‘ม๊าเดี่ยว อภิเชษฐ์’ ดีไซเนอร์บ้านนา ปั้นชุดแฟชั่นจากใบไม้ สู่นักออกแบบมุ่งพัฒนาอีสาน

‘ม๊าเดี่ยว อภิเชษฐ์’ ดีไซเนอร์บ้านนา ปั้นชุดแฟชั่นจากใบไม้ สู่นักออกแบบมุ่งพัฒนาอีสาน

ม๊าเดี่ยว - อภิเชษฐ์ เอติรัตนะ ดีไซเนอร์เลือดอีสานที่แจ้งเกิดในรายการ Asia’s Next Top Model ตั้งแต่อายุ 15 ตัดสินใจทิ้งชีวิตเมืองกรุง หันมาพัฒนาบ้านเกิดให้เป็นที่ยอมรับระดับโลก โดยใช้ 'กระเป๋าไก่บ้าน' เป็นตัวกลางในการส่งออกความยิ่งใหญ่ของวัฒนธรรมอีสาน

  • ม๊าเดี่ยว - อภิเชษฐ์ เอติรัตนะ ดีไซเนอร์เลือดอีสานเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกออนไลน์ หลังจากเธอปล่อยภาพแฟชั่นเซ็ตที่หยิบเอาเศษใบไม้มาปั้นแต่งเป็นแฟชั่นสุดล้ำ จนกระทั่งได้รับการทาบทามให้ไปเป็นดีไซเนอร์ของรายการระดับโลกอย่าง Asia’s Next Top Model ขณะอายุ 15 ปี
  • หลังจากดื่มด่ำกับชีวิตในกรุงเทพฯ มาเป็นเวลาหลายปี ม๊าเดี่ยวตัดสินใจหวนกลับบ้านเกิดที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อพัฒนาอีสานให้เป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก
  • กระเป๋าไก่บ้าน (Kai-Baan Bag) งานออกแบบคอลเล็กชันล่าสุดของม๊าเดี่ยว ที่ร่วมออกแบบกับทีมงาน BWILD ISAN แหล่งรวมตัวเหล่าเลือดอีสานรุ่นใหม่ ที่หวังจะเห็นบ้านของตัวเองพัฒนา ผ่านแฮชแท็กอีสานต้องได้เกิด

จำได้ว่าภาพแรกที่ทำให้สนใจและอยากติดตามชีวิตของ ม๊าเดี่ยว - อภิเชษฐ์ เอติรัตนะ ดีไซเนอร์เลือดอีสาน เริ่มขึ้นหลังจากเห็นเธอสวมชุดที่ตัดเย็บขึ้นมาจากเศษใบไม้ด้วยความมั่นใจ เมื่อชุดสุดล้ำมาอยู่บนตัวม๊าเดี่ยว คู่กับใบหน้าสุดเก๋ของเธอยิ่งทำให้ชุดที่ใส่ดูโดดเด่นเข้าไปอีก

จากนั้นเราก็เห็นภาพของม๊าเดี่ยวปลิวว่อนไปทั่วโลกออนไลน์ เธอมักปรากฏตัวในชุดที่ใครเห็นเป็นต้องทึ่งในความคิดสร้างสรรค์ ทั้งสุ่มไก่ สังกะสี ก้อนอิฐ ไปจนถึงถุงขยะสีดำ ทุกอย่างที่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย แต่เธอกลับทำให้มันสวมใส่ได้ แถมยังดูดีอีกต่างหาก

The People เดินทางไปขอนแก่น จังหวัดที่เป็นดั่งหัวเมืองใหญ่ศูนย์รวมความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ รุ่มรวยไปด้วยวัฒนธรรมถิ่นอีสาน เพื่อพูดคุยกับ ม๊าเดี่ยว - อภิเชษฐ์ เอติรัตนะ ดีไซเนอร์สุดเก๋ผู้ยอมทิ้งชีวิตเมืองกรุง หันมาพัฒนาบ้านเกิดให้ของทุกอย่างที่แปะป้ายเมดอินอีสานเป็นที่ยอมรับระดับโลก

เพราะอีสานต้องได้เกิด!

‘ม๊าเดี่ยว อภิเชษฐ์’ ดีไซเนอร์บ้านนา ปั้นชุดแฟชั่นจากใบไม้ สู่นักออกแบบมุ่งพัฒนาอีสาน

ครอบครัวที่พร้อมโอบกอดตัวตนของลูกชายคนโต

เรานัดเจอกับม๊าเดี่ยวที่สตูดิโอ BWILD ISAN แหล่งรวมตัวของคนหัวก้าวหน้าที่มีความฝันจะเห็นอีสานแจ้งเกิดในเวทีโลก เธอทักทายเราด้วยใบหน้าสดใส พร้อมส่งรอยยิ้มน่ารัก ๆ มาให้ ก่อนจะจัดแจงที่นั่งพูดคุยกันท่ามกลางบรรยากาศเป็นกันเอง

ม๊าเดี่ยวเป็นลูกชายคนโต มีน้องชาย 1 คน พ่อแม่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่ได้มีความรู้หรือความเข้าใจในวงการแฟชั่นมากนัก ถึงจะไม่เข้าใจแต่ที่บ้านก็ไม่เคยคัดค้าน ในทางกลับกันครอบครัวของเธอพร้อมสนับสนุนทุกอย่างเท่าที่ครอบครัวชาวนาจะทำได้

“พ่อม๊าเดี่ยวเป็นชาวนา แม่ม๊าเดี่ยวเป็นแม่ค้า ก็ไม่ได้หัวคิดทางด้านแฟชั่นเลยอะไรอย่างนี้ เพราะว่าที่ต่างจังหวัด เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแฟชั่นดีไซเนอร์คืออะไร ช่างตัดชุดคืออะไร มันต่างกันตรงไหน

“พอม๊าเดี่ยวบอกว่าอยากเป็นดีไซเนอร์ที่บ้านไม่รู้หรอกว่าดีไซเนอร์คืออะไร แต่พอบอกว่าอยากเป็นดีไซเนอร์ที่บ้านก็แบบ เออ เป็นเลยต้องการอะไรก็จะช่วยได้เท่าที่เขาช่วยไหว ส่วนมากเขาไม่ได้ช่วยม๊าเดี่ยวได้เรื่องเงิน แต่ว่าเขาช่วยได้ทางด้านให้คำปรึกษาหรือสนับสนุนม๊าเดี่ยวให้ออกไปลองทำ

“อย่างตอนอยากเรียนแค่ ม.3 เพราะอยากลาออกไปเรียนอย่างอื่น ไม่ได้อยากเรียนในระบบแล้ว ถ้าเป็นพ่อแม่คนอื่นก็คงแบบ เออ ลูกเรียนให้มันจบ ม.6 ก่อนไหม แล้วเราค่อยไปเรียนต่ออย่างอื่นที่มันเป็นเกี่ยวกับศิลปะ ซึ่งพ่อแม่ ม๊าเดี่ยวก็บอกไปเลยทำได้เลย แล้วม๊าเดี่ยวก็นั่งรถจากบ้านมากรุงเทพฯ คนเดียวตั้งแต่ตอนอายุ 15 เขาก็ปล่อยให้อิสระกับเรามาก”

ส่วนจุดเริ่มต้นที่ทำให้ม๊าเดี่ยวเป็นม๊าเดี่ยวอย่างในทุกวันนี้ เริ่มขึ้นตอนที่เธอไปร้านตัดผมแล้วระหว่างนั่งรอ ก็ได้หยิบนิตยสารแฟชั่นมานั่งอ่านคั่นเวลา ใครจะรู้ว่า ณ ร้านตัดผมเล็ก ๆ ในขอนแก่น กำลังจะให้กำเนิดดีไซเนอร์แห่งยุค เพราะทุกภาพที่เธอเห็น ทำให้ใจเต้นระรัวราวกับเจอคลังสมบัติล้ำค่า เมื่อพลิกไปจนถึงหน้าสุดท้าย ม๊าเดี่ยวก็ตัดสินใจได้ทันทีว่า เธอจะต้องก้าวเข้าสู่วงการแฟชั่นให้ได้

