวงการ
พี่พี่ก็สอนคริสเยอะมากในช่วงเวลานั้น เราไม่ได้เป็นแค่ดีเจเราไปลงสนามกับเขาด้วย เราได้เห็นการทำงานของคลื่นวิทยุ การคลุกคลีกับศิลปินอะไรอย่างนี้ค่ะ มันมันมากเลย มันอยากทำมากเลย 2FLOW ก็เลยเข้ามาคุยรายละเอียดเพิ่มเติมอะไรอย่างนี้
สุดท้ายแล้วเอก้าจะเป็นคนที่เซ็นน้อง ๆ เข้ามา คือหมายความว่าเขาคัดเลือกเข้ามาเป็น Trainee ในค่าย แล้วหลังจากนั้นน่ะคริสก็นั่งคุยกันค่ะว่า เราทำในส่วนไหนกันดี ค่ายเพลงมันไม่ง่ายเนาะ มันไม่ง่ายจริง ๆ คือคริสก็เป็นคนใหม่ โห วงการนี้มันมีแต่คนเก่ง เก่ง ทุกคนเก่งหมดเลย คือเบื้องหน้าและเบื้องหลังทุกคนเก่งหมดเลย เราจะทำไงกันดี สิ่งหนึ่งที่คริสให้ได้คือ Production Creative ก็เลยกลายเป็นชื่อว่า Position ของคริสคือ Executive Producer โปรดิวซ์ได้เหรอ เพลงเหรอ แต่คริสรู้ว่าอันไหนโอเค อันไหนดี คริสอยากให้ไปอันไหน ในทาง creative คริสเห็นทุกอย่างเป็นภาพอยู่แล้ว ด้วยนิสัยของตัวเองตั้งแต่เด็กที่เทรนมาหรืออะไรก็แล้วแต่ เห็นทุกอย่างเป็นภาพ ก็เลยบอกเอก้า เฮ้ย เอก้า คริสขอ Position นี้แล้วกัน คือเป็น Director label Director ด้วย แล้วก็เป็นอยู่ในพาร์ทของ Executive Producer ในที่นี้หมายความว่าครีเอท
เพราะฉะนั้น ในส่วนของการเซ็นเด็กเข้ามาหรือการเฟ้นหาน้อง ๆ ที่มีความสามารถแล้วก็ Training เมื่อ Training เสร็จปุ๊บ วงนี้พร้อมแล้ว คริสไปดู คริสคิดว่าเขาจะทำอะไรต่อ เขาไปทิศทางไหนดี Target เป็นใคร เราทำอะไรกับเขาดี เพลงเขาเป็นแบบไหน เขาชอบหรือยัง แล้วเดี๋ยวเราจะขายเขาแบบนี้ หลังจากนั้นพอคริสผลิตเสร็จปุ๊บ ฝ่ายขาย ฝ่ายโปรโมตเขาก็เอาไปทำ อันนี้คริสก็เลยบอกว่า ทำอย่างนี้คือทำ จบ
The People: จริง ๆ มีนักแสดงหรือว่าคนที่อยู่ในวงการบันเทิงมาทำค่ายเพลงกันอยู่ประมาณนึง ที่เคยคุยมาหลายคน เขาก็ suffer เชิงธุรกิจยุคหนึ่งที่ Streaming ยังไม่มา ยุคที่ระบบแพลตฟอร์มต่าง ๆ ยังไม่มา แต่พอมายุคนี้ ความท้าทายในมุมธุรกิจ คริส มองอย่างไรบ้าง ต้องลงทุนไปแล้วอยากจะได้ return คืนมายังไงบ้าง
คริส หอวัง: คือถามว่าเอาตอบคำถามแรกก่อนนะ คือในเรื่องของของยุคที่มันเปลี่ยนไป คือก่อนหน้านี้คนที่ทำค่ายเพลงเขาอาจจะแบบ suffer หรือศิลปินที่ทำ อยากทำเพลงก็อาจจะ suffer นิดนึง เพราะว่ามันจะมียุคหนึ่งที่มันแบบว่า Streaming ก็ยังไม่แรง แต่ว่าก็เริ่ม ๆ CD เริ่มจะหมดไป แล้วมันขายเพลงกันตรงไหนวะ ใช่ไหม แล้วมันขายเพลงกันตรงไหน คราวนี้มันต้องขายยังไงให้มันเปรี้ยง ซึ่งเราไม่มีวันรู้ค่ะ
เราบอกว่าเพลงนี้ดีมาก ๆๆ เลย ทุกคนที่ฟังบอกว่าดี แต่มันไม่ดัง ทำยังไง มันก็แค่ทำต่อไป มันอาจจะไม่ได้ดีที่สุดในวันนี้ แต่มันดีสำหรับเรา แล้วมันเข้ากับน้อง ๆ หรือว่าเข้ากับสิ่งที่เขาชอบ ความฝันของเขา เราก็ทำต่อ แล้วก็หวังว่ามันจะมีเพลงหนึ่งที่มัน…ในยุคนั้นน่ะ มันไม่ดังเขาวูบแล้วนะ ทำยังไง ขายยังไง พอมันไม่ดังปุ๊บ ผับก็ไม่จ้างถูกไหม ผับไม่จ้าง งาน Event ก็ไม่จ้าง แล้วมันทำไง มันทำต่อไปมันใช้เงินน่ะ มันใช้เงินเยอะมาก Single มันใช้เงินเยอะมาก คราวนี้มันก็เลยเข้าสู่ยุคสำหรับคริส คิดเองว่าพอยุคนั้นน่ะไม่ได้แปลว่ามันไม่ดังแล้วเขาจะเลิกเล่นดนตรี เขาก็ยังรักดนตรีอยู่ไง เพราะฉะนั้น เขาก็เลยทำเพลงกันต่อ เริ่มโหลดเข้า YouTube เอง พอเริ่มโหลดเข้า YouTube เองกลายเป็นว่าทั้งโลกมันเป็นแบบนั้น พอเริ่มโหลดเขา YouTube เองปุ๊บ กลายเป็นศิลปินทำเพลงเอง เพราะมันมีคนที่โหลดเข้า YouTube แล้วกลายเป็นว่าอยู่ดี ๆ อันนี้แบบเป็นล้านวิว กลายเป็นศิลปินอิสระ
ศิลปินอิสระแบบไม่มีค่าย เฮ้ย ไอ้ way นี้มันก็เลยเริ่มมา ศิลปินก็เลยเริ่มทำ แล้วค่ายก็เริ่มมีค่ายเล็ก ๆ เพิ่มขึ้นเยอะแยะมากมาย ศิลปินเหล่านี้ไปทำให้มันโด่งดังขึ้น หรือว่าไปขยายดันให้ใหญ่ขึ้น พอมันเป็นแบบนี้ปุ๊บ ช่วงเวลาเดียวกัน Streaming set up เสร็จพอดี โห เราก็จะมี App เยอะแยะมากมาย แล้วทุก Streaming เขาก็สู้กันเลย สู้กันว่าแบบเราจะโปรโมทอย่างนั้นอย่างนี้ ถ้าคุณมาอยู่กับ Streaming เราจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ กลายเป็นว่าตอนนี้ศิลปินเต็มไปหมดเลย กลายเป็นศิลปินเยอะไปหมดเลย คือทั้งแบบเบอร์ใหญ่หน่อยที่อยู่ในค่าย เบอร์ใหญ่กว่าอีกที่ประสบความสำเร็จแล้ว แล้วเบอร์เล็ก ๆ และเบอร์อินดี้ และเบอร์โหลด YouTube เอง โอ้โห วงการเพลงมันยากจังเลย แล้วเราต้องทำยังไงให้เพลง ๆ หนึ่งมันดัง ปีที่แล้วมีคนปล่อยเพลง 5,000 เพลงนะ มีวัน 365 วัน มี 5,000 เพลงที่ลง Streaming เนี่ย
พอเราลงมาใน 2 FLOW ปุ๊บ ตอนแรกมันเป็นเรื่องของความมัน เราอยาก อันนี้บวกกับตัวคริสเองด้วย ในช่วงเวลา ตัวคริสก็คือคริสอยากทำอะไรมัน ๆ ให้กับชีวิต แล้วก็ตอบสนองความสนุกของตัวเอง แล้วก็ประสบการณ์ที่คนอื่นเขาให้มา อยากทำ 2 FLOW พอมาทำปุ๊บ มันมีสิ่งรอบ ๆ มากมายที่จะทำยังไงให้ความฝันของน้อง ๆ ที่คริสเอ็นดูเขา แล้วก็เชื่อในความสามารถของเขามันไปได้ไกลมากที่สุด แต่คริสบอกศิลปินเสมอนะว่า เราทำสิ่งที่เราชอบให้ดีที่สุด หาคาแรกเตอร์ของตัวเอง หาจุดของตัวเองให้ดีที่สุด แล้วน้องทำหน้าที่ของน้อง คือน้องผลิตเพลงมาให้พี่ แล้วเดี๋ยวพวกพี่จะคิดต่อแล้วเรามาคุยกันนะว่าเราจะทำยังไงกันต่อ เพราะสุดท้ายแล้วมันอาจไม่ได้ดังเพลงนี้ แต่เราต้องทำไปเรื่อย ๆ เพลงนี้อาจจะงบเยอะ เพลงต่อไปอาจจะ น้อย เพลงต่อไปอาจจะทำ Live Session แต่เราต้องทำไปเรื่อย ๆ เพราะเราไม่รู้เพลงไหนจะดัง ต่อให้น้องคิดว่าเพลงมันดี พี่คิดว่าเพลงมันดี มันอาจจะไม่ดังก็ได้ เราต้องสู้กับโลกที่ตอนนี้มีศิลปินออกใหม่ทุกวัน
The People: ค่ายของคุณคริสจะเป็นคาแรกเตอร์ DNA เป็นประมาณไหน อย่าง Smallroom, What The Duck, Bakery ก็จะมี DNA ของเขา แล้ว DNA ของค่ายของคุณคริสเป็นยังไง ออกแบบว่าจะเป็นสไตล์ไหน
คริส หอวัง: จริง ๆ เนื่องจากว่าคริสไม่ได้เป็นคนคัดคนเข้ามา คริสจะได้คัดจากอย่างที่อธิบายไปนะ คริสจะได้คัดจากคนที่เอก้า และทีมคัดเข้ามาอีกทีหนึ่ง ซึ่งในปีหน้าก็จะมีแพลนที่จะหาคนเพิ่มอีก เดี๋ยวเราก็ค่อยมาคุยกันว่าค่ายจะเอายังไง แต่เนื่องจากค่ายนี้ตั้งมาจากน้อง ๆ ที่อยู่ในรายการ แล้วก็เอาเข้ามาเป็น Trainee เพื่อ พอจบจากรายการแล้วก็มาเทรนเขาในทางที่เขาถนัด แล้วก็มาจัดกรุ๊ปเขา
คราวนี้ถ้าถามว่า DNA ของค่าย ณ วันนี้เป็นอะไร คริสตอบได้คำหนึ่ง คือสานฝันของเขาให้ไปให้ถึงให้ไกลที่สุดเนาะ แต่สำหรับอนาคตค่ะในวันข้างหน้า คือถ้าเรา audition มาแล้ว เราถามว่า เราอยากได้อะไร คือสำหรับตัวคริสเนาะ ถ้าถามคริสว่าอยากผลิตใคร คริสแพ้คนที่มี passion คือคนที่มี passion น่ะ ดูเวลาเขาเล่นดนตรีหรือเขาทำอะไรในสิ่งที่เขารัก ต่อให้เขาไม่ได้เก่งที่สุด ... ถ้าเขามีคาแรกเตอร์ ถ้าเขามีจุดมุมมอง หรือคือทุกคนมันจะมีเสน่ห์ของเขา
คริสก็เลยแค่กำลังจะบอกว่าถ้าถามถึง DNA ที่เป็น … แท้จริงเลย ณ วันนี้คริสบอกได้ว่าเป็นค่ายที่กำลังสานฝันให้กับน้อง ๆ ที่เรามีอยู่แหละ เพราะมันเริ่มต้นจาก The Two แต่ในปีหน้าเราหาคนเข้ามา ถามว่าอยากได้อะไร คริสอยากได้คนที่มี passion ซึ่งมันก็กลับไปสู่ทางเดิม DNA เดิม you มี passion I จะพยายามสานฝันของ you ไปให้ไกลที่สุด
The People: ในแง่มุมด้านสไตล์ดนตรี ค่ายนี้ทำสไตล์ดนตรีแบบไหนบ้าง มีเฉพาะเจาะจงไหม
คริส หอวัง: จริง ๆ มันต้องหลากหลายค่ะ เพราะว่าอย่าง THI-O & TUTOR คือคริสเคยพูดไว้ว่า ถ้าถามว่ามันจะไปเพลงแนวไหน คริสเคยพูดไว้ตั้งแต่ตอนทำ THI-O & TUTOR ว่า ศิลปินในหน้าที่คริส เอก้าหาคนมาแล้ว… ณ ตอนนี้คริสก็จะบอกว่าศิลปินไม่ใช่ตุ๊กตา …คริส อยากทำอะไร ก็แบบว่า อุ๊ย จับใส่ คริสไปเห็นอันนั้น สมมติคริส เห็น Rihanna ทำ MV ออกมาอันหนึ่งเป็นแบบ AI เลย อุ๊ย มีน้องผู้หญิงคนนึงในค่ายเอามาทำเลย เพลงเขาเป็นไง เขาชอบร้องหรือเปล่า เขาชอบแต่งตัวอย่างนี้หรือเปล่า ทำไม่ได้ ทำแบบนั้นไม่ได้
คริสว่าสิ่งที่จะทำศิลปินคนหนึ่งหรือกรุ๊ปหนึ่งมันยากมากเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดว่า DNA ของเราคือเริ่มต้นจาก passion กับฝันมารวมกัน อันนี้จะบ่งบอกถึงแนวเพลงไม่ได้แล้ว เพราะนั่นหมายความว่าเราเจอใครที่ passion เขามันแบบรุนแรงแล้วยิงมาที่เราแบบอย่างรุนแรงที่เรารู้สึกได้ แล้วเรารู้สึกว่า เฮ้ย คนนี้เราเห็นคุณค่าของ passion ของเขา อันนี้มันก็คือแนวเพลงเขาเป็นแบบไหน เราก็ต้องมาคุยกัน
The People: เล่าถึง HAVE A NICE DAY ว่าตรงกับ DNA ของค่ายอย่างไรบ้าง น้อง ๆ เขามี passion อย่างไร มีความฝันคืออะไร แล้วแนวดนตรีเป็นอย่างไร
คริส หอวัง: คือจริง ๆ คริสเจอน้อง ๆ ตั้งแต่ในรายการ The Two ค่ะ เจอน้อง ๆ ในรายการ The Two แล้วรู้สึกว่าจริง ๆ ทั้ง 20 คนน่ะ ทุกคนน่ะเวลาสัมภาษณ์บนเวที ตอนนั้นคริสเป็นกรรมการเนาะ แล้วยังไม่รู้ว่าจะทำ The Two ทุกคนก็จะตอบว่าแบบมีความฝันอยากเป็นศิลปิน มีความฝันแบบผมอยากมี Single ของผมเองอะไรอย่างนี้ ซึ่งคริสว่าเด็กทุกคนที่เล่นดนตรี ก็คงมีความฝันอยากจะมีเพลงที่คนแบบ เราแต่งเพลงเอง เราทำเพลงเอง มีความฝันที่อยากจะมีคนฟังเพลงนั้นเยอะ ๆ ถูกไหม
เพราะฉะนั้น สำหรับ HAVE A NICE DAY น้อง ๆ 4 คนนี้ 3 คนนี้ก่อน 3 คนนี้เป็น 3 คนที่โดนพลิกขึ้นมา เพราะเขามีเอกลักษณ์อะไรบางอย่าง มีเสน่ห์อะไรบางอย่าง แต่พอเขามารวมกันน่ะ เชื่อไหม ตอนแรกเขารวมกัน เขายังไม่มีน้องแสนดี เขาก็มีกันอยู่กรุ๊ปนึงเนี่ย แล้วคริสก็บอกเขาบอกว่า เฮ้ย ถ้าเกิดว่าจะเด (บิวต์) น้องก็ต้องทำ Demo มาให้พี่ฟัง ทำมาหลาย ๆ เพลงเปล่า คือน้องเป็นวงดนตรี มันจะให้พี่หา Reference เพลงมาเหรอ ไม่ใช่ เหมือนถามว่า DNA ของ 2 FLOW คืออะไร คริสก็ต้องถามน้องว่า แล้วคาแรกเตอร์ของกรุ๊ปน้องคืออะไร DNA ของกรุ๊ปน้องคืออะไร พี่ยังไม่ได้ยินเพลงเลยค่ะ
เขาก็เป็นแบบ มันคนไม่เคยอยู่วงเดียวกัน มันไม่เหมือนกับวงที่เป็นเพื่อนกันในมัธยม มหา’ลัย แล้วมันก็แบบว่าเล่นดนตรีกัน Cover แล้วมันก็อยู่ดี ๆ ทำเพลงมา มันไม่ใช่ อันนี้คือต้องสั่งว่า น้องจะเป็น Trainee ไปตลอดหรอเนี่ย เด (บิวต์) นะ น้องต้องแบบ… เขาก็งง ๆ กันไปแป๊บนึง เดี๋ยวถามเขาดีกว่าเนี่ย ตอนที่พี่คริส บอกให้ทำเพลงน้อง ๆ รู้สึกยังไงตอนนั้น มันเริ่มยังไง เริ่มยังไง
HAVE A NICE DAY: อันดับแรกก็เรายังงง ๆ กันอยู่ครับ จะเริ่มจากยังไงดีนะ เพราะว่าเราก็ไม่เคยมีประสบการณ์แต่งเพลงเป็นจริงเป็นจังมาก่อน แล้วอันนี้คือเราต้องทำส่งพี่คริสด้วย ที่เราคิด ณ ตอนนั้นก็แบบ พี่คริสเขาจะชอบไหมเนี่ย ก็กดดันใช่ไหมครับ
