My Funny Valentine เพลงนี้ไม่ได้สื่อถึงวันวาเลนไทน์
วันวาเลนไทน์ของแต่ละปี ในฉากเลิศหรูโรแมนติกของคู่รัก มักจะมี My Funny Valentine คลอเคล้าอยู่ในบรรยากาศเสมอ ด้วยทำนองอันไพเราะและคำร้องที่แฝงความนัยให้ตีความ เพลงนี้จึงมีเสน่ห์ชวนฟังไม่น้อย
My Funny Valentine จัดเป็นเพลงสแตนดาร์ด (Standard Tune) ซึ่งความหมายกว้าง ๆ ก็คือ เพลงป๊อปแบบดั้งเดิมที่ใคร ๆ ก็รู้จักมักคุ้นมาแต่อ้อนแต่ออก ด้วยความที่เป็นเพลงฮิต ศิลปินแจ๊สจึงนิยมนำมาเรียบเรียงใหม่ให้มีสีสันที่หลากหลายและแตกต่างกันออกไปในแต่ละเวอร์ชัน
จึงไม่น่าแปลกใจ หากเราจะพบว่าเพลงเก่าเมื่อปี ค.ศ. 1937 อย่าง My Funny Valentine จะมีนักร้องนักดนตรีหยิบมาร้องบรรเลงกันนับไม่ถ้วน ตราบจนทุกวันนี้ บางแหล่งข้อมูลระบุว่ามีการบรรจุไว้ในอัลบั้มต่าง ๆ กว่า 1,200 อัลบั้มเลยทีเดียว
ไม่เพียงวงการเพลง แม้กระทั่งแวดวงโทรทัศน์และภาพยนตร์ก็มีการใช้เพลงนี้บ่อยครั้ง ในหนังซีรีส์ Grey’s Anatomy เลือกใช้ My Funny Valentine เป็นเพลงแต่งงานของหมอริชาร์ดและอเดล เว็บเบอร์ ส่วนหนังฮอลลีวูด หลายคนน่าจะเคยฮัมเพลงนี้ตามเสียงร้องอันหม่นเทาของ แมทท์ เดมอน ที่รับบทฆาตกรโรคจิตในหนังเรื่อง The Talented Mr. Ripley มาบ้างแล้ว
พื้นเพของเพลงนี้ มาจากมิวสิคัลโชว์เรื่อง Babes in Arms (1937) ซึ่งจัดเป็นโชว์แรกของคู่หูนักแต่งเพลงชื่อดัง ริชาร์ด ร้อดเจอร์ส (Richard Rodgers) และ ลอเรนซ์ ฮาร์ท (Lawrence Hart) ที่ร่วมกันเขียนบทพูดและเขียนคำร้องทำนองของเพลง ออกแสดงครั้งแรกที่โรงละครชูเบิร์ตเธียเตอร์ ในย่านบรอดเวย์ นิวยอร์กซิตี เมื่อวันที่ 14 เมษายน ค.ศ. 1937
เมื่อเป็นเพลงจากมิวสิคัลโชว์ จึงหนีไม่พ้นที่จะมีตัวละครมาเกี่ยวข้องด้วย โดยสถานการณ์ในท้องเรื่อง นางเอก บิลลี สมิธ (Billie Smith) กำลังถ่ายทอดความประทับใจอันลึกซึ้งของเธอ ส่งต่อไปให้พระเอก ชื่อ วาเลนไทน์ ลามาร์ (Valentine LaMar)
“My funny Valentine, sweet comic Valentine
You make me smile with my heart...”
My Funny Valentine ในความหมายตามบริบทนี้ จึงเป็น “วาเลนไทน์” ในฐานะตัวบุคคล เป็น “นายวาเลนไทน์” ที่นางเอกกำลังรำพึงรำพันถึง มิใช่ “วันรำลึกนักบุญวาเลนไทน์” แต่อย่างใด แม้จะมีคำร้องในวรรคสุดท้ายที่ระบุว่า “Each day is Valentine's Day” ก็ตาม แต่นั่นก็น่าจะเป็นการมุ่งไปยัง “นายวาเลนไทน์” คู่รักของเธอมากกว่า
มิวสิคัลเรื่องนี้จัดแสดงต่อเนื่องถึง 289 รอบ ก่อนที่ MGM จะพัฒนาไปสู่การสร้างเป็นภาพยนตร์ นำแสดงโดย มิคกี รูนีย์ และ จูดี การ์แลนด์ ในอีก 2 ปีต่อมา (ทว่า ในเวอร์ชันภาพยนตร์กลับตัดเพลง My Funny Valentine ออกไปเสียนี่ !)
