‘ปาร์ก ฮัง ซอ’ กุนซือผู้นำฟุตบอลเวียดนามสู่ยุคทอง กับเวทีอาเซียนครั้งสุดท้ายของเขา

‘ปาร์ก ฮัง ซอ’ กุนซือผู้นำฟุตบอลเวียดนามสู่ยุคทอง กับเวทีอาเซียนครั้งสุดท้ายของเขา

‘ปาร์ก ฮัง ซอ’ (Park Hang-seo) กุนซือชาวเกาหลีใต้คือผู้นำพาทีมฟุตบอลทีมชาติเวียดนามก้าวเข้าสู่ยุคทอง แต่เขากลับไม่ต่อสัญญาคุมทีมดาวทองต่อ ทำให้รายการชิงแชมป์อาเซียน 2023 จะเป็นการคุมทีมเวียดนามครั้งสุดท้าย

  • ‘ปาร์ก ฮัง ซอ’ กุนซือชาวเกาหลีใต้พัฒนาทีมชาติเวียดนามอย่างก้าวกระโดด สร้างผลงานมากมาย แต่เขากลับเลือกไม่ต่อสัญญากับเวียดนาม
  • ผลงานของโค้ชปาร์กในสายตาแฟนบอลแล้ว เขาคือคนที่ทำให้ฟุตบอลเวียดนามเข้าสู่ยุคทองอีกช่วงหนึ่ง
  • ปาร์ก ฮัง ซอ ซึมซับวิชาส่วนหนึ่งจากการทำงานกับกุส ฮิดดิงค์ ยอดกุนซือชาวดัตช์ และนำมาประยุกต์ใช้ในช่วงเป็นกุนซือเต็มตัว

ตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นับเป็น ‘ยุคทอง’ ของวงการลูกหนังเวียดนาม เป็นโมเมนต์ที่ดีที่สุดของทีมฟุตบอลทั้งชุดใหญ่ และชุด 23 ปี ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง หลังการเข้ามาของชายวัยเกษียณจากเกาหลีใต้ที่ชื่อว่า ‘ปาร์ก ฮัง ซอ’ ซึ่งมาแปลงโฉมผ่าตัดให้ทัพ ‘ดาวทอง’ กลายเป็น ‘ดาวดัง’ และเข้าสู่ยุค ‘โกลเด้น เจเนอเรชั่น’ อย่างแท้จริง

แต่ทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน ‘เอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คัพ 2022’ จะเป็นสนามรบในสมรภูมิอาเซียนครั้งสุดท้ายของเขาแล้ว เพราะ ‘โค้ชปาร์ก’ ปฏิเสธการต่อสัญญาที่จะหมดลงช่วงสิ้นเดือนมกราคม 2023 นี้

 

ความฝันสุดท้าย

‘ล้างตาทีมชาติไทย’ เป็นความคิด และสิ่งที่ยังคงติดค้างอยู่ในจิตของ ปาร์ก ฮัง ซอ กุนซือทีมฟุตบอลทีมชาติเวียดนาม แม้ว่าโค้ชเลือดโสมจะนำพาขุนพลทีมดาวทองสร้างชื่อจนกลายเป็นเบอร์ 1 อาเซียนในช่วงหนึ่ง ทั้งการพาทีมชุดใหญ่คว้าแชมป์อาเซียน 2018 และเป็นชาติเดียวจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ได้เล่นฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสุดท้าย

รวมทั้งยังนำทีมชุด 23 ปี ได้รองแชมป์เอเชียปี 2018 ได้แชมป์ฟุตบอลชายซีเกมส์ 2 สมัยติดต่อกันในปี 2019 และ 2021

แต่หากสิ่งที่ ‘ติดอยู่ในใจ’ นั้นไม่ลุล่วงสำเร็จ วันที่เขาโบกมือลาตำแหน่งหัวหน้าโค้ชทีมชาติเวียดนามปลายเดือนนี้ อาจเป็นวันที่โค้ชปาร์กยังรู้สึกว่ายัง ‘ปิดจ็อบ’ ไม่ได้แบบสนิท

