ชิมูระ เคน-คาโต้ ชะ แห่ง "คู่หูคู่ฮา" รายการตลกที่มาพร้อมประโยคเด็ด "ไดโจบุได"

ชิมูระ เคน-คาโต้  ชะ แห่ง "คู่หูคู่ฮา" รายการตลกที่มาพร้อมประโยคเด็ด "ไดโจบุได"
ศิลปะแขนงหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมภายในประเทศเป็นอย่างมากก็คือการ “เล่าเรื่องตลก” โดยเฉพาะแถบคันไซ เรียกได้ว่าลมหายใจของอารมณ์ขันนั้นอบอวลไปทุกที่ อาชีพนักแสดงตลกญี่ปุ่น Owarai (โอวาไร มาจากคำว่าหัวเราะ お笑い) เป็นล่ำเป็นสัน มีคนรุ่นใหม่อยากเข้าวงการอย่างต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะมีชื่อเสียงแล้วยังมีรายได้ดีอีกด้วย เราจะเห็นโรงละครสำหรับแสดงตลกจำนวนมากกระจายตัวตามภูมิภาค หรือถ้าหากคุณเป็นแฟนรายการวาไรตี้โชว์ของญี่ปุ่น เรามักจะเห็นพิธีกรตลกที่เป็นพิธีกรนำตามรายการโทรทัศน์หรือเป็นพิธีกรคู่ในรายการ (นึกถึงภาพ สี่ทุ่มสแควร์หรือตี 10 ยุคที่มี เด๋อ ดอกสะเดา เป็นพิธีกรร่วมกับ วิทวัส สุนทรวิเนตร์) ที่คุ้นหน้าชาวไทยที่เป็นคอบันเทิงญี่ปุ่นในยุคปัจจุบันก็เช่น คู่หู “บานาน่าแมน” และ ฮิโระอิกิ อาริโยชิ เป็นต้น ในประเทศเราอาจจะเคยผ่านหน้าค่าตากับตลกญี่ปุ่นบ้าง อย่าง “ทาเคชิ บีต” ทาเคชิ คิตาโนะ นักแสดงตลกมากความสามารถที่ผันตัวมารับงานภาพยนตร์อย่าง Battle Royale และ Ghost in the Shell โดยพลิกบทบาทมาเล่นบทเข้ม ๆ โหด ๆ หรