สัมภาษณ์ ‘ป้าเป้า’ แนวหน้าการชุมนุม ฉายา ‘เครื่องด่าเพื่อประชาธิปไตย’

สัมภาษณ์ ‘ป้าเป้า’ แนวหน้าการชุมนุม ฉายา ‘เครื่องด่าเพื่อประชาธิปไตย’

คุยกับ ‘ป้าเป้า-วรวรรณ แซ่อั้ง’ ถึงเหตุผลว่าทำไมชอบ ‘ด่า’ และเหตุผลที่ขับเคลื่อนให้เธอออกมาชุมนุมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย พร้อมคำพูดจาก ‘ลุงศักดิ์-วีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล’ ท้ายบทสัมภาษณ์

ย้อนกลับไปในหัวค่ำของวันพุธที่ 21 ตุลาคม 2563 ณ บริเวณก่อนถึงสะพานจะข้ามไปหน้าทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตระเตรียมลวดหนาม รถเมล์ ไพร่พล และรถฉีดน้ำเพื่อเตรียมรับมือกับผู้ชุมนุมที่กำลังมุ่งหน้ามาจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิที่กำลังจะเดินขบวนมายื่นหนังสือเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ณ ขณะนั้นผู้เขียนได้เดินอยู่บริเวณก่อนจะถึงสะพานดังกล่าว พร้อมกล้อง Nikon D7000 หนึ่งตัวเพื่อเตรียมเก็บภาพเหตุการณ์ไปทำสารคดีสั้นบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น ผู้เขียนเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเตรียมการรับมืออย่างหนาแน่นก่อนที่ผู้ชุมนุมจะเดินทางมาถึง บริเวณนั้นแทบจะไม่มีผู้ชุมนุมเลยแม้แต่คนเดียว มีเพียงสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหญิงสูงอายุพร้อมพวกพ้องไม่กี่คนยืนวิจารณ์และด่าการกระทำของเจ้าหน้าที่อย่างไร้ความยำเกรง

ผู้เขียนจึงเล็งถึงความน่าสนใจของเธอคนนั้น จึงได้เดินเข้าไปถามไถ่ว่าเธอคิดอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น

คิดว่ามันรังแกเด็ก หมดปัญญาที่จะช่วยประเทศชาติแล้วถึงต้องทำแบบนี้ สงสัยจะปิดประเทศกันแล้ว ดูสิ แหม… เด็กยังไม่ทันมาเลย รถออกเป็นสิบ ๆ คันแล้ว มันเก๊งเก่ง มันเก่งจริง ๆ คิดอยากทำอะไรมันก็ทำ มันไม่ใช่นะ

สัมภาษณ์ ‘ป้าเป้า’ แนวหน้าการชุมนุม ฉายา ‘เครื่องด่าเพื่อประชาธิปไตย’

หลังจากวันนั้นผู้เขียนก็มาทราบในภายหลังว่าหญิงผู้ไม่เกรงกลัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นมีนามว่า ‘ป้าเป้า’ หรือ ‘วรวรรณ แซ่อั้ง’ อดีตผู้ร่วมชุมนุมม็อบเสื้อแดงที่ยังคงออกมาต่อสู้ในปัจจุบัน แม้ในวันนั้นน้อยคนจะรู้จักชื่อของเธอ แต่ในปัจจุบันนี้ ป้าเป้าก็คือหนึ่งในไอคอนสำคัญเมื่อพูดถึงการชุมนุมทางการเมืองจากฝั่งประชาธิปไตย

หลาย ๆ ครั้งเราจะเห็นเธอยืนหยัดอยู่แนวหน้าเสมอ บ้างก็ยืนพูดพร้อมโทรโข่ง บ้างก็ตะโกนด่าด้วยปากเปล่า แต่ไม่ว่าใครจะรู้จักเธอหรือไม่รู้จักก็ตาม เธอก็ยังคงแนวทางแห่งการเป็นตัวแทนการยืนด่าไม่เปลี่ยนแปร จนในวันนี้หลายคนก็ถึงขั้นขนานนามเธอว่าเป็น ‘เครื่องด่าเพื่อประชาธิปไตย

ในเดือนกันยายนปี 2564 เกือบหนึ่งปีผ่านไปหลังจากเหตุการณ์วันที่พบป้าเป้าเป็นครั้งแรก ผู้เขียนและ The People ก็ได้โอกาสในการสัมภาษณ์ป้าเป้าแบบเจาะลึกถึงชีวิต แนวคิด และเหตุผลว่าทำไมเธอถึงชอบด่าอย่างเจาะลึก และนี่คือบทสนทนาครั้งที่สองระหว่างผู้เขียนและป้าเป้า หลังจากที่บังเอิญพบกันบริเวณสะพานหน้าทำเนียบรัฐบาลในวันนั้น...

สัมภาษณ์ ‘ป้าเป้า’ แนวหน้าการชุมนุม ฉายา ‘เครื่องด่าเพื่อประชาธิปไตย’

ทำไมถึง ‘ด่า’?

อ๋อ พวกนี้ต้องด่า โลกสวยด้วยไม่ได้ แล้วรุ่นยายนี่ก็เป็นรุ่นที่ชอบด่าด้วย

คงจะเป็นคำถามที่ไม่ถามคงไม่ได้เมื่อได้มีโอกาสมาสนทนากับป้าเป้า หลังจากนั้นเธอก็เล่าย้อนไปถึงสมัยอดีตว่าเมื่อก่อนมีคำด่าแบบใดบ้าง เราจึงได้ถามต่อว่าแล้วเหตุใดป้าเป้าจึงตัดสินใจที่จะมายืนอยู่แนวหน้าในการชุมนุมและยืนหยัดด่ารัฐบาลอย่างสม่ำเสมอ

ถ้าคนดี เขามีสมอง เขาไม่ต้องด่า แต่นี่มันเหลืออดเหลือทนแล้ว ไม่รู้จะทำอย่างไร โลกสวยก็แล้ว พูดก็แล้ว ไล่ก็แล้ว ก็ไม่ไป อย่างที่เด็กสมัยนี้เขาชอบพูดกันว่า ‘ไม่ตบไม่ตีไม่ดีขึ้นเลย’ นั่นแหละ

เดี๋ยวจะหาว่ายายพูดเพราะไม่เป็น ยายพูดเพราะเป็น ยายรู้ว่าเวลาอยู่สถานการณ์นั้นจะต้องพูดอย่างไร อยู่ตรงนี้จะต้องพูดอย่างไร ยายรู้ว่าระดับไหนคือระดับไหน แม้ว่ายายจะไม่ได้มีการศึกษาก็จริง คนไหนมาดี คนไหนพูดภาษาเดียวกันกับเรามันก็โอเค แต่ถ้ามึงพูดคนละภาษานี่ไม่ต้องไปพูดกับมันแล้ว

สัมภาษณ์ ‘ป้าเป้า’ แนวหน้าการชุมนุม ฉายา ‘เครื่องด่าเพื่อประชาธิปไตย’

 

จะด่าไปถึงเมื่อไหร่?

นับตั้งแต่เหตุการณ์ 14 ตุลาคมดำเนินเรื่อยมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันนี้ ก็เป็นเวลาเกือบครึ่งศตวรรษที่ วรวรรณ แซ่อั้ง เดินหน้าต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยด้วยอาวุธประจำตัวอย่างการด่า แม้ว่าตอนนี้จะมีอายุ 68 ปีแล้ว แต่ป้าเป้าก็ยังคงยืนประท้วงอยู่หน้ากลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไร้ความหวั่นเกรง คำถามที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ

ป้าเป้าจะด่าไปถึงเมื่อไหร่?

 

ก็จนกว่าจะตายนั่นแหละ… จนกว่าจะไม่แข็งแรง จนกว่าจะคลานไปด่า

ตอนนี้ยายก็เลยพยายามดูแลสุขภาพ ไม่สบายก็ทนเอา หานู่นหานี่มากินมาอมเอา รุ่นยายก็แก่งอมกันหมดแล้ว อย่างตอนที่ยายอายุ 59 ปี ตอนจะลุกนี่ต้องหันไปหันมากว่าจะลุกได้ มันปวดไปหมด มันปวดถึงใจเลยนะเวลาปวด ลุกก็ไม่ได้

สัมภาษณ์ ‘ป้าเป้า’ แนวหน้าการชุมนุม ฉายา ‘เครื่องด่าเพื่อประชาธิปไตย’

ป้าเป้าก็ได้อธิบายต่อว่าเมื่อก่อนแทบจะไม่สามารถยกขาได้เลย เธอถึงขั้นอธิบายว่า ‘แทบจะอยากตัดทิ้ง’ เหตุเพราะทั้งอาการปวดที่รุนแรงและเรี่ยวแรงที่จางหาย แต่หลังจากที่รักษาสุขภาพและดูแลตัวเองมากขึ้น ขาที่ก่อนเคยยกไม่ได้ก็สามารถยกได้ดังปกติ พลันยกขาข้างซ้ายให้เห็นขณะที่เธอกล่าวอธิบาย พร้อมบอกว่า

 

เดี๋ยวนี้ยกได้สบายแล้ว

 

นอกจากนั้น ย้อนกลับไปในเหตุการชุมนุมวันที่ 11 สิงหาคม 2564 ณ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนเข้ายุติการชุมนุม เราจะเห็นภาพป้าเป้าพยายามเข้าไปช่วยเยาวชนคนหนึ่งที่กำลังถูกจับกุมพร้อมตะโกนว่าบอกเจ้าหน้าที่ว่าเด็กไม่เกี่ยวและพยายามจะดึงตัวเยาวชนคนดังกล่าวออกมา แต่ก็ถูกสลัดล้มก่อนจะถูกจับกุมตัวไปในที่สุด

The People จึงเอ่ยถามป้าเป้าถึงอาการภายหลังจากการล้มในวันนั้น

 

โอ้โห… เราอย่าไปอ่อนแอให้เขาเห็น เราต้องแข็งแรงเอาไว้ บางทีเจ็บจะตายกูก็… อืม… (หัวเราะ) บางทีเวลาจะลุกก็ลุกไม่ขึ้น กว่าจะลุกได้ก็ยาก กูก็ต้องพยายามเดินให้มันดี ๆ 

เดี๋ยวเสียทรง…

สัมภาษณ์ ‘ป้าเป้า’ แนวหน้าการชุมนุม ฉายา ‘เครื่องด่าเพื่อประชาธิปไตย’

 

สังคมที่อยากส่งต่อให้คนรุ่นหลัง

ป้าเป้าเคยกล่าวกับเราว่าการออกมาเข้าร่วมชุมนุมในแต่ละครั้ง ตัวเขาและผู้เข้าร่วมชุมนุมคนอื่น ๆ แทบจะไม่ได้ผลประโยชน์กลับมาเลยแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายยังมีแต่ต้นทุนที่ต้องจ่ายออกไป แต่สุดท้ายแล้ว เพื่อสังคมของประเทศไทยที่ดีกว่าเดิม การเดินทางไปยืนด่าและเสี่ยงอันตรายอยู่ที่แนวหน้าก็เป็นต้นทุนที่คุ้มค่าที่จะจ่าย

แล้วสังคมแบบไหนที่ป้าเป้าลงทุนลงแรงต่อสู้เพื่อที่จะได้มันมา?

สังคมแบบไหนที่ วรวรรณ แซ่อั้ง อยากจะส่งต่อให้กับประชาชนรุ่นถัดไป?

สัมภาษณ์ ‘ป้าเป้า’ แนวหน้าการชุมนุม ฉายา ‘เครื่องด่าเพื่อประชาธิปไตย’

ประเทศนี้มันเป็นของลูกหลานเรา คนที่อยู่ข้างหลังเรา อย่าไปมองแต่ข้างหน้า เดี๋ยวเราก็ตายแล้ว แต่เราต้องมองไปข้างหลังด้วย มองไปถึงคนที่จะตามเรามาด้วย

ส่วนเรื่องที่กลัวตายไหม คนเรานะ ถึงเวลาก็ต้องตายกันทุกคน แต่เราก็ต้องเอาความถูกต้อง สร้างประเทศชาติ… อย่างยายอยู่อีกไม่นานก็ต้องตาย เราก็ต้องดูว่าข้างหลังเป็นอย่างไร ข้างหน้าเป็นอย่างไร หากเราจะสร้างประเทศ เราก็ต้องสร้างมาจากเยาวชน เราต้องมอบสิ่งดี ๆ ให้เขา

ทำไมคนใหญ่ ๆ โต ๆ ถึงคิดแต่เรื่องอำนาจ ทำไมถึงคิดถึงแต่ยศถาบรรดาศักดิ์ ท้ายที่สุดก็ต้องตายทุกคน ไม่เห็นจะมีใครรอดเลย ยายก็ไม่เกี่ยวหรอกนะไอเรื่องตายเรื่องเป็น ขอเพียงแค่ว่าให้คิดกันให้ถูกว่าพวกเราจะทำเพื่ออะไร…

มันก็อาจจะเหนื่อยหน่อย แต่เราก็ต้องอดทน เพราะว่าถ้าวันใดเราได้ประชาธิปไตยมา วันนั้นแหละที่ประเทศจะเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของผู้ใดผู้หนึ่ง เป็นของทุกคน คนเราต้องยอมรับความจริง มันไม่มีอะไรเกินความจริงหรอก

 

‘ลุงศักดิ์’ ขอเสริมส่งท้าย

สัมภาษณ์ ‘ป้าเป้า’ แนวหน้าการชุมนุม ฉายา ‘เครื่องด่าเพื่อประชาธิปไตย’

ก่อนบทสัมภาษณ์ระหว่าง The People และป้าเป้าจะจบลง ก็มีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น

เดี๋ยว ขอเสริมนิดนึง

เจ้าของเสียงนั้นคือ ‘ลุงศักดิ์-วีรวิชญ์ รุ่งเรืองศิริผล’ อดีตม็อบเสื้อแดงผู้เข้าร่วมชุมนุมกับการชุมนุมราษฎร ณ ขณะนั้น หรือที่ปัจจุบันหลายคนอาจคุ้นชื่อในฐานะ ผู้ที่บุกต่อย ‘ศรีสุวรรณ จรรยา’ ในวันอังคารที่ 18 ตุลาคม 2565 ซึ่งลุงศักดิ์ก็เป็นหนึ่งในเพื่อนของป้าเป้าที่ติดตามป้าเป้ามาให้สัมภาษณ์ในวันนั้นด้วย

เหตุผลที่ป้าเป้าด่า แล้วลูกหลานให้การสนับสนุนก็เป็นเพราะว่า คนยุคใหม่ไม่ได้มีวาจาที่หยาบคาย แต่พอความกดดันทั้งหมดถูกกดลงไปที่เยาวชนคนรุ่นใหม่จนอยากด่าออกไป แต่ก็ไม่กล้าด่า ทั้งหมดจึงเห็นป้าเป้าเป็นตัวแทนการด่าจากใจของเยาวชนทั้งหลาย เป็นหมายเหตุที่ทำให้เยาวชนหลายคนรักป้าเป้า ทั้งหญิงและชาย… ป้าเป้าเปรียบเสมือนตัวแทนที่ด่าแทนใครหลาย ๆ คน

แม้กาลเวลาจะผ่านไปหลายยุคหลายสมัยแต่เครื่องด่านามว่า ‘ป้าเป้า’ ก็ยังคงทำงานและต่อสู้เพื่อได้มาซึ่งประชาธิปไตย ไม่ว่าจะมีคนรู้จักชื่อของเธอหรือไม่ เธอก็ยืนเด่นด้วยการด่าอย่างท้าทายไร้ความกลัว

และแม้จะยืนด่ามานาน แต่ป้าเป้าก็ยังคงยืนด่าต่อไปจนกว่าชีวิตของเธอจะหาไม่หรือไม่ก็จนถึงวันที่สังคมไทยจะหาประชาธิปไตยพบ

สัมภาษณ์ ‘ป้าเป้า’ แนวหน้าการชุมนุม ฉายา ‘เครื่องด่าเพื่อประชาธิปไตย’