“ก่อนเริ่มศึกฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 2022 เราได้มีการประชุมทีมกันตั้งแต่มีการจับสลากแบ่งสาย เรามีความมุ่งมั่นและมีเป้าหมาย รวมถึงวิธีที่จะทำให้ได้ คือการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ และคว้าแชมป์”

ปาร์ก ฮัง ซอ เล่าย้อนตั้งแต่เริ่มตั้งวงคุยกันครั้งแรกก่อน ‘ฟุตบอลโลกของชาวอาเซียน’ จะเริ่ม พร้อมกับเฉลยสิ่งที่ยังคงค้างคาใจ

“เรายังคงมีสองสิ่งที่ต้องทำคือ การล้างตาทีมชาติไทย และสองคือ ปิดการแข่งขันชิงแชมป์อาเซียน 2022 ด้วยการเป็นแชมป์ นำถ้วยกลับบ้านเพื่อไปฉลองกับแฟน ๆ”

“ตลอด 5 ปีของผมกับการคุมทีมเวียดนามพบกับชาติในอาเซียน ผมแพ้เพียงแค่นัดเดียวให้กับทีมชาติไทยใน เอเอฟเอฟคัพ 2020 ในรอบรองชนะเลิศ”

ตัดภาพไปวันนั้น เกมรอบรองชนะเลิศ นัดแรก ที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ปี 2021 ‘เจ’ ชนาธิป สรงกระสินธ์ เหมายิงคนเดียวสองประตูให้ทีมช้างศึกชนะ 2-0 ก่อนจะกรุยทางไปคว้าแชมป์สมัยที่ 6 ได้สำเร็จ ทีมดาวทองตกรอบ แมตช์นั้นเป็นครั้งแรก และครั้งเดียวจากจำนวน 54 นัดในการคุมทีมชุดใหญ่ที่โค้ชปาร์กพาเวียดนามปราชัยให้ทีมจากอาเซียน จนทำหน้าสมุดบันทึกของเขามีรอยเล็ก ๆ

 

 

อาจารย์ของอาจารย์

ความดุดัน บุคลิก ปรัชญา แนวคิด ของโค้ชปาร์ก ถูกหล่อหลอมโดย กุส ฮิดดิงค์ ยอดกุนซือดัตช์ ที่เคยพาทีมเกาหลีใต้สร้างตำนานในเวิลด์คัพ 2002 ด้วยการจบอันดับ 4 พร้อมแนวทางการเล่นที่ชัดเจนคือ พละกำลังวิ่งไม่มีหมด แข็งแรง ใช้เกมหนักเข้าสู้ มีวินัยในเกมรับ เล่นเกมรุกแบบฉาบฉวย โต้กลับแบบฉับพลัน ผ่านระบบการเล่น 3-5-2 ซึ่งแทบจะเป็นพิมพ์เดียวกันกับเวียดนามในยุค 5 ปีหลัง

ผู้ที่ยืนประกบชิดเคียงข้างบรมกุนซือฮอลแลนด์ในช่วงฟุตบอลโลก 2002 ก็คือ โค้ชปาร์ก ที่ยังหนุ่มแน่นไฟแรง เพราะขณะนั้นในวัย 44 ปีเขากำลังเรียนรู้งานโค้ช

โค้ชปาร์ก เผยถึงสิ่งที่เขาทำในแต่ละวันตลอด 2 ปีที่งานร่วมกับฮิดดิ้งค์ช่วงปี 2001-2002

“ฮิดดิ้งค์ คือหนึ่งในคนที่สอนผมว่า การเป็นผู้นำเขาทำกันแบบไหน”

“ทุกวัน ผมจดสิ่งที่เขาแนะนำไว้ในไดอารี จนถึงวันนี้ หากผมมีปัญหาอะไร ผมจะหยิบมาอ่าน เพื่อค้นหาคำตอบ สิ่งที่ผมจำได้ และคิดถึงที่สุดเกี่ยวกับคำแนะนำของฮิดดิ้งค์ เขาบอกว่า