ตอนกินข้าวครับ ก็ตอนกินข้าวคุยกันว่า อยากแต่งเพลง มาแต่งเพลงกันไหม เดี๋ยวนั่งแต่งกันตรงโต๊ะกินข้าวเลยเนี่ยแหละครับ แล้วก็เอากีตาร์มาคนละตัว พี่ซันตัว ริวตัวครับ …
แล้วก็เริ่มจากการคิดคอนเซปต์เนื้อเรื่องก่อนว่า เราจะไปทางไหนดี แล้วก็ตกลงกันได้ว่า ไปทางเพลงเศร้าแล้วกัน หลังจากนั้นพี่ซัน ก็เริ่มฮัมเมโลดี้ ริวจิ ก็ใส่คอร์ด พอเราทำเมโลดี้กับคอร์ดเสร็จปุ๊บ เราค่อยมาใส่เนื้อตามทีหลัง
ก็คือจะเริ่มจากเมโลดี้ก่อน ทั้งหมดทั้งมวลคือเริ่มจากแบบว่าคิดไอเดียก่อนเลยว่าเราจะทำเพลง ๆ หนึ่งขึ้นมา เราจะต้องมีอะไร มันต้องใส่อะไรลงไปในเพลงนั้นบ้าง อยากให้เนื้อเรื่องของเพลงเป็นอย่างไร ประสบการณ์แบบไหนที่จะเอามาเข้ากับเพลงนี้ได้บ้าง แล้ว…ค่อยขึ้นว่าเมโลดี้ แล้วก็ตามมาด้วยคอร์ด แล้วก็ตามมาด้วยให้น้องแสนดี ช่วยคิดจังหวะคิด Rhythm ขึ้นมาทีหลังอีกทีหนึ่ง
แล้วก็ช่วยกันประกอบร่างขึ้นมา แล้วก็เอามาประกอบให้มันดูเป็นรูปเป็นร่าง หลังจากนั้นก็ทำ Demo คือเอาไอ้ร่าง ๆ นี้แหละครับ ส่งให้พี่คริสเนี่ยได้ดูเป็นครั้งสุดท้ายของ…
คริส หอวัง: เชื่อไหม ส่งมา ไม่ได้อะ น้องทำใหม่ ๆ มันยังไม่ catchy (ติดหู) ทำยังไง ๆ เขาก็ทำกันอยู่นานเลยค่ะ จนบอกคือมันสุดท้าย ทำมาตอนนี้รู้สึกมีประมาณ 8 เพลงแล้วมั้ง ก็หยิบเพลงนี้ขึ้นมา แล้วก็คิดว่า… คือตัวคริสเองไม่ได้แม่นเรื่องดนตรี คริสไม่ได้เล่นดนตรีใช่ไหม เพราะฉะนั้น ก็ต้องหาโปรดิวเซอร์ที่แม่นเรื่องดนตรี อันไหนถูกอันไหนผิด เขาจะได้บอกน้อง ๆ ถูก คือน้อง ๆ ก็เป็นนักดนตรีแหละเล่นดนตรี แต่ว่าคือถ้าออกจากค่ายมันก็ต้องมีความถูกต้องอะไรบางอย่าง ซึ่งคริสก็กลัวจะผิดตรงนั้น ไม่แม่น ก็เลยได้น้องปิ่น SLAPKISS (ปิ่นมนัส เลิศสินอุดม) มาช่วย
The People: คอนเซปต์เป็นวงไอดอล หรือว่าคอนเซปต์เป็นวงประมาณไหน วงไอดอลปกติส่วนใหญ่เขาจะมีเหมือนเป็นทีม setting ว่า จะต้องมีพื้นฐานภาพลักษณ์ ทีมดนตรี แต่ว่าทำไมถึงให้วงไอดอลทำเพลงเอง แนวคิดนี้คืออะไร
คริส หอวัง: จริง ๆ ตอนแรกเขาเป็นวงดนตรีนั่นแหละค่ะ แต่พอมาถึงคริสปุ๊บ คริสก็มานั่งคิดว่า เฮ้ย Dance Group, Boy Group ประเทศไทยเยอะมากเลย วงดนตรีก็เยอะมากเลย แล้วดนตรีของคาแรกเตอร์ของน้อง คือคริสก็ไม่สามารถจะ คือคริสบอกได้ว่า HAVE A NICE DAY ไปเพิ่ม ไปลด ไปอะไรท่อนฮุกให้มันดี ให้มันฮุกกว่านี้ ให้มันแบบจำกว่านี้ คริสบอกพวกนั้นได้ แต่คริสไม่สามารถเปลี่ยนคาแรกเตอร์ของเขาได้ เนื่องจากว่าเขาไม่ใช่ตุ๊กตาอย่างที่คริสบอก คาแรกเตอร์เขาคืออะไร ไม่เป็นไร คือคนทำดนตรีอย่างปิ่นที่เป็นโปรดิวเซอร์ให้เนี่ย เขาก็มาช่วยเราให้ได้ วงดนตรีมันก็เยอะ แล้ววงดนตรีของเราในเพลงนี้มันมีอะไรที่มันแหลมออกมาจาก…ของวงดนตรีเมืองไทยที่เขาเก่ง ๆ คนเก่งเต็มไปหมด มันมีอะไรมันแหลมออกมาหรือยัง แล้วถ้าเกิดว่า เราอยากจะทำให้แบบว่าสปอตไลต์มันส่องที่เราบ้าง ส่องแป๊บเดียวก็ไม่เป็นไรเนาะ คือเวทีมันแน่นมาก สมรภูมิแน่นมาก ทำยังไงดีอะไรอย่างนี้ ซึ่งน้องเขาก็หน้าตาหล่อกันทุกคน เขาผ่านรายการทีวีมาแล้ว บางคนก็เคยมีงานแสดงอะไรมาก่อน คริสก็แค่คิดว่า ตอนนี้เลนที่มันยังพอมีแสงที่มันไม่ต้องสมรภูมิไม่ต้องแน่นขนาดนี้ มันก็คงเป็นเรื่องของ Idol Band ค่ะ
แล้วทำไม คือพอเขาเริ่มมาจากวงดนตรีนั่นหมายความว่าน้องต้องทำเพลงเองสิ จะให้พี่มานั่งทำเพลงเองให้ด้วยเหรอ มันเริ่มมาจากตรงนั้น แต่พอเขาทำเพลงเสร็จปุ๊บ Target ของการโปรโมตออกไปมันถูกบิดไปนิดหนึ่ง มันกลายเป็นว่าคริสใส่ความไอดอลของเขาไปด้วย เพราะเขาก็หล่อ เขาก็สาวกรี๊ด เขาก็มีแฟนคลับของเขาเยอะแยะ แล้วเราจะไม่ไป Target … ซึ่งอันนี้ก็เป็นทางของ Business ค่ะ ซึ่งก็เคยอธิบายให้น้อง ๆ ฟังแล้วว่ามันจะเป็น way …
