25 ก.พ. 2567 | 14:50 น.
- Drinks On Me เป็นบาร์ออนไลน์ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังนั่งอยู่ในบาร์จริง ๆ เพราะมีทั้งเสียงบาร์เทนเดอร์กำลังชงเครื่องดื่มอย่างขมีขมัน อวลด้วยเสียงพูดคุยที่ต่อเนื่องไม่ขาดช่วง และเสียงชนแก้วที่ดังขึ้นยามเมื่อสมาชิกในห้องสนทนาพิมพ์บางอย่างเข้ามา
- ‘นะโม’ กับ ‘ปั่น’ พัฒนาเว็บไซต์นี้ขึ้น หลังจากที่ปั่นมีอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา จนไม่สามารถออกไปนอกบ้านได้
- นอกเหนือจากการเปิดพื้นที่ในโลกออนไลน์แล้ว Drinks On Me ยังได้ต่อยอดไปสู่กิจกรรมออฟไลน์ด้วย โดยจับมือกับทีม ‘Slow Night’ ที่มี Passion ในการ Heal ใจ คล้าย ๆ กัน ทำกิจกรรมให้คนแปลกหน้ามาพบปะพูดคุยกัน
“อย่าคุยกับคนแปลกหน้า”
เป็นคำสอนที่ผู้ใหญ่เข้ารหัสเราไว้ตั้งแต่เด็ก เพื่อป้องกันภัยอันตรายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากคนไม่รู้จัก
แต่เมื่อผ่านพ้นวัยเด็กมาแล้ว หลายคนกลับพบว่า ‘คนรู้จัก’ นี่แหละ ตัวดีเลย! เผลอ ๆ น่ากลัวกว่า ‘คนไม่รู้จัก’ ด้วยซ้ำ
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทุกวันนี้ ผู้คนที่อยากซ่อนเร้นตัวตน แต่ก็ยังชื่นชอบในรสชาติการสนทนา ออกเสาะแสวงหา ‘พื้นที่ปลอดภัย’ ในโลกออนไลน์ เพื่อปลีกหนีออกจากโลกความเป็นจริง ที่วนไปไหนก็เจอแต่กลุ่มคนหน้าเดิม ๆ
หนึ่งในปลายทางของพวกเขาคือบาร์ทิพย์ ‘Drinks On Me’ เว็บไซต์ที่จำลองบรรยากาศในบาร์มาไว้ตรงหน้า แม้ว่าคุณจะกำลังนั่งเบื่ออยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม
หลังสำรวจเว็บไซต์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังนั่งอยู่ในบาร์ ที่มีเสียงบาร์เทนเดอร์กำลังชงเครื่องดื่มอย่างขมีขมัน อวลด้วยเสียงพูดคุยที่ต่อเนื่องไม่ขาดช่วง และเสียงชนแก้วที่ดังขึ้นยามเมื่อสมาชิกในห้องสนทนาพิมพ์บางอย่างเข้ามา… ค่ำคืนนั้นเราก็ได้พูดคุยกับสองเพื่อนซี้ผู้พัฒนา ‘Drinks On Me’ ได้แก่ ‘ปั่น’ วศิน วัฒนศรีส่ง และ ‘นะโม’ ชลิพา ดุลยากร
