13 ก.ย. 2565 | 10:53 น.
ภายใต้การขับเคลื่อนของ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่นและเซเว่น เดลิเวอรี่ จึงได้จับมือ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) และสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) จัดกิจกรรมดีๆ เพื่อให้ความรู้และพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SME แบบเชิงลึก ภายใต้ชื่อ “DIPROM MOVE TO MODERN TRADE” โดยกิจกรรมเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2565 มีผู้ประกอบการเข้าร่วมทั้งสิ้น 22 ธุรกิจ และได้มีการปิดกิจกรรมอย่างเป็นทางการเมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา
โดยมี 3 ผู้ประกอบการ SME อย่าง ขนมไทยบ้านทองหยอด เม็ดอมสมุนไพรยูอีคอฟ (UECOF) และก๋วยจั๊บอุบล แบรนด์ จั๊บ จั๊บ ที่เรียกได้ว่าเป็น SME หนึ่งในดาวเด่นของ เซเว่น อีเลฟเว่น มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม พร้อมเปิดตัวสินค้าที่พัฒนาจากคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญที่มาให้ความรู้ ซึ่งอนาคตสินค้าชนิดนี้จะถูกพัฒนาสู่เวทีการค้าโลก พร้อมแนะนำเคล็ดลับสร้างความสำเร็จในตลาดโมเดิร์นเทรด
แม้ขนมไทย ภายใต้แบรนด์ “บ้านทองหยอด” จะเป็นที่รู้จักมากว่า 40 ปี และวางจำหน่ายในเซเว่น อีเลฟเว่นมากว่า 5 ปี แต่ ภาณุวัฒก์ เงินศรีสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีทีวาย ฟู้ด จำกัด เจเนอเรชันที่ 3 ก็ไม่หยุดที่จะพัฒนาตนเองและสินค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว ทำให้ได้สินค้าตัวใหม่คือ “ฝอยทองกรอบ” ด้วยกรรมวิธีการผลิตแบบ ฟรีซดราย (Freeze dry)
บริษัท พนาพัฒน์ เฮลท์แคร์ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยาสมุนไพร ภายใต้แบรนด์ ยูอีคอฟ (UECOF) มีวางจำหน่ายผ่านร้านขายยาและโมเดิร์นเทรดกว่า 10,000 แห่ง และใน เซเว่น อีเลฟเว่น กว่า 7 ปี ได้ตระหนักเป็นอย่างดีว่า การพัฒนาตัวเองจะช่วยให้เห็นตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคมากขึ้น จตุรภุช บุญมาเลิศ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัท พนาพัฒน์ เฮลท์แคร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทของเราไม่ใช่บริษัทใหญ่ ดังนั้นประสบการณ์ของเราจึงไม่เทียบเท่าบริษัทใหญ่ และการมีผู้เชี่ยวชาญมาเป็นที่ปรึกษาในการช่วยพัฒนาสินค้า ช่วยให้เราแข็งแรงและเติบโตได้อย่างมั่นคงในช่องทางโมเดิร์นเทรด
จากอาหารพื้นบ้านประจำจังหวัดอุบลราชธานี สู่สินค้าที่คว้ารางวัล 7 Innovation Awards 2017 ปัจจุบันกลายเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมและวางจำหน่ายใน เซเว่น อีเลฟเว่น มากว่า 4 ปี แต่ก็ยังไม่หยุดที่จะพัฒนา โดย มนัสชญาณ์ อู่สมบัติชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีไลท์ 88 จำกัด เล่าให้ฟังว่า แม้สินค้าจะได้รับการตอบรับที่ดี แต่เรายังคงต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้สินค้าที่ตอบโจทย์ตรงความต้องการของผู้บริโภคมากที่สุด โดยสิ่งที่เราพัฒนาล่าสุดคือ การนำเทคนิคและกระบวนการผลิตที่ช่วยลดการติดกันของเส้นมาใช้ เพื่อให้ใกล้เคียงเส้นสดมากที่สุด และลดระยะเวลาในการปรุงให้สั้นลงจากเดิม 10 นาที ให้เหลือ 5 นาที เพิ่มความสะดวกให้กับผู้บริโภค ซึ่งคาดว่าจะสามารถพัฒนาแล้วเสร็จและพร้อมออกวางจำหน่ายในปี 2566
สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการคำแนะนำดีๆ จากผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ หรือกำลังมองหากิจกรรมที่จะมาช่วยพัฒนาศักยภาพ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวหรือขอรับคำปรึกษาได้ที่ “ศูนย์ 7 สนับสนุน SME” โทร. 02-826-7750 หรือค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมผ่านทาง https://www.facebook.com/7smesupport