‘โค้ชปาร์ก เมื่อคุณเป็นผู้นำในทีมใหญ่ คุณต้องไม่เปลี่ยนผู้เล่นในทีมเป็นตัวหมากรุกเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองโดยเด็ดขาด’”

“เมื่อเขาพูดว่า เวลาไม่เคยคอยใคร มันแรงเหมือนผมถูกไล่ออก คุณต้องใช้เวลาและทรัพยากรของทีมให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

กุนซือแดนโสมถอดความจากข้อแนะนำของฮิดดิงค์ ได้ว่า หากตนเองจะเป็นผู้นำทีมใด ก็จะรับฟังให้มาก และทำให้ดีที่สุด เช่นเดียวกับเวลานี้ที่ทำอยู่ในเวียดนาม

ซึ่งอย่างที่เห็นผลลัพธ์ออกมา แม้บุคลิกของเขาจะมีแอกชั่นดุ ๆ นั่งหน้าเข้ม ๆ สลับลุกมาโวยวายข้างสนาม หรือ การออกลูกดีใจแบบสุดเหวี่ยงไม่เกรงใคร จนทำให้แฟนบอลคู่แข่งไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ระหว่างการทำงานอยู่ในสัญญากับสหพันธ์ฟุตบอลเวียดนาม กองเชียร์ดาวทองต่างรักเขา และยกให้เขาเป็นอาจารย์ของเด็ก ๆ

เหงียน กวง ไฮ เพลย์เมเกอร์เท้าชั่งทองกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ และไปค้าแข้งอยู่ยุโรปกับ เปา เอฟซี ในลีกเดอซ์ ฝรั่งเศส, เหงียน วาน ตวน กองหน้าจอมขยัน ย้ายไปเล่นกับทีมโซล อีแลนด์ ในเคลีก 2 เกาหลีใต้, ดวน วาน เฮา กองหลังจอมโหด เคยย้ายไปอยู่กับฮีเรนวีน ในลีกดัตช์, เหงียน คอง เฟือง อดีตเจ้าชายแห่งวงการได้ย้ายไปเล่นกับโยโกฮาม่า เอฟซี ในเจลีก ญี่ปุ่น, เหงียน เฮือง ดึ๊ก มิดฟิลด์จอมเทคนิคกำลังจะได้ย้ายไปเจลีก หรือ เคลีก เร็ว ๆ นี้

หรือ แม้แต่ เหงียน เทียน ลินห์ ที่กลายเป็นยอดกองหน้าระดับท็อปของอาเซียน ก็เติบโตมาพร้อมกับ ปาร์ก ฮัง ซอ ที่ปลุกปั้น เปลี่ยนจากนักเตะระดับโนเนม กลายเป็นผู้เล่นที่มีชื่อเสียง และได้ออกไปเล่นในทีมใหญ่กว่าเดิม ทุกคนยกให้โค้ชปาร์กเป็นอาจารย์ของพวกเขา แบบเดียวกับที่โค้ชหนุ่มวัย 44 ปี ยกให้ ฮิดดิงค์ เป็นครูของเขาเช่นกัน

 

สาเหตุของการอำลา

นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อกันยายน ปี 2017 โค้ชผู้มีฉายาว่า ‘เทอร์มิเนเตอร์’ (Terminator) นำทีมดาวทองประสบความสำเร็จอย่างสูง เริ่มด้วยการนำทีมชุด 23 ปีได้รองแชมป์เอเชียแบบพลิกความคาดหมายในปี 2018 เป็นครั้งแรกของเวียดนามด้วยที่ไปถึงรอบชิงชนะเลิศในรายการของสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี)

จากนั้นทำเซอร์ไพรส์ต่อด้วยการทะลุไปถึงรอบรองชนะเลิศเอเชี่ยนเกมส์ 2018 เป็นครั้งแรกในรอบ 56 ปีที่ทีมมาไกลถึงรอบนี้

ก่อนจะบินสูงสู่จุดสูงสุดของอาเซียนด้วยการคว้าแชมป์ในปี 2018, เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเอเชี่ยนคัพ 2019 ในระบบ 24 ทีม พร้อมยังคุมทีม 23 ปีคู่ขนานกัน และไปหยิบเหรียญทองฟุตบอลชายซีเกมส์มาคล้องคอ 2 สมัยติดต่อกันในปี 2019 และ 2021

ส่วนผลงานในการก้าวข้ามอาเซียนของโค้ชปาร์กคือ พาทีมงานดาวทองไปถึงฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสุดท้าย พร้อมกับเก็บแต้มได้อีก 4 คะแนน โดยพวกเขาสามารถยันเสมอญี่ปุ่น และชนะจีนได้ด้วย เป็นผลงานในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกที่ดีที่สุดของเวียดนาม ทำให้วงการลูกหนังในประเทศบูมสุดขีดทั้งในแง่ผลงาน กระแสแฟนบอลที่คลั่งไคล้อยู่แล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ จนสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ยังต้องชื่นชม

ขณะที่ผู้เล่นหลายคนชุดนี้ก็กำลังอยู่ในวัยที่กำลังพีก และยังมีโอกาสได้คัดลุ้นไปฟุตบอลโลกอีกสักครั้ง ไม่มีเหตุผลใดเลยที่สหพันธ์ฟุตบอลเวียดนามจะไม่ต่อสัญญากุนซือรายนี้ แต่สัญญาฉบับล่าสุดที่กำลังจะหมดลงในเดือนมกราคมนี้ กลับไม่ได้รับการขยายออกไป ด้วยเหตุผลของโค้ชปาร์กเอง

“ผมตัดสินใจว่า ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วที่จะกล่าวคำอำลาให้วงการฟุตบอลเวียดนามเพื่อประโยชน์ในการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา”

“ช่วงเวลาในการทำงานที่เวียดนาม ไม่ได้มีเพียงแค่ช่วงเวลาแห่งความสุข แต่มีความเศร้าด้วย แต่ทุกคนก็ผ่านมันมาด้วยกัน ดังนั้นถึงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับทุกคนที่จะร่วมกันกล่าวคำอำลาที่สวยงาม ตลอด 5 ปีที่ผ่านมานั้นเป็นช่วงเวลาแห่งความมหัศจรรย์สำหรับผมซึ่งถูกเติมเข้ามาในความทรงจำ แต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะเริ่มเส้นทางชีวิตใหม่อีกครั้ง”

เหตุผลที่แท้จริงแห่งการอำลา อาจจะไม่ได้ออกจากปากของเขาโดยตรง แต่ลึก ๆ แล้ว หากถอดข้อความอำลาอันสวยงามนี้ โค้ชปาร์ก กดดันจากความคาดหวังที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้อยากพัก และใช้เวลากับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ฟุตบอล ซึ่งก็คือ ครอบครัวให้มากขึ้น

ขณะเดียวกัน สื่อในประเทศมองว่า ทีมชาติเวียดนามเอง อาจจะต้องการสร้างนักเตะและโค้ชสายเลือดใหม่ขึ้นมาด้วย หลังจากผ่านมา 5 ปีในยุคของเขา ยังมีแฟนบอลบางส่วน ไม่แฮปปี้นักกับสไตล์การเล่นเกมรับ อยากให้เล่นเกมรุกมากกว่า

แม้จะเป็นเรื่องช็อกพอสมควรกับการบอกลาบ้านหลังที่ 2 ของกุนซือวัย 65 ปี อย่างไรก็ตาม ความทรงจำ และช่วงเวลาที่โค้ชปาร์กได้เข้ามาทำให้สมรภูมิฟุตบอลอาเซียนมีความเผ็ดร้อนมากขึ้นกว่าเดิมตลอด 5 ปีที่ผ่านมา จะไม่ได้ถูกลบเลือนไป

‘ปาร์ก ฮัง ซอ’ ชื่อนี้จะถูกจดไว้ในฐานะอีกหนึ่งตำนานของ ‘ฟุตบอลโลกอาเซียน’

 

เรื่อง: My name is

อ้างอิง:

Vietnam News

Zing News

laodong.vn