‘วิลเลียม แมคคินลีย์’ ราชาแห่งกำแพงภาษีปกป้องอุตสาหกรรมสหรัฐอเมริกา

‘วิลเลียม แมคคินลีย์’ ราชาแห่งกำแพงภาษีปกป้องอุตสาหกรรมสหรัฐอเมริกา

‘วิลเลียม แมคคินลีย์’ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ผู้ใช้นโยบายภาษีเป็นเกราะปกป้องอุตสาหกรรม ผลักดันสหรัฐฯ สู่การขยายอำนาจ พร้อมวางรากฐานความมั่นคงทางเศรษฐกิจยุคใหม่

KEY

POINTS

  • McKinley Tariff & Dingley Act: ภาษีศุลกากรที่สูงที่สุดในยุคนั้น เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ
  • จักรวรรดินิยมเศรษฐกิจ: การขยายอำนาจผ่านสงครามและการยึดครองดินแดน
  • The Full Dinner Pail: แคมเปญหาเสียงที่สะท้อนความสำเร็จในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างงาน
     

ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจโลกที่โหมกระหน่ำราวคลื่นลมในทะเลเปิด รัฐบาลหลายประเทศต่างไขว่คว้าหลักยึดเพื่อรักษาเสถียรภาพของตน และหนึ่งในเครื่องมือที่ถูกหยิบมาใช้คือ ‘กำแพงภาษี’

ย้อนกลับไปกว่า 100 ปีก่อน ชายคนหนึ่งได้แปรเปลี่ยนมาตรการทางเศรษฐกิจนี้ให้กลายเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติ เขาคือ ‘วิลเลียม แมคคินลีย์’ (William McKinley) ผู้นำผู้เปลี่ยนนโยบายการค้าให้กลายเป็นโล่ป้องกันอุตสาหกรรมอเมริกัน พร้อมทั้งแผ่ขยายอำนาจสหรัฐฯ ให้ไปไกลถึงดินแดนโพ้นทะเล 
เขาคือประธานาธิบดีผู้ถูกจดจำในฐานะ ‘ราชาแห่งกำแพงภาษี’ ผู้ซึ่งเปลี่ยนเศรษฐกิจให้เป็นกลไกของอำนาจ และเปลี่ยนกล่องข้าวกลางวันธรรมดาให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคงของชนชั้นแรงงาน

‘วิลเลียม แมคคินลีย์’ ราชาแห่งกำแพงภาษี

แมคคินลีย์เกิดในปี 1843 ที่เมืองไนล์ส รัฐโอไฮโอ เขาเริ่มเข้าสู่การเมืองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ว่าการรัฐโอไฮโอ และในที่สุดก็ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในปี 1896 

แมคคินลีย์เป็นประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกมาเป็นสองสมัย แต่ชีวิตของเขาถูกตัดขาดก่อนที่จะสามารถดำเนินนโยบายในสมัยที่สองได้อย่างเต็มที่

นโยบายกำแพงภาษี: ‘McKinley Tariff Act’

วิกฤตการณ์เศรษฐกิจปี 1893 (Panic of 1893) เป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อการออกกฎหมายด้านภาษีศุลกากรในยุคของแมคคินลีย์ วิกฤตการณ์นี้เกิดจากความล้มเหลวของธนาคารและบริษัททางรถไฟ ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยยาวนานถึง 4 ปี ส่งผลให้ประชาชนต้องเผชิญกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจ 
 

เมื่อแมคคินลีย์ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 1897 เขาเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยใช้มาตรการกำแพงภาษีเพื่อกระตุ้นการผลิตในประเทศและสร้างงาน นอกจากนี้ นโยบายเหล่านี้ยังสะท้อนถึงแนวคิด ‘Protectionism’ ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่ชนชั้นแรงงานและผู้ผลิตในยุคนั้น

หนึ่งในนโยบายที่สำคัญที่สุดของแมคคินลีย์คือ ‘McKinley Tariff Act of 1890’ ซึ่งเป็นการเพิ่มภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าหลายประเภทอย่างมาก โดยเฉพาะสินค้าจากยุโรป นโยบายนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ แต่ก็ทำให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและสร้างความไม่พอใจให้กับผู้บริโภค

นอกจากนี้ยังมี ‘Dingley Tariff Act of 1897’ ซึ่งเป็นนโยบายภาษีที่เข้มงวดที่สุดในยุคนั้น โดยมีอัตราภาษีสูงถึง 57% นโยบายเหล่านี้ช่วยให้อุตสาหกรรมในประเทศมีความมั่นคง แต่ก็สร้างผลกระทบด้านลบต่อเกษตรกรและผู้บริโภค