The People: พูดถึง DNA ของวง คอนเซปต์ที่ทำให้วง HAVE A NICE DAY แตกต่างจากวงอื่น ๆ จะมีจุดเด่นอะไร หรือว่าจะมีผลงานประมาณไหน ทิศทางของวงเป็นอย่างไรต่อไป
HAVE A NICE DAY: ทิศทางของวงคือ อย่างถ้าเป็น Single แรกของพวกเราที่เดบิวต์ ทิศทางแรกที่เราต้องการอยากจะ represent ออกมาให้แฟน ๆ ให้แฟนคลับของเราได้เห็นได้ฟังก็จะเป็นอารมณ์การ represent บุคลิกของเราเป็นการชูตัวตนของเรา แสดงให้เห็นถึงการ perform ของเรา ให้เห็นเสน่ห์ เหมือนเป็นเพลงแรกที่อยากให้ทุกคนได้รู้จักตัวตนของพวกเราครับ ก็เลยออกมาเป็นเพลง ‘เป็นไปได้ไหม’ ซึ่งเพลงนี้ถ้าทุกคนที่ได้ดู MV ก็จะรู้สึกว่า เพลง ๆ นี้ มันทำให้น้อง ๆ ดู shine ขึ้น มันจะมี shot ที่เป็น Beauty shot แล้วก็ผสมกับ shot ที่เป็นการ perform ด้วย ซึ่งมันทำให้มันกลมกล่อมในสำหรับ Single แรกของพวกเรามาก ๆ ครับ ตรงที่ว่ามัน MV มันได้เห็นศักยภาพทุกคนจริง ๆ พร้อมกับได้โชว์เสน่ห์ของทุกคนครับ แล้วทำให้แฟน ๆ จดจำคาแรกเตอร์ของพวกเราได้ด้วย เลยรู้สึกว่ามันเป็นทิศทางแรกของพวกเราและทิศทางต่อ ๆ ไป ในอนาคตเราก็จะค่อย ๆ ขยับขยายไปเรื่อย ๆ หลังจากนี้ MV ของเราหรือเพลงเราอาจจะเน้นไปที่การเล่าเรื่องมากขึ้น ทำให้คนอินกับวงมากขึ้น ก็เรารู้สึกว่าเราอยากจะค่อย ๆ โตไปได้เรื่อย ๆ ครับ
แล้วก็จุดเด่นของวงเราที่แตกต่างจากวงอื่นที่ถาม ก็คือความเป็น Idol Band ครับ แน่นอนว่าถ้าเกิดทุกคนนึกถึงคำ Band ทุกคนก็จะนึกถึง Front Man หรือว่านักร้องนำเป็นอันดับแรกใช่ไหมครับ แต่เรา Idol Band เนี่ย แน่นอนว่าทุกคนเล่นดนตรีทุกคนอยู่แล้ว มีอาวุธของตัวเอง แล้วก็ที่สำคัญคือร้องทุกคน แสนดีที่เป็นมือกลองเขาก็ร้องด้วยเหมือนกัน ก็เลยภาพจำก็เลยแทนที่คนจะจดจำแค่ Front Man นักร้องแค่คนเดียว แต่อันนี้ทุกคนก็จะต้องจดจำพวกเราทุกคนที่ร้องแล้วก็เล่นไปด้วยกัน
The People: ความผสมผสานระหว่าง Idol Band คือ ถ้าลองเทียบกับวงดนตรีทั่วไป เขาจะขายจุดเด่นทางด้านดนตรีเป็นวงดนตรี ถ้าเป็นวงไอดอลเป็น Boy Band เป็น Girl Group จะเด่นเรื่องภาพลักษณ์ ท่าเต้น แต่พอมาผสมผสานเข้าไปแล้ว มันจะกลายเป็นว่า มีเล่นดนตรีด้วย จะเต้นก็ไม่ได้มีท่าเต้นอะไรหรือเปล่า มันผสมผสานแล้วออกมาแบบไหน
คริส หอวัง: เอาอย่างนี้นะ คือสำหรับ Idol Band คือคริสว่าจริง ๆ แล้วเขาว่าเป็นแบนด์นั่นแหละ แต่ว่าคำว่า Idol Band มันอาจจะหมายถึงสิ่งที่คริสกำลังนำพาเขาไปสู่ถนนเลนที่มันโล่งกว่าเนาะ ซึ่งนั่นหมายความว่าในหน้าที่ของผู้บริหารและนำทางทิศทางของวงไป ถ้าพูดง่าย ๆ คือ อ๋อ ไอดอลฉันก็เอา วงดนตรีฉันก็จะเอา นึกออกป่ะ
สุดท้ายเราอาจจะเคยได้ยินเพลงที่มันดังหลาย ๆ เพลง แต่เราไม่รู้หน้าศิลปินก็มี เราอาจจะรู้หน้าเขา ร้องเพลงอะไรวะก็มีใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้น คริสว่าอันนี้เป็นแต้มต่อด้วยซ้ำในการที่คริสเกี่ยวทั้ง 2 ถนนไว้ด้วยกัน คือหมายความว่าน้องเขามีความสามารถในการเล่นดนตรีถูกไหม เขาทำเพลง แต่งเพลง แล้วก็สามารถ Deliver เพลงออกมา สร้างคาแรกเตอร์ของตัวเองได้ น้อง ๆ มีหน้าที่ทำสิ่งนั้น
