ชีวิตเริ่มจากศูนย์ของ ‘พรประภา แสงเลิศ’ ผู้คว้าที่ 1 ประกวดเค้กในเวทีโลก

ชีวิตเริ่มจากศูนย์ของ ‘พรประภา แสงเลิศ’ ผู้คว้าที่ 1 ประกวดเค้กในเวทีโลก

เรื่องราวของ ‘พรประภา แสงเลิศ’ เจ้าของผลงาน A lady from the hell ผู้คว้ารางวัลที่ 1 ในเวทีประกวดเค้ก ประจำปี 2022 ประเทศเบลเยียม กับเส้นทางชีวิตที่เธอขอเลือกเอง แม้ถูกแม่ขู่จะตัดขาดความสัมพันธ์

ฝ้าย - พรประภา แสงเลิศ คนไทยผู้คว้ารางวัลที่ 1 ในเวทีการประกวดเค้ก รายการ Cake Star International Competition หมวด Sculpture Figure ประจำปี 2022 ประเทศเบลเยียม แม้จะได้รับรางวัลระดับโลกมาครอง แต่กว่าฝ้ายจะประสบความสำเร็จ ชีวิตของเธอต้องล้มลุกคลุกคลานมานับไม่ถ้วน จนถึงขนาดผู้เป็นแม่ขู่จะตัดขาดแม่ลูก หากเธอเลือกทำตามความฝัน

จากความฝันที่ดูห่างไกล ก็เขยิบเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกขณะ จนกระทั่งวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 แสงไฟทุกดวงต่างสาดส่องมาที่เธอ สาวใต้ผู้ยอมแบกรับความเสี่ยง จนสามารถเอาชนะผู้เข้าแข่งขันอีกกว่า 150 ประเทศทั่วโลกได้สำเร็จ

The People ต่อสายตรงไปยังประเทศเบลเยียม เพื่อร่วมพูดคุยกับ ‘ฝ้าย - พรประภา แสงเลิศ’ สาวภูเก็ตวัย 28 ผู้ดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อทำตามความฝัน จนสามารถคว้ารางวัลที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาลมาครอง

วัยเด็กที่แหลกเหลว กับความฝันที่(เกือบ)แตกสลาย

“ชีวิตวัยเด็กเราเหลวแหลกมาก ลองใช้ชีวิตด้านมืดมาหมด ไม่ว่าจะเป็นเหล้า ยาเสพติด เราลองทุกอย่าง โดดเรียนก็บ่อย ทะเลาะวิวาทมีแทบทุกวัน แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่เราจะไม่ยอมทิ้งเด็ดขาดคือการเรียน

ก่อนจะย้ำว่า เธอไม่เคยแม้แต่จะคิดสักครั้งเดียวว่าจะทิ้งการเรียน เพราะการเรียนคือทุกอย่างในชีวิตที่เหลวแหลกของเธอ

อีกสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่ชีวิตวัยเรียนของพรประภาคือ ‘การแข่งขัน’ เธอชอบการแข่งขันทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการแข่งขันทางด้านศิลปะ

ชีวิตเริ่มจากศูนย์ของ ‘พรประภา แสงเลิศ’ ผู้คว้าที่ 1 ประกวดเค้กในเวทีโลก “ตั้งแต่สมัยเรียน เราเป็นคนที่ชื่นชอบศิลปะมาก แล้วทุกครั้งที่โรงเรียนจัดให้มีการประกวดเราก็จะลงแข่งตลอด ไม่ว่าจะพร้อมไม่พร้อมเราลงหมด ที่สำคัญโรงเรียนเขาก็สนับสนุนความชอบด้านศิลปะของเรา ให้ไปเป็นตัวแทนแข่งขันระดับจังหวัด เราก็เลยอยู่ในสนามการแข่งขันมาตั้งแต่เด็ก

“แต่เรามองไม่เห็นอนาคตตัวเองเลย เพราะว่าเรามีปัญหาทะเลาะวิวาทเข้ามาไม่เว้นวัน มองไม่เห็นอนาคตเลยว่าจะมาอยู่จุดนี้ได้ยังไง แต่โชคดีที่โรงเรียนกะทู้วิทยา จังหวัดภูเก็ต เขามีโควต้า เอกคหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเข้ามา แล้วเราได้โควต้านั้น

แต่พอเราไปบอกแม่ ถามท่านว่าคิดยังไงกับโควต้าตัวนี้ แม่ด่าเราลั่นเลย แม่ไม่ยอมรับด้านนี้เด็ดขาด ถึงขั้นบอกกับเราว่าจะตัดแม่ตัดลูก ถ้าเราจะเลือกเรียนด้านนี้

ชีวิตเริ่มจากศูนย์ของ ‘พรประภา แสงเลิศ’ ผู้คว้าที่ 1 ประกวดเค้กในเวทีโลก

ฝ้ายเล่าย้อนถึงความทรงจำครั้งวัยเยาว์ ช่วงเวลาที่เธอเริ่มสนใจเรียนด้านอาหารอย่างจริงจัง แต่ก็ยังเถียงกับเสียงในใจอยู่ว่าเธอจะดื้อแพ่งเลือกเส้นทางนี้จริง ๆ หรือจะยอมโอนอ่อนตามความต้องการของผู้เป็นแม่ ยังไม่ทันที่เธอจะตกตะกอนความคิด หญิงที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กกลับเลือกทำตามที่ขู่จริง ๆ เริ่มตั้งแต่ไม่ออกเงินค่าขนมให้เธอไปโรงเรียน

“มันเป็นอย่างที่แม่บอกเราทุกอย่าง ท่านไม่ให้เงินค่าขนมไปโรงเรียน จนสุดท้ายเราก็ยอมแพ้ต่อท่าน เนื่องจากตอนนั้นเราก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าอยากจะเป็นอะไร”

แม้จะถูกตัดความฝันที่จะใช้ชีวิตทำในสิ่งที่เธอรัก แต่ฝ้ายไม่ได้โกรธผู้เป็นแม่แต่อย่างใด ในทางกลับกัน เธอเข้าใจความหวังดีของแม่ทุกอย่าง เพราะชีวิตครอบครัวเธอไม่ได้สมบูรณ์พร้อมเหมือนครอบครัวทั่วไป พ่อและแม่ตัดสินใจแยกทางกันตั้งแต่เธอเริ่มจำความได้

การแยกทางของทั้งสองทำให้ฝ้ายสะเทือนใจ เพราะเธอเหมือนสูญเสียตัวตน และความสุขในชีวิตไปชั่วขณะ ถึงจะเป็นแค่เด็กที่ยังไม่เข้าใจโลกมากนัก

“เราเติบโตมากับแม่ก็จริง แต่ก็ยังรู้สึกว่าชีวิตเราทำไมมันไม่ได้รับการเติมเต็ม มันยังขาดความอบอุ่นอะไรบางอย่าง ฝ้ายก็ไม่รู้ว่าทำไม

“จนพอเราขึ้นมัธยมปลาย เราก็ต้องย้ายไปอยู่กับพ่อ เราเข้าใจเงื่อนไขในชีวิตทุกอย่าง แต่มันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราใช้ชีวิตเหลวแหลก เหล้า ยาเสพติด โดดเรียน เราทำหมดทุกอย่าง”

แรงสนับสนุนจากคนรัก

แม้จะเผชิญมรสุมชีวิตแทบทุกทาง แต่เพราะความรักที่มีต่อการทำปฏิมากรรมขนาดย่อม จึงผลักดันให้เธอ ‘กล้า’ ก้าวออกมาใช้ชีวิต

“ก่อนที่จะทำเค้กปั้นน้ำตาลอย่างจริงจัง ฝ้ายทำงานโรงแรมเป็นงานหลักมาก่อน แล้วก็ทำเค้กเป็นงานเสริม ตอนนั้นยอมรับว่าการทำเค้กอย่างเดียวมันไม่สามารถเลี้ยงชีพได้ แต่เพราะสามีคนปัจจุบัน เขาคอยสนับสนุนทุกอย่าง ทำให้ฝ้ายเริ่มมองเห็นว่าการทำเค้กก็สามารถเลี้ยงตัวเองได้”

4 ปีก่อน พรประภาจึงตัดสินใจย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศเบลเยียม ส่วนหนึ่งเพราะเธออยากจะมอบอนาคตให้ลูกได้เกิดและเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ต่างจากเธอในอดีต และที่สำคัญคือ การศึกษาของเบลเยียมก็ยอดเยี่ยมไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าชาติใดในยุโรป

จนกระทั่งเธอสามารถใช้ชีวิตได้ตามที่ใจคิด และเปิดร้านเค้กเล็ก ๆ ในชื่อ Bake a series – Bruxelles และรับทำเค้กปั้นน้ำตาล ส่งต่อความสุขให้กับชาวเบลเยียมจนถึงปัจจุบัน

จุดเริ่มต้นที่เกิดจากความบังเอิญ

ส่วนจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอเข้าสู่วงการทำเค้ก-น้ำตาลปั้นอย่างจริงจัง เกิดขึ้นหลังจากเธอบังเอิญไปเดินดูการประกวดแข่งขันตกแต่งเค้กที่กรุงเทพฯ เมื่อประมาณ 5 ปีก่อน เค้กแต่ละก้อนที่เรียงรายอยู่ตรงหน้า ทำให้เด็กสาวผู้ไม่มีฝัน เริ่มฝันเห็นตัวเองยืนอยู่ในเวทีประกวด

“เราตัดสินใจลงคลาสเรียนเวิร์คชอปสำหรับปั้นน้ำตาล แล้วก็ได้ค้นพบตัวตน ณ วันนั้นเลยว่าเราชื่นชอบงานปั้นน้ำตาลมากแค่ไหน

“หลังจากนั้นก็กลับมาเปิดหาวิธีการทำในอินเทอร์เน็ต ฝึกเอง ทำทุกอย่างเอง แต่ก็มีบ้างที่ลงเรียนกับคุณครู ผู้ที่มีประสบการณ์แล้วก็ชำนาญในสายการปั้น ส่วนคุณครูคนแรกของเราคือ ครูทีม - วริษฐ์ จันทวิชานุวงษ์ เราเรียนกับท่านตั้งแต่คลาสเบสิค จนคลาสแอดวานซ์ เรียกว่าท่านมีกี่คลาส เราก็เรียนทุกคลาส” (หัวเราะ)

นอกจากการลงคลาสและเรียนเองจนมาสู่เวทีประกวดระดับโลก แชมป์สาวคนนี้ก็ได้บอกกับเราด้วยรอยยิ้มว่า การทำเค้กเป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิตวัยเด็กที่ขาดหายไปของเธอ

การทำเค้กเรียกว่าเป็นจิตวิญญาณอันที่สองของฝ้ายเลยก็ว่าได้ เพราะว่าหลาย ๆ ปัญหาที่ฝ้ายเคยเจอ ไม่ว่าจะเหงา เครียด หรือว่าเบื่อแค่ไหน ทุกครั้งที่เราเริ่มลงมือปั้นน้ำตาล เวลามันจะผ่านไปเร็วมาก ๆ... เหมือนเราได้ปล่อยใจได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก แถมทำเสร็จเรายังได้ผลงานสวย ๆ ของเรามาดูด้วยค่ะ

การแข่งขันที่ไม่เคยรู้สึกถึงความพร้อม

เมื่อถามถึงความพร้อมในการแข่งขัน เธอนิ่งคิดไปเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่าเธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองพร้อมเลยสักครั้ง คิดเพียงแค่ว่าเมื่อมีโอกาสเข้ามาทำไมจะไม่คว้ามันไว้

“ฝ้ายไม่เคยพร้อม ไม่มีผลงานชิ้นไหนที่รู้สึกว่าตัวเองพร้อม เพราะรู้สึกว่าทุกครั้งที่มีโอกาสในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเวทีใหญ่หรือเวทีเล็กเราก็จะแข่ง ทุกการแข่งขันมันทำให้เราเติบโตขึ้น เราจะเก่งขึ้น เราเลยบอกไม่ได้เลยว่าเมื่อไหร่กันแน่ที่ตัวเองจะพร้อมสำหรับการแข่งขันแล้ว

“สำหรับเด็กไทยแล้วก็คนไทยที่สนใจอาชีพนี้จริง ๆ ฝ้ายอยากให้ลองดู การทำเค้กปั้นน้ำตาลไม่ได้ยากอย่างที่คิด แถมยังสนุกด้วย ได้ใช้จิตนาการ ได้มีเวลาอยู่กับตัวเอง มันทำให้เราก้าวผ่านเวลาที่ไม่ดีของเราไปได้ อยากให้ลองเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของทุกคนค่ะ”

“รางวัลล่าสุดที่เราได้รับจากผลงาน A lady from the hell มีความหมายต่อเรามาก เพราะรางวัลชิ้นนี้ช่วยการันตีว่าสิ่งที่เราทำอยู่ เราเดินมาถูกทางแล้ว และมันเป็นสิ่งที่เรารักจริง ๆ มันทำให้เราเห็นว่าเราก้าวออกมาจากจุดเดิมได้ไกลแค่ไหน มันเป็นกำลังใจให้เราได้มาก ๆ

ก่อนจะเผยเบื้องหลังของผลงานอันอ่อนช้อยชิ้นนี้ว่า เธอได้รับแรงบันดาลใจจากบ้านเกิดที่จังหวัดภูเก็ตของเธอเอง

“ด้วยความที่เราไม่ได้กลับประเทศไทยมาหลายปี ทำให้เราคิดถึงประเพณีถือศีลกินเจมาก ดังนั้นเราอยากให้ผลงานชิ้นนี้ออกมามีความเป็นจีน ๆ ผสมอยู่ เพราะเราเติบโตมากับประเพณีนี้มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งครอบครัวก็พาเราไปไหว้พระที่ศาลเจ้าประจำทุกปี

“เราก็จะเห็นองค์ปั้นต่าง ๆ ที่เป็นองค์เทพวางอยู่บนโต๊ะบูชา ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง แต่ว่าองค์ที่เรารู้สึกชื่นชอบมากก็คือ องค์เทพธิดาที่มักจะยืนอยู่ข้าง ๆ องค์เจ้าแม่กวนอิม ท่านชื่อว่า องค์หยกลื้อเหนียวเหนียว

“หลังจากนั้นเราก็ไปค้นคว้าประวัติของท่านเพิ่มเติม เพื่อที่จะทำผลงานชิ้นนี้ ซึ่งตามตำนานว่ากันว่าท่านเป็นบุตรสาวของพญามังกร และนี่คือเหตุผลว่าทำไม บนชิ้นงานของเราถึงมีเทพธิดาแล้วก็มีมังกร

“แต่เราไม่อยากจะทำให้มันออกมาแนวนางฟ้ามากเกินไป ดังนั้นเราก็เลยลดความแฟร์รี่ (fairy - เทพนิยาย) ลงมาหน่อย…แล้วก็ใส่ปีศาจเข้าไป ให้มันดูว่าท่านกำลังต่อสู้กับสิ่งชั่วร้าย”

ก่อนบทสนทนาทางไกลจะจบลง เธอบอกกับเราว่า อยากจะให้คนที่ยังลังเลที่จะเข้ามาทำอาชีพนี้ ลองเปิดใจดูสักครั้งแล้วจะพบว่า เค้กก้อนจิ๋วเหล่านี้ มีส่วนช่วยเปลี่ยนตัวตนและมุมมองในการใช้ชีวิต ของผู้ปั้นได้อย่างคาดไม่ถึง

“ฝ้ายอยากให้คนที่สนใจอาชีพนี้ลองทำดู การทำเค้กปั้นน้ำตาลไม่ได้ยากอย่างที่คิด สนุกด้วย ได้ใช้จินตนาการอีกต่างหาก ที่สำคัญคือได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง มันทำให้เราก้าวผ่านช่วงเวลาที่ไม่ดีของเราไปได้ อยากให้ลองเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งของทุกคน”