เพลงอื่น ๆ จากมิวสิคัลเรื่องเดียวกัน ซึ่งจัดเป็นเพลงสแตนดาร์ดที่ยังร้องบรรเลงกันเสมอ ๆ เช่น Where or When และ Lady Is A Tramp ส่วน My Funny Valentine นั้น เอาเข้าจริง ๆ แล้ว ในเบื้องต้นไม่มีทีท่าว่าจะเป็นเพลงรักโรแมนติกสักเท่าใด หากพิจารณาจากคำร้องแปลก ๆ อย่าง “…Your looks are laughable” หรือ “Is your figure less than Greek?...”
โลกหันมาสนใจเพลงนี้อย่างจริงจัง จากพลังการถ่ายทอดบทเพลงนี้ในแบบฉบับของนักร้องและมือทรัมเป็ต ที่ชื่อ เช็ท เบเกอร์ (Chet Baker) ที่ได้พลิกโฉมให้เพลงนี้กลายมาเป็นเพลงบัลลาดรักโรแมนติกที่คนทั้งโลกต้องสดับฟัง !
กล่าวคือ เช็ท เป็นคนแรก ๆ ที่หยิบเอา My Funny Valentine มาร้องและบรรเลงในมุมมองใหม่ ด้วยสัมผัสของความอ่อนไหว อ่อนโยน นุ่มนวล และงดงาม เขาบันทึกเพลงนี้ครั้งแรกในปี 1952 สมัยทำงานร่วมกับวงดนตรีของ เจอร์รี มัลลิแกน (Gerry Mulligan) เช็ทรักที่จะบรรเลงเพลงนี้เสมอในงานคอนเสิร์ตต่าง ๆ แม้หลังออกจากวงของ เจอร์รี มัลลิแกน ไปแล้วก็ตาม
ว่ากันว่า ตลอดช่วงชีวิตของเช็ท เบเกอร์ เขาบันทึกเสียงเพลงนี้ไว้มากกว่า 40 เวอร์ชันด้วยกัน
อิทธิพลจากการบรรเลงของเช็ท ทำให้ศิลปินแจ๊สคนอื่น ๆ สนใจหยิบ My Funny Valentine มาบรรเลงมากขึ้น กล่าวเฉพาะปี 1954 นับเป็นปีที่มีการอัดเพลงนี้บ่อยครั้ง ทั้งที่เป็นเวลาสั้น ๆ เพียงปีเดียว แต่กลับมีจำนวนครั้งของการบันทึกเสียงเพลง My Funny Valentine มากกว่าช่วงทศวรรษ 1930-1940 รวมกันเสียอีก
ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชันของ ชาร์ลี พาร์คเกอร์ (กับวงของ สแตน เคนตัน), ซาราห์ วอห์น, เบน เว็บสเตอร์, อาร์ตี ชอว์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฟรงค์ สินาตรา ที่ปล่อยเพลงนี้ออกมา พร้อมกับอัลบั้มชุด Songs for Young Lovers ในปีเดียวกัน (ความจริง แฟรงค์อัดเพลงนี้ในช่วงปลายปี 1953) ซึ่งเท่ากับเปิดเพลงนี้ออกสู่การรับรู้ของคนฟังในวงกว้างมากยิ่งขึ้น
ศิลปินใหญ่ อย่าง ไมล์ส เดวิส อัดเพลง My Funny Valentine ในเดือนตุลาคม ปี 1956 โดยบรรจุในอัลบั้ม Cookin’ หลังจากนั้น มีขบวนทัพศิลปินอีกนับไม่ถ้วนตามมา อาทิ แอนิตา โอ’ เดย์, บิลล์ เอแวนส์, บ๊อบบี ทิมมอนส์, แจ็คกี เทอร์ราสสัน, เฮอร์บี แฮนค็อก, คีธ จาร์เรทท์ และ รอย ฮาร์โกรฟ
My Funny Valentine ไม่ได้สื่อถึงวันวาเลนไทน์เสียทีเดียว แต่เมื่อวันรำลึกนักบุญวาเลนไทน์มาถึง เราอดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงนี้ ไม่ว่าจะสุข เศร้า หรือ เหงา เพราะ รัก เพียงใดก็ตาม