ในส่วนที่เป็น outer เรื่องไอดอลก็อยู่ในส่วนของการทำตัวประพฤติตนของน้อง ๆ การดูแลหน้าผมของตัวเองอะไรใด ๆ ให้มันอยู่ในเลนของไอดอล แต่เรื่องของการขายและถ่ายทำ มันเป็นเรื่องของการวางต่อไปว่า เฮ้ย ตอนนี้มันไปทิศทางไหนมากกว่ากัน แต่ถามว่า จะให้คริสเป็นแบนด์แบบวงร็อก แบบว่าไม่แต่งตัวเลย จะเอาแต่เล่นดนตรีอย่างนี้ คริสคงไม่ใช่ DNA ของ 2FLOW
เพราะยังไงสุดท้ายแล้ว คือคริสไม่รู้ว่าความเป็นผู้หญิงของคริสด้วยหรือเปล่านะ คือก็อยากจะเห็นศิลปินที่แบบ โอ้โห รูปลักษณ์มันแบบมันชวนกรี๊ด ก็แล้วน้อง ๆ เขาก็หล่อกันทุกคน หล่อแล้วก็มีความสามารถ ทำไม แล้วทำไมเขาถึงจะเป็น Idol Band … ซึ่งก็ไม่อยากจะให้คิดว่า เป็นไอดอลแบบมันต้องเต้น หรือเป็นไอดอล เป็นนายแบบก็เป็นไอดอลได้ เผอิญเล่นดนตรีได้ด้วย
The People: สำหรับวงบ้าง มองอย่างไรที่มี 2 ขาไปด้วยกันแบบที่พี่คริสว่า
คริส หอวัง: เขารู้สึกว่าแบบต้องรับผิดชอบเยอะ เพราะต้องดูแลตัวเองด้วย
HAVE A NICE DAY: ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าอันดับแรกเลย ความยากของมันก่อน คือความยากของมัน อย่างที่ 1 คือเราต้องทำหลาย Position ในคนเดียวกัน คือหน้าที่ของเรามันเพิ่มเติมขึ้นมาจากวงอื่น ๆ หรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ แต่สำหรับเราผมรู้สึกว่า สำหรับผมเองนะ สำหรับวงเราเองรู้สึกว่าเรามี Position ในการมีหน้าที่ของเราที่ต้องทำเยอะ และมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบเยอะกว่าวงอื่น ๆ ที่เป็นอย่างอื่นน่ะครับ ในวงของเราเนี่ยเราก็ต้องเริ่มทำเองตั้งแต่แรกเลย ไม่ว่าจะเป็นการคิดคอนเซปต์เพลง การทำเพลง การทำ Demo ก็อันนี้ ก็คือเพื่อเป็นสิ่งที่พวกเรา need เองครับ
หมายถึงว่าเราอยากได้แนวดนตรีเพลงนี้ เราอยากทำออกมาแบบนี้ อยากทำออกมาแบบไหน คือก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเราเองเลยครับผม แล้วหลังจากนั้นเราก็ยังต้องแบบว่าดูแลภาพลักษณ์ของตัวเองด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าผม เสื้อผ้าต่าง ๆ ซึ่งมันเลยรู้สึกว่ามันต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าทำอย่างอื่นอะไรอย่างนี้ เพราะว่าในคน ๆ หนึ่ง ไหนจะต้องเรื่อง perform อีก เรื่องการเอ็นเตอร์เทนอีก แล้วก็รวมถึงเราไม่ได้เล่นอย่างเดียว เราต้องร้องด้วย ทั้งเล่นดนตรีทั้งร้องด้วย
The People: เคยคิดไหมว่าสิ่งที่เราทุ่มเทไปจะคุ้มค่ากับสิ่งที่ทำไหม ขนาดวงอื่นที่เป็นไอดอลก็คือเต้นและร้อง ถ้าเป็นดนตรีก็คือเล่นดนตรีและร้อง แต่เราต้องทำคูณ 2 คิดว่ามันคุ้มค่าที่เราต้องทุ่มเทกับการคูณ 2 นั้นไหม
HAVE A NICE DAY: พวกผมรู้สึกว่าการที่เราเริ่มต้นทำ Idol Band ด้วยกันตั้งแต่ก่อนที่เราจะรู้คอนเซปต์เสียอีก พวกเราก็เป็นคนที่ชอบเล่นดนตรีกันอยู่แล้ว พอเรามารู้คอนเซปต์เราก็ชอบคอนเซปต์อีก ผมคิดว่าเราไม่น่ามีการท้อ การเหนื่อยหรืออะไรอย่างนั้น เพราะว่าเราทำด้วยความรักด้วย ความชอบส่วนตัวของพวกเราอยู่แล้วครับผม ก็เลยยิ่งได้แรงบันดาลใจจากพี่คริสอีก พี่คริสเขาก็เข้ามาให้กำลังใจบ่อย ๆ ครับ ก็ยิ่งแบบมีความมีกำลังใจทำ อยากทำให้แบบพี่คริสแกดูให้ชมสักหน่อยอะไรอย่างนี้
ผมว่าการท้อการอะไรอย่างนี้ก็ต้องมีบ้าง ในระหว่างทางมันก็ต้องมีบ้าง ด้วยความที่เมืองไทยอย่างนี้เราไม่เคยเห็น จนกระทั่งเราได้มาลองทำเองเราเลยรู้สึกว่า เออ ที่มันมีน้อยเป็นเพราะว่า หนึ่ง คือมันมีความยากของมัน แต่ผมก็รู้สึกว่าจริง ๆ แล้วไม่ว่าจะเป็น Idol Group ที่เป็น Boy Band หรือ Girl Group ผมว่าเขาก็มีหน้าที่หรืออะไรก็ตามที่มันมีความยากของมันอยู่แล้วอะไรอย่างนี้ครับ เขาก็มีความยากเขาจะต้อง อุ๊ย ร้องไปแล้วก็เต้นไป ต้อง Support แล้วก็ต้องจำท่าเต้น ซึ่งมันก็มีความยากของเขาอีกแบบหนึ่ง