สาเหตุที่ต้องนัดสัมภาษณ์ตอนดึก เพราะทั้งคู่ต่างก็มีงานประจำ ‘ปั่น’ เป็น developer ในบริษัท blockchain ส่วน ‘นะโม’ เป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม ‘insKru’ รวมไอเดียและเครื่องมือการสอนแบ่งปันสำหรับบรรดาคุณครูไฟแรง และมีช่อง TikTok ที่ทำกับครอบครัวในชื่อ ‘รุงรัง Diary’ (ใครที่เป็นแฟนคลับ ‘คุณย่ากระต่าย’ กับหลานแสบสามคน น่าจะรู้จักนะโมดี)
เราเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการถามถึงที่มาของ Drinks On Me ซึ่งปั่นเล่าว่า บาร์ทิพย์แห่งนี้มีจุดเริ่มต้นจาก ‘ความทุกข์’ ของเขา
“ปกติผมเป็นคนชอบออกไปกินกาแฟ ออกไปบาร์ เพราะชอบบรรยากาศข้างนอก แต่หลังบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ทำให้ออกไปไหนไม่ได้ ต้องอยู่แต่ในห้องตลอดเวลา รู้สึกว่าบรรยากาศไม่ดีเลย เลยพิมพ์หานะโม แล้วนะโมก็ส่งลิงก์กลับมา เป็นเว็บที่เข้าไปแล้วมันจะเปิดเพลงในร้านกาแฟ สามารถปรับเสียงบาริสต้า ปรับเสียงชงกาแฟ ปรับเสียง ambient ได้ ตอนนั้นคิดว่าถ้ามันจะมีมากกว่าเสียงเพลงได้ไหม เราจะสามารถคุยกับคนแปลกหน้าในนั้นได้ไหม นั่นคือจุดเริ่มต้นของ Drinks On Me”
Drinks On Me ถือกำเนิดขึ้นในเดือนกันยายน ปี 2022 ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนชินกับการทำงานออนไลน์ ผลจากการระบาดของโควิด-19
ในช่วงแรกทั้งปั่นและนะโมสังเกตเห็นว่า คนที่เข้ามาส่วนใหญ่จะระบายปัญหาให้คนแปลกหน้าฟัง เป็นการพูดคุยในลักษณะ Heal ใจ กันและกัน
“หลังจากนั้นคนก็ทักเข้ามาขอบคุณพวกเรากันใหญ่เลย บอกว่าแค่เข้าไปฟังเสียงเพลงมันก็ Heal ใจเขาแล้ว บางคนมีความเสี่ยงเป็นซึมเศร้า เขาเล่าว่าวันนั้นมีคนมาคุยกับเขาดีมากเลย มันทำให้เขาผ่านวันนั้นไปได้ Drinks On Me เลยกลายเป็นพื้นที่ที่ไม่ว่าคุณจะเจออะไรมา ทั้งสุขหรือทุกข์ มาเถอะ เรามาผ่านวันนี้ไปด้วยกัน ใช้พื้นที่ตรงนี้ได้” นะโมเล่าด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
เมื่อคลิ๊กไปที่เว็บไซต์ Drinks On Me อย่างแรกที่ได้เจอคือคุณต้องเลือกเครื่องดื่มค็อกเทลที่บ่งบอกตัวคุณ ดังนี้
- ‘Happy Hour’ (รู้สึกแฮปปี้ มีความหวัง พร้อมส่งพลังบวก)
- ‘Open Mindjito’ (รู้สึกชิวชิว สบาย ๆ พร้อมรับสิ่งใหม่ ๆ ซัพพอร์ตทุก ๆ คน
- ‘Solopolitan’ (รู้สึกเฉย ๆ เหงา ๆ เปื่อย ๆ ไปเรื่อย แต่พร้อมรับฟัง)
- ‘Midnight Reset’ รู้สึกโกรธ หงุดหงิดใจ ต้องการการรีเซ็ต !