‘ม๊าเดี่ยว อภิเชษฐ์’ ดีไซเนอร์บ้านนา ปั้นชุดแฟชั่นจากใบไม้ สู่นักออกแบบมุ่งพัฒนาอีสาน “เราก็ไม่ได้บอกว่าจะเป็นดีไซเนอร์ เพราะที่บ้านเขาก็จะปลูกฝังว่าต้องเป็นราชการนะ เพราะว่ามันมั่นคง เขามีความรู้แค่ว่าข้าราชการน่ะคือเป็นอาชีพที่มั่นคงมาก ๆ แต่พ่อแม่ก็รู้แหละว่าเราชอบอะไร เพราะตอนม๊าเดี่ยวเด็ก ๆ ม๊าเดี่ยวก็จะทำ runway ที่บ้านเลย ม๊าเดี่ยวก็จะเอาผ้าคุณยายมามัดแล้วก็เดินให้แม่ดูนู่นนี่ เขาก็เห็นเป็นเรื่องปกติ จนเขารู้สึกว่ามันชินมั้ง เขาเลยไม่ได้รู้สึกว่า เฮ้ย มันพิเศษหรือมันแบบไม่เหมือนเพื่อนไม่เหมือนคนอื่น

“ที่บ้านคือแบบยอมรับในตัวเรามาก ๆ เวลาแม่ม๊าเดี่ยวไปตลาด ก็จะมีคนแบบเดินมาแล้ว ลูกมึงเป็นกะเทยบ่ … ลูกเป็นกะเทยใช่ไหม?

“ใช่ แล้วทำไมเหรอ, ก็เป็นอย่างนี้ ภูมิใจมาก” (ยิ้ม)

“ตอนม๊าเดี่ยว ป.6 ม๊าเดี่ยวอยากเป็นดรัมเมเยอร์ผู้หญิง แม่ก็ซัพพอร์ตพาไปร้านแบบทำชุดทำผมให้ ก็รู้สึกว่า พอครอบครัวยอมรับเราได้ เราจะทำอะไรก็ได้แล้ว มันก็จบ เหมือนเราสามารถกลับไปชาร์จแบตได้ตลอดเวลา”

ม๊าเดี่ยวบอกกับเราอีกว่าเธอไม่เคยรู้หรือค้นพบเลยว่าเธอเป็น LGBTQ เลยสักครั้ง เพราะตั้งแต่เกิดมาเธอก็คือเธอ

“ม๊าเดี่ยวรู้สึกว่าม๊าเดี่ยวคือม๊าเดี่ยว แล้วไม่ได้จำกัดด้วยว่าตัวเองเป็นทรานส์เจนเดอร์ เป็นผู้ชาย หรือเป็นผู้หญิง เราแค่เป็นเรา ไม่ต้องมีคำนิยามว่าเราคืออะไร เราก็คือคน ๆ นึงเหมือนกัน ชายหญิงก็สมมุติขึ้นมาเหมือนกันหมด ผู้ชายก็บางคนก็มีความเป็น feminine ผู้หญิงบางคนก็มีความ masculine มันเลยไม่มีอะไรมาจำแนกได้”

 

ดีไซเนอร์วัย 15

หลังจากโพสต์ภาพถ่ายเล่น ๆ ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว จนทำให้เธอเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกออนไลน์ แสงไฟสปอร์ตไลต์ก็สาดส่องมาที่สาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้ไม่หยุด “ณ ตอนนั้นว่าคนเพิ่งรู้จักม๊าเดี่ยวได้ไม่ถึงปี ม๊าเดี่ยวก็ยังเป็นเด็กคนนึงที่นั่งทำชุดอยู่บ้านใช้ใบตองใช้ใบไม้แล้วก็ถ่ายรูปลง Facebook อยู่เลย แต่มันมีสายนึงโทรฯ มาหาม๊าเดี่ยวบอกว่าติดต่อจากรายการ Asia’s Next Top Model

“คือม๊าเดี่ยวรู้จักอยู่แล้ว มันเป็นรายการค้นหานางแบบทั่วเอเชียให้มาแข่งกันเพื่อหานางแบบที่ดีที่สุด ม๊าเดี่ยวก็แบบเขาโทรฯ มาจาก Asia’s Next Top Model ม๊าเดี่ยวก็ฮัลโหล ม๊าเดี่ยวไม่ได้เป็นนางแบบ (หัวเราะ) เขาก็บอกว่าให้ม๊าเดี่ยวไปทำหน้าที่แฟชั่นดีไซเนอร์ ม๊าเดี่ยวก็ย้อนกลับมาตัวเองว่า บ้าเหรอ! ม๊าเดี่ยวเพิ่งอายุ 15 เอง แล้วจะทำได้เหรอ ก็กังวลว่าจำไปหรือไม่ไปดี

“เพราะว่าเรายังไม่ได้มั่นใจในตัวเองขนาดนั้นว่าเราเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ที่ถูกต้องไหม เพราะม๊าเดี่ยวยังเด็กอยู่เลย”

สุดท้ายม๊าเดี่ยวก็คว้าโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของเธอไว้ เก็บกระเป๋าบินไปทำหน้าที่ดีไซเนอร์อย่างเต็มตัวให้กับรายการ Asia’s Next Top Model

“มันเป็นเหตุการณ์เปลี่ยนชีวิตเลย จากเด็กคนนึงที่อยู่บ้านนอก แล้วก็ทำแฟชั่นบ้าน ๆ ใช้ใบไม้ ใช้สิ่งของที่คนอื่นมองว่าไร้ค่ามาทำชุด วันนึงมีคนติดต่อมาให้โอกาสและเห็นสิ่งที่เราทำว่ามันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ วันนั้นมันเลยเป็นสิ่งพลิกชีวิตให้ม๊าเดี่ยวว่า อ๋อ สิ่งที่เราทำมันถูกนี่หว่า สิ่งที่เราทำมันไม่ได้แค่เล่น ๆ แล้ว นั่นคือจุดเปลี่ยนของม๊าเดี่ยว”

‘ม๊าเดี่ยว อภิเชษฐ์’ ดีไซเนอร์บ้านนา ปั้นชุดแฟชั่นจากใบไม้ สู่นักออกแบบมุ่งพัฒนาอีสาน กระเป๋าไก่ - จุดเริ่มต้นจากเสียงโหวกเหวก

จากดีไซเนอร์ที่ยังนิยามความ ‘ถูกต้อง’ ไม่ได้ในวันนั้น เราคงไม่ต้องขอคำขยายความหรือคำอธิบายจากเธอเพิ่มเติมอีกแล้ว เพราะเกือบสิบปีที่ผ่านมา ม๊าเดี่ยวทำให้เห็นแล้วว่าเธอคือดีไซเนอร์ที่ถูกต้องและสมบูรณ์แบบแค่ไหน

ปัจจุบัน ม๊าเดี่ยวตัดสินใจทิ้งชีวิตสาวเมืองกรุง เพราะเบื่อทุกความเร่งรีบ แสงสี และผู้คน เธอไม่อยากสัมผัสความวุ่นวายเหล่านั้นอีกแล้ว จึงตัดสินใจเก็บกระเป๋ากลับบ้านเกิด และได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ BWILD ISAN

“คอนเซ็ปต์ของ BWILD ISAN คือการที่ทำให้อีสานพัฒนา ซึ่งไม่ได้พัฒนาแค่บ้านเมือง แต่เป็นการพัฒนาคนให้คนที่ทำงานคราฟท์ทำงานฝีมือได้รู้จักวิธีการที่จะแสดงตัวตนของตัวเองออกมาผ่านผลงาน ทุกอย่างที่เราทำคืออีสานต้องได้เกิด แฮชแท็กอีสานต้องได้เกิด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ เราต้องไปดูว่ามันเข้ากับแฮชแท็กที่เราตั้งไว้ไหม

“BWILD ISAN ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองด้วยซ้ำ เพราะการที่เราทำสินค้าอะไรออกมา มันจะสะท้อนสังคม สะท้อนวิถีชีวิต สะท้อนปัญหาของอีสานด้วยซ้ำ มันไม่ใช่แค่แฟชั่น มันไม่ใช่แค่ของที่ถือสวย ๆ แต่มันคือการนำเสนอว่าเราภูมิใจในอะไร”

เมื่อถามถึงผลงานที่ม๊าเดี่ยวภาคภูมิใจมากที่สุดในตอนนี้คืออะไร เธอตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า ‘กระเป๋าไก่บ้าน’ แถมยังฉีกยิ้มกว้างอีกต่างหาก คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอภูมิใจในผลงานชิ้นนี้ขนาดไหน

“Kai-Baan Bag เป็นกระเป๋าไก่ที่แบบคอนเซ็ปต์มันก็คือพ่อม๊าเดี่ยวเลี้ยงไก่ แล้วม๊าเดี่ยวรำคาญ คือมันขันทุกวัน มันอยู่ข้างบ้าน ตื่นเช้ามามันก็จะขัน ตอนนอนมันก็จะขัน มันขันไม่หยุด มันไม่สามารถควบคุมได้ ม๊าเดี่ยวก็เลยเอาอันนี้แหละ งั้นไก่ก็มาเป็นกระเป๋าเนาะอยู่นิ่ง ๆ คือเป็นกระเป๋าไก่ที่เราควบคุมได้” (หัวเราะ)

หากจะให้เล่าความยิ่งใหญ่ของกระเป๋าไก่ เราขอยกตัวอย่างสั้น ๆ ว่ากระเป๋าไก่บ้านเคยไปเฉิดฉายบนเวที VersaThai ที่ประเทศมาเลเซียมาแล้ว แถมน้องไก่แต่ละตัวก็อยู่ในความดูแลของเหล่าดาราเซเลปมากหน้าหลายตา เพราะเอกลักษณ์ความเป็นอีสานที่ลอยเด่นออกมา จนใครก็อยากจะหยิบมาคล้องใส่แขน

“ตอนที่เริ่มกันออกแบบเราก็นั่งคิดกันข้างบนว่าเราจะทำอะไร คือมันเป็นการออกไอเดียร่วมกัน ม๊าเดี่ยวอยากทำกระเป๋าไก่ คือที่ออฟฟิศ BWILD ISAN น่ะ จะเป็นออฟฟิศที่ทุกคนอยากทำอะไรก็ทำได้ ทุกคนมีไอเดียหรืออยากเสนออะไรก็คือเสนอได้เลยทำได้เลย ม๊าเดี่ยวก็เสนอกระเป๋าไก่ไป พี่พู่ (ชมพู่ - กาญจนา ชนาเทพาพร ผู้ก่อตั้ง BWILD ISAN) บอกว่าก็ทำเลยสิ ทำมาปุ๊บ ก็ถ่ายแบบกันเอง แล้วโพสต์ลงขาย

“ตอนทำแรก ๆ ไม่ได้คิดว่าจะมีคนมาซื้อจริงเลยนะ เพราะว่ามันเป็นอะไรที่แบบ Avant-garde มาก มันเป็นอะไรที่บางคนก็จะมองว่าถือยาก เรามั่นใจในโปรดักส์ แต่เราไม่มั่นใจว่าจะมีคนที่ใช้ของเราไหม แต่พอมันเริ่มมีคนใช้ แล้วคนใช้กันเยอะขึ้นมาเรื่อย ๆ เนี่ยรู้สึก อ๋อ มันดีนี่หว่า มันเลิศ ก็ภูมิใจในตัวมันมาก”

ก่อนม๊าเดี่ยวจะบอกกับเราว่าชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างในทุกวันนี้ แตกต่างจากภาพฝันในวัยเด็กอย่างชัดเจน “ความใฝ่ฝันตอนเด็กของม๊าเดี่ยวคืออะไรรู้ไหม ม๊าเดี่ยวต้องรวยมาก ม๊าเดี่ยวต้องมีบ้าน 100 ล้านบาท ม๊าเดี่ยวต้องมีรถ ม๊าเดี่ยวต้องเป็นแฟชั่นดีไซเนอร์ที่รวยและมีชื่อเสียง แต่พอเราเริ่มโตมา แล้วเราก็เริ่มผ่านอะไรมาเยอะ

“ม๊าเดี่ยวก็มีเวลาคิดกับตัวเองมากขึ้น ณ ตอนนี้ม๊าเดี่ยวรู้สึกว่าอยากเป็นคนให้เหมือนที่ม๊าเดี่ยวเคยได้ ณ ตอนเด็กที่ทุกคนมอบโอกาสให้กับม๊าเดี่ยว ม๊าเดี่ยวก็อยากเป็นคนให้คนอื่นบ้าง ให้โอกาส ให้วิธีคิด ให้แนวคิด ให้แรงบันดาลใจ หรือแม้กระทั่งให้กำลังใจ ม๊าเดี่ยวรู้สึกมันคุณค่ามากกว่า การที่เราประสบความสำเร็จแล้วอยู่คนเดียว มันก็แล้วไง มันต้องช่วยคนรอบข้างช่วยสังคมที่เราอยู่ด้วย อันนี้มันจะฟินสำหรับม๊าเดี่ยวมากกว่า” ‘ม๊าเดี่ยว อภิเชษฐ์’ ดีไซเนอร์บ้านนา ปั้นชุดแฟชั่นจากใบไม้ สู่นักออกแบบมุ่งพัฒนาอีสาน ‘ม๊าเดี่ยว อภิเชษฐ์’ ดีไซเนอร์บ้านนา ปั้นชุดแฟชั่นจากใบไม้ สู่นักออกแบบมุ่งพัฒนาอีสาน