ผมก็เลยมองว่า ของเรามันก็มีความยากของเราในอีกแบบหนึ่ง ซึ่งมันก็มีความยากง่ายแตกต่างกันไป ถามว่ามีท้อไหมมันมีบ้างครับผม ด้วยความที่มันมีน้อย และตัวอย่างที่เราจะสามารถดูได้จากเมืองไทยมันยังไม่ค่อยมี ก็เลยรู้สึกว่าถึงท้อแต่ว่าเราชอบแล้วเราอยากรันวงการ เราอยากให้มัน ถึงแม้เราจะเป็นวงแรก แต่แน่นอนว่าอนาคตมันจะต้องแบบว่ามีวงต่อ ๆ มาที่เป็นแบบนี้ ลักษณะแบบนี้ต่อ ๆ มาแน่นอน แล้วทำให้กลุ่มตลาด Idol Band มันใหญ่ขึ้นได้แน่นอนครับผม
The People: ที่คริส เกริ่นมา มีคำหนึ่งว่า มันกลายเป็น DNA ที่ผสมระหว่างภาพลักษณ์กับดนตรี พอจะอธิบายแบบนี้ได้ไหมว่า HAVE A NICE DAY ที่เป็น 2 ขาบน 2 ถนนแบบนี้ มีอิทธิพลมาจากความเป็นตัวตนของคริส หอวัง
คริส หอวัง: ถ้าจะบอกว่าเป็นอิทธิพลจากความเป็นตัวตนของคริส หอวัง อาจจะไม่ใช่ค่ะ คือทุก ๆ ศิลปินน่ะ มันก็คงต้องคิด way ที่จะยิง Target ไปให้ใหม่เนาะ คือทุกวงก็ไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าแบบมีอีกวงนึงมา คริสก็จะทำเหมือนกับ HAVE A NICE DAY แต่จริง ๆ ไม่ได้อยากให้ HAVE A NICE DAY ไม่ได้อยากให้ตัวศิลปินคิดว่าแบบ โอ๊ย เราแบบเป็น Band Idol ไม่ต้อง carry อันนี้นะ น้องทำในส่วนของน้องไปเลย เพราะในส่วนของอันนั้นน่ะคือพี่ทำให้ นี่คือหน้าที่ของค่ายถูกไหม คือตอนนี้ถ้าบอกว่าแบบ เฮ้ย แบบแล้วมันยากคูณสองอะไรอย่างนี้ ไม่ค่ะ น้องคือหล่อของน้องอยู่แล้ว แล้วน้องก็ทำหน้าที่ดนตรีของน้องไปเลย แล้วน้องก็ทำเพลงมาให้ แล้วเราก็มาคุยกันว่าคอนเซปต์ MV อันต่อไปเราจะทำอย่างนี้นะ น้องเห็นว่ายังไง ซึ่งถามว่ายากไหม เหนื่อยกว่าคนอื่นไหม ทุก ๆ ศิลปินทำเพลงเองหมดแล้วค่ะ ถูกไหม
คือทุก ๆ ศิลปินที่เราเห็นที่เขาประสบความสำเร็จทำเพลงเองหมด ดีไม่ดี ต่อให้เขามีค่าย เขา manage วงเขาเองด้วยซ้ำ แต่ว่าทุกคนมันก็ต้องมีประสบการณ์ มันไม่ใช่ว่ามาวันแรกก็ทำได้เลยเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น คริสว่า ถึงจะเป็นวงที่เป็นไอดอลเลย ถามว่าเขาไม่เหนื่อยเหรอ โอ้โห เขาซ้อมเต้นกันแบบว่าสุด ๆ เอาเต้นเก่งแค่ไหน เอาแค่ไหนกระดูกจะหลุดออกมาจากตัวอยู่แล้ว
คือคราวนี้อย่างไอดอลเลย เขาแข่งกันที่อะไร แข่งกันที่เพลงเหรอ แข่งกันที่หน้าตา แข่งกันที่ perform แข่งกันที่เต้น แล้วถ้าเพลงไม่ดัง เด็กไม่ดัง แล้ว perform ที่ไหน แล้วใครจะเห็นน้อง perform เอ๊ะ แล้วมันสู้กันตรงไหน คืออันนี้คริสว่าเลนนั้นน่ะยากจริง ๆ แต่อย่างอันนี้ คริสโชคดี เพราะเขามีความสามารถของเขา แล้วเขาก็หล่อด้วย ก็เลย อันนี้ Target ที่คิดมาคือเฉพาะของ HAVE A NICE DAY ถ้าถามว่า เออ มันมาจากตัวตนคริสไหม ถ้าวงอื่นมา ก็อาจจะไม่ใช่แบบนี้
The People: ถามสำหรับอนาคต ธุรกิจดนตรีมีความไม่แน่นอนระดับหนึ่ง คือมันมีความพลวัต มีความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี มีตลาด เข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าลองไปคุยกับศิลปินที่มาทำค่ายเพลง เขามีประสบการณ์ว่า บางช่วงที่เขาทุ่มเทลงทุนกับมันไปเยอะ แต่พอเจอสถานการณ์ เจอบริบทเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยีต่าง ๆ มันเปลี่ยนแปลง บางช่วงเขาเหนื่อย มีคนถอนทุนไป ถอยไป ถ้าเกิดในอนาคตสมมติว่า มีสถานการณ์แบบนั้น คริสรับมือกับมันยังไง หรือว่าวางแผน วางโมเดลธุรกิจในอนาคตยังไงบ้าง ถ้าเกิดเจอแบบพวกแบบวิกฤติธุรกิจ