การขยายอาณานิคมและการตั้งกำแพงภาษี

ในช่วงยุคของแมคคินลีย์ สหรัฐอเมริกากำลังขยายอำนาจของตนในฐานะมหาอำนาจโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านสงครามสเปน-อเมริกันในปี 1898 ซึ่งนำไปสู่การยึดครองดินแดนอย่างเปอร์โตริโก, กวม, และฟิลิปปินส์ นโยบายการขยายอาณานิคมนี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักในการเพิ่มอำนาจและอิทธิพลของสหรัฐฯ ในระดับโลก

การตั้งกำแพงภาษี เช่น McKinley Tariff Act และ Dingley Tariff Act ถูกใช้เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ และสร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับรัฐบาลสหรัฐ นโยบายภาษีเหล่านี้ช่วยให้สหรัฐฯ มีเงินทุนเพิ่มเติมในการสนับสนุนการขยายอำนาจและกองทัพ รวมถึงการสร้างฐานทัพเรือในดินแดนใหม่ ๆ ที่ยึดครองได้


 

ดังนั้น การขยายอาณานิคมและการตั้งกำแพงภาษีจึงเป็นสองด้านของกลยุทธ์เดียวกันในการเสริมสร้างอำนาจและผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ในยุคของแมคคินลีย์ โดยที่นโยบายภาษีจะช่วยสนับสนุนการขยายอำนาจในระดับโลกผ่านการสร้างรายได้และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมในประเทศ

‘The Full Dinner Pail’ สัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง

แมคคินลีย์ยังสร้างภาพจำเชิงบวกผ่านแคมเปญ ‘The Full Dinner Pail’ ซึ่งเป็นคำขวัญในการหาเสียงเลือกตั้งปี 1900 คำขวัญนี้สะท้อนถึงความสำเร็จทางเศรษฐกิจของเขาในช่วงแรกของการดำรงตำแหน่ง โดยเฉพาะการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากวิกฤตการณ์และการสร้างงานให้กับชนชั้นแรงงาน

‘ถังอาหารกลางวัน’ (dinner pail) กลายเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรือง แสดงถึงความหวังว่าทุกครอบครัวจะมีอาหารเพียงพอและชีวิตที่ดีขึ้น
ผลกระทบและข้อวิจารณ์

แม้ว่านโยบายของแมคคินลีย์จะช่วยให้อุตสาหกรรมในประเทศเติบโตและสร้างงานได้มากขึ้น แต่ก็สร้างผลกระทบด้านลบหลายประการ ได้แก่

ผลกระทบต่อเกษตรกร: ราคาสินค้าเกษตรและอุปกรณ์เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรต้องแบกรับต้นทุนที่มากขึ้น

ข้อจำกัดด้านการแข่งขัน: การตั้งกำแพงภาษีสูงทำให้อุตสาหกรรมบางประเภทขาดแรงจูงใจในการพัฒนานวัตกรรม

ผลกระทบต่อผู้บริโภค: ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลต่อค่าครองชีพของประชาชนทั่วไป

จุดจบของวิลเลียม แมคคินลีย์

แม้ว่าแมคคินลีย์จะประสบความสำเร็จในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ แต่ชีวิตของเขาก็จบลงอย่างน่าเศร้า ในวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1901 เขาถูกยิงโดย ‘ลีออน โชลกอซ’ (Leon Czolgosz) นักอนาธิปไตยชาวโปแลนด์-อเมริกัน การโจมตีครั้งนี้เกิดจากความไม่พอใจต่อระบบทุนนิยมและรัฐบาล แม้ว่าเขาจะได้รับการรักษาเบื้องต้น แต่แผลติดเชื้อจนทำให้เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1901 สิ้นสุดชีวิตของผู้นำผู้มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

เรียบเรียง: พาฝัน ศรีเริงหล้า
ภาพ: Getty Images

อ้างอิง:

“Dingley Tariff Act.” EBSCO Research Starters, www.ebsco.com/research-starters/history/dingley-tariff-act. Accessed 10 Apr. 2025.

“William McKinley: Economic Recovery and Foreign Affairs.” PresidentProfiles.com, www.presidentprofiles.com/Grant-Eisenhower/William-McKinley-Economic-recovery-and-foreign-affairs.html. Accessed 11 Apr. 2025.

Oiree, Freight Right. “The McKinley Tariff Policy Revisited.” LinkedIn, 24 May 2023, www.linkedin.com/pulse/mckinley-tariff-policy-revisited-freight-right-oiree. Accessed 11 Apr. 2025.