- ‘Humanhattan’ รู้สึกทุกข์ เครียด เหนื่อยล้า ชีวิตขม ๆ ต้องการการฮีลใจ
ฟังดูแล้วเหมือนจะเป็นลูกเล่นทั่วไปเวลาที่คิดถึงการเดินเข้าไปในบาร์ แต่การเลือกค็อกเทลในขั้นตอนนี้มีอะไรมากกว่านั้น
นะโมอธิบายว่า ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนแรกที่ Drinks On Me จะได้ทักทายกับทุกคนด้วยการถามไถ่ว่า “ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง” ซึ่งในโลกความจริง การแสดงความห่วงใยเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ก็สามารถช่วยเยียวยาจิตใจได้ระดับหนึ่งแล้ว ขณะเดียวกันระหว่างเลือกค็อกเทลบ่งบอกอารมณ์ แต่ละคนก็จะได้ทบทวนว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไง
นอกจากนี้ ค็อกเทลที่แต่ละคนเลือกก็จะเป็นตัวช่วยเปิดบทสนทนากับผู้อื่นได้ เช่น “ทำไมถึงเลือกแก้วนี้คะ”
พอเลือกค็อกเทลสะท้อนอารมณ์ได้แล้ว ทีนี้ก็ต้องมาเลือกว่าอยากคุยแบบสองต่อสอง หรือคุยแบบห้าคน และหากเข้าไปในบาร์แล้วรู้สึกเก้อเขิน ไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี คุณก็สามารถเรียกบาร์เทนเดอร์มาช่วยสร้างบทสนทนาได้
เมื่อถามถึงบทสนทนาส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นใน Drinks On Me นะโมเล่าว่า “มันค่อนข้างกว้างมากเลย มีทั้งคนเศร้า อยากมาระบาย อยากมาหาเพื่อนเล่นเกม คนที่มาบ่นเรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัย คนที่มาหาแนวทางเรียนต่อ ที่นี่เหมือนเป็น Space มากกว่า เราไม่ได้จำกัดเรื่องราวในนั้น เหมือนเวลาไปบาร์ เราก็ไม่ได้จำกัดว่าเขาจะต้องมาปรึกษาเรื่องอะไร บางคนมาพิมพ์เรื่อย ๆ เปื่อย ๆ มาเล่นมุกแซวกัน แอบครูมาเล่นก็มี หลากหลายมาก บางคนบอกว่าตั้งใจจะเข้ามาแป๊บเดียว กลายเป็นว่าคุยถึงตี 5 เลยก็มี”
แม้แต่นะโมเองก็ยังเคยเข้าไประบายเรื่องของตัวเองใน Drinks On Me แล้วก็ได้ความรู้สึกดี ๆ กลับมา
“มีวันหนึ่งที่เราเข้าไประบายแล้ว เฮ้ย รู้สึกดีมาก ไปเจอคนพูดว่า ‘คุณเหนื่อยมามากเลยเนอะ ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดีนะ’ เป็นการพูดคุยของคนไม่รู้จักกัน แต่มันน่ารัก ใจฟู Heal ใจกัน แล้วใน Drinks On Me จะมีคนประเภทนี้สิงอยู่ประมาณหนึ่งเลย พวกเขาจะคอย Support คอยให้กำลังใจคนที่ไม่รู้จัก เราเจอแล้วประทับใจมาก จากที่ทุกข์ ๆ อยู่ก็รู้สึกดีขึ้นจริง ๆ”
“ทำไมคนถึงชอบระบายเรื่องต่าง ๆ ให้คนไม่รู้จักฟังคะ” เราเอ่ยถามทั้งคู่ด้วยความสงสัย นะโมที่มีประสบการณ์จริงจาก Drinks On Me ให้คำตอบว่า “เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องที่บอกใครไม่ได้ สมมติเรามีเพื่อนสนิท แต่เพื่อนอาจ Relate กับคนใกล้ตัว เขาก็เลยบอกไม่ได้ ดังนั้นการได้คุยกับคนไม่รู้จัก มันทำให้เขาได้ปลดปล่อยเรื่องที่บอกใครไม่ได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครไปบอกคนรู้จักหรือเปล่า เพราะพอคุยจบ ทุกคนก็แยกย้ายกันไป
“อีกหนึ่งความสนุกคือ เราไม่รู้เลยว่าเราจะหลุดจากกันไปเมื่อไหร่ เพราะบางทีอาจจะเผลอกด Refresh แล้วออกไปเลย ไม่ได้คุยกับคนนี้แล้ว ตามหายากด้วย อารมณ์คล้ายนิยายหน่อย ๆ แล้วมีคนเอาไปแต่งเป็นนิยายด้วยนะ แบบพบรักกันใน Drinks On Me ไปไกลมาก” นะโมเล่าด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
สำหรับรายได้ของ Drinks On Me หลัก ๆ มาจากสองทาง ทางแรกคือจาก ‘User’ ซึ่งจะจ่ายในรูปแบบของการซื้อ item แต่งตัว รวมถึงการสมัครสมาชิกรายเดือน ซึ่งจะได้สิทธิพิเศษมากกว่า User ทั่วไป และการ donate ให้เว็บ ส่วนที่สองมาจากแบรนด์ต่าง ๆ ที่อยากจะลงโฆษณาในเว็บหรือโปรโมตผ่าน Social Media ของ Drinks On Me
นอกเหนือจากการเปิดพื้นที่ในโลกออนไลน์แล้ว Drinks On Me ยังได้ต่อยอดไปสู่กิจกรรมออฟไลน์ด้วย โดยจับมือกับทีม ‘Slow Night’ ที่มี Passion ในการ Heal ใจ คล้าย ๆ กัน ทำกิจกรรมให้คนแปลกหน้ามาพบปะพูดคุยกัน
“มันเป็นการพูดคุยที่เขาจะได้มองเห็นตัวเองด้วย เราจะมีกระดาษให้เขาเขียนถึงตัวเองก่อน แล้วก็มีเวลาให้คิด เขาจะได้มีเรื่องคุย ไม่เคอะเขิน แล้วหัวข้อสนทนาก็จะเกี่ยวกับตัวเขาเอง บวกกับธีมในช่วงนั้น เช่น ช่วงลอยกระทง เราก็ใช้ธีม ‘ปล่อย’ ให้เขาได้พูดคุยว่ามีเรื่องไหนที่เขาอยากจะปล่อยไปจากตัวเอง หรืออย่างวันฮาโลวีนก็จะใช้ธีม ‘ผีที่ไม่น่ารักในตัวเรา’ เพื่อให้เขาเล่าถึงสิ่งที่อยากจะให้มันออกไปจากตัว” นะโมเล่าถึงกิจกรรมออฟไลน์
ทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นในเว็บ และสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกความจริง นะโมกับปั่นมองว่าเป็น ‘Unmet Need’ (ความต้องการซ่อนเร้น) ที่ยังไม่ค่อยมีใครมาแตะ เพราะหากว่ากันเรื่อง ‘สุขภาพจิต’ คนก็จะนึกถึง ‘จิตแพทย์’ เป็นหลัก หรือไม่ก็ ‘อาสาสมัคร’ ที่อาสามาช่วยพูดคุยโดยไม่คิดเงิน ในขณะที่ Drinks On Me จะเป็นแพลตฟอร์มที่อยู่ ‘ตรงกลาง’ ระหว่างสองสิ่งที่กล่าวมา โดยเป็นการเปิดพื้นที่คนเข้ามาให้กำลังใจกันเอง
ปั่นขยายความการทำหน้าที่ของ Drinks On Me ในด้านสุขภาพจิตว่า “บางคนอาจยังไม่แน่ใจว่าตัวเองถึงขั้นต้องพบหมอหรือยัง การเข้ามาในพื้นที่นี้อาจจะประมาณว่า เฮ้ย จริง ๆ แค่คุยกับคนที่ไม่รู้จักก็แก้ได้แล้ว เพราะเขาได้เจอกับคนที่อยู่นอก Chamber คนที่ทำอาชีพต่างไปจากตัวเอง แต่มีมุมมองที่ช่วยได้
“ผมว่ามันเป็นพื้นที่ Casual หนึ่งที่คนอาจจะได้อะไรกลับไปเยอะ”
ช่วงท้ายของบทสนทนา เราถามทั้งคู่ถึงสิ่งที่ได้จากการทำ Drinks On Me ซึ่งทั้งคู่ออกตัวว่าไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน
นะโมเริ่มตอบก่อนว่า “เรารู้สึกว่ามันมีความหมาย มันกลายเป็นงานอีกอย่างหนึ่งที่เป็นคุณค่าของเราเหมือนกัน
“คือตอนเด็ก ๆ นะโมฝันอยากเป็นนักวาดการ์ตูน อยากมีลายเส้นของตัวเอง ทำงานที่มีสไตล์ของตัวเอง แล้วเว็บนี้มันก็เป็นสไตล์ของเราจริง ๆ เพราะเคยพูดกับปั่นไว้เลยว่า ถ้าทำสไตล์อื่นก็จะไม่ทำแล้ว วาดไม่เป็น วาดได้แค่ประมาณนี้ อันนี้เป็นความสนุกของนะโมด้วย แต่ในมุมปั่นอาจจะไม่สนุก เพราะต้องเขียนโค้ด (หัวเราะ) แต่นะโมสนุก ได้วาดรูป ได้คิดว่าจะขายการ์ตูนอะไรดี จะขายชุดอะไรดีให้คนใส่เข้าบาร์
“อีกอย่างคือนะโมอินกับประเด็นเรื่องสุขภาพจิตด้วย เพราะมีคนใกล้ตัวที่มีปัญหาสุขภาพจิต ยิ่งพอเพื่อนที่เป็นจิตแพทย์บอกว่า พื้นที่นี้เป็น Position ที่ดี นะโมเลยอยากดันต่อ อยากทำให้ Community นี้ เป็นพื้นที่ปลอดภัย อยากให้เป็นพื้นที่ที่ Heal ใจคนได้ เหมือนที่ดึกคืนนั้นมันสามารถ Heal ใจนะโมได้จริง ๆ”
ส่วนปั่นเองก็ได้รับ ‘ประสบการณ์’ ในฐานะคนทำงานด้านออกแบบ
“ในฐานะคนที่ออกแบบ เราสามารถดีไซน์ได้ระดับหนึ่งว่าอยากให้บรรยากาศข้างในเป็นยังไง เหมือนเวลาเราทำร้านอาหารหรือทำบาร์ การออกแบบภายในร้านมีผลหมดว่าจะทำให้คนแบบไหนอยากเดินเข้า คนแบบไหนไม่อยากเดินเข้า ซึ่งผมคิดว่าบาร์ทิพย์ของเรา หรือแม้แต่บาร์จริงที่เราไปจัด เราก็พยายามทำให้เกิดความรู้สึกน่ารัก อบอุ่น ทำให้คนอยากระบายอะไรออกมา มันจึงกลายเป็นอีกปัจจัยหนึ่งทำให้คนชอบแล้วเกิดเป็น Community แล้วเขาอยากให้เราจัดอีกเรื่อย ๆ
“ผมคิดว่าเวลาทำงานออกแบบสินค้า ออกแบบเว็บ ฯลฯ เรื่องพวกนี้ค่อนข้างสำคัญ เพราะมันจะคัดกรองคนที่ชอบในประสบการณ์ที่เราออกแบบ”
เขายังปิดท้ายด้วยการพูดถึงประเด็นสุขภาพจิตเอาไว้อย่างเปิดกว้างว่า “ถ้าคิดว่าระบายกับเพื่อนสนิทแล้วไม่สบายใจ หรือกลัวว่าเรื่องราวมันจะหลุด ลองคุยกับคนแปลกหน้าได้ไหม? เรามีการจัดกิจกรรมเรื่อย ๆ แต่เอาจริง ๆ ไม่ต้องเป็นของเราก็ได้ ถ้าเกิดเห็นกิจกรรมที่ทำให้ได้คุยกับคนแปลกหน้า ได้ระบาย ลองเข้าไปดูเผื่อว่าจะช่วยได้ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตในวันพรุ่งนี้ได้อย่างมีความสุขมากขึ้น เห็นทางออกมากขึ้น
“หรือใครที่เป็นนักออกแบบ นักวาดรูป หรือ developer มีไอเดียที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคนอื่นก็ทำไปเลย ไม่เสียหายอะไรครับ เพราะ Drinks On Me ก็คิดปุ๊บแล้วออกแบบเว็บกัน เดือนเดียวคือปล่อยเลย ไม่ต้องคิดเยอะ”
สำหรับใครที่กำลังมีอะไรเยอะแยะในหัว และต้องการที่ระบาย ลองแวะ https://drinksonme.live ดูนะคะ
ไม่แน่เราอาจได้เจอกันในนั้น