คริส หอวัง: คริสว่าอันนี้เพลงไม่ว่าจะอยู่ในยุคไหนคือผ่านไป 100 ปี ดนตรีก็ยังอยู่กับมนุษย์อยู่ดี คือดนตรีมันเป็นสิ่งที่อยู่คู่มนุษย์มาตลอดค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Celebrate หรือว่าแบบเศร้าก็ยังมีเพลงนึกออกป่ะ Ceremony ที่มันเศร้า งานศพเขาก็ยังเล่นเพลงกันเลย เพราะฉะนั้น คริสว่าเพลง ดนตรีไม่มีทางหายไป แต่วิธีการของธุรกิจมันจะทำยังไงมากกว่า
ข้อแรกถ้าเกิดว่าเกิดขึ้นในส่วนของ 2FLOW ต้องหันไปถาม Investor ว่าเขายังเชื่อไหม ยังอยากทำต่อไหม เราแก้ไขกันได้ยังไงบ้าง budget ต่อปีมีเท่านี้ ถ้าเกิดว่าวิกฤตมา เราจะเหลือ budget ต่อปีเท่าไหร่ แล้วคริสก็ต้องไปนั่งคิดว่าใน budget นั้นมันทำอะไรได้บ้างก็ต้องคุยกันค่ะ แต่ถ้าถามว่าเพลงมันจะหายไปเลยจากโลกนี้คงไม่มี แล้วคริสก็เชื่อว่ามันจะมีวิถีของมัน คล้าย ๆ ตอนที่คริสเล่าว่า ช่วงที่ศิลปินขายเพลงที่ไหน ก็…ไม่ได้หยุดเล่นดนตรีเนาะ พอไม่ได้หยุดเล่นดนตรี ปุ๊บ ก็เลยลง YouTube เอง อยู่ดี ๆ มีเพลงดังก็เลยกลายเป็นศิลปินดังมากอยู่ในค่ายตัวใหญ่สุด แล้วก็ดัง กำลังมาอยู่ในค่าย พวกที่ไม่อยู่ในค่าย แล้วก็พวกที่อยู่ในอินดี้ แล้วก็พวกที่ทำเพลงเอง Bedroom Studio อีก คือมันก็เลยเป็นท่อน ๆ แบบนี้ แล้วพอกลายเป็นมีศิลปินเยอะมาก Streaming ก็ set up เสร็จพอดี มันคงจะเป็นเหมือนยุคนั้นค่ะ ถ้าเกิดมันจะมีวิกฤตอะไร มันก็คงจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างนั้น แล้วก็จะมีสิ่งใหม่เข้ามาให้เราแบบ ให้เราต้องวิ่งตามให้ทันอีกที
The People: ความฝันสูงสุดของ 2FLOW คืออะไร อยากจะอยู่ใน Position ไหน เป็นแกรมมี่ เป็น RS หรือสเกลไหน
คริส หอวัง: โอ้โห แกรมมี่เลยเหรอคะ เขาบุคลากรเยอะมาก เขาเต็มไปด้วยคนเก่งสุด ๆ แล้วมีประสบการณ์สุด ๆ ของคริส 2FLOW คริสก็ ณ ตอนนี้ก็หวังว่า เราเป็นค่ายมือใหม่สุด ๆ แล้วก็อยากจะไปไหน พี่ ๆ ที่ทำค่ายมาก่อนแล้วก็รบกวนช่วยสอนพวกหนูด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นทั้งคริส เอก้า หรือว่าทีมงานทั้งหมด แล้วก็รวมไปถึงศิลปินด้วยเลย ก็ฝากสอนพวกคริสด้วยว่ามันต้องเป็นยังไง เพราะคริสต้องไปสู้รบอีกเยอะ ไม่ใช่สู้รบกับค่ายนะ สู้รบกับโลกอีกเยอะ แล้วก็พาน้อง ๆ ไปสู้รบด้วยอะไรอย่างนี้ ก็อยากฝากตัวไว้ดีกว่าค่ะ คงไม่ได้คิดว่าตัวเองจะ โอ้โห ยิ่งใหญ่นั่นนี่นู่นหรืออะไรใด ๆ เราก็อยากจะทำเพลง สานฝันตาม DNA ที่บอกไปให้ได้ อยากให้มีคนฟังเยอะ ๆ แค่นั้นแหละ
…แล้วก็ฝาก HAVE A NICE DAY ไว้ด้วย เดี๋ยวก็จะมี Single ออกมาเรื่อย ๆ นะคะ ยังไงก็ฝากติดตามทั้งเพลง ทั้ง MV ทั้งโปรเจกต์ต่าง ๆ นานาใน 2FLOW ด้วยค่ะ ฝาก THI-O & TUTOR ด้วยค่ะ เพราะมีอีกศิลปินหนึ่งตอนนี้เขาก็เริ่มชัดแล้วออกมา 3 Single แล้วก็เริ่มคาแรกเตอร์เริ่มชัด ชัดขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ
HAVE A NICE DAY: ตอนนี้นะครับผม เพลงของเราปล่อยบนทุก Streaming แล้วนะครับ แล้วก็สำหรับใครที่อยากดู MV สวย ๆ สามารถเข้าไปดูได้ที่ YouTube ช่อง 2FLOW Entertainment ครับผม ชื่อเพลงว่า เป็นไปได้ไหม Could You Please? นะครับ แล้วก็ช่องการติดตามของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็น Instagram, TikTok, Twitter (X), Facebook นะครับ haveaniceday_official.th ครับ ฝากค่ายพวกเราด้วยครับ 2FLOW Entertainment ขอบคุณมากครับ
เรื่อง: ธนพงศ์ พุทธิวนิช
ภาพ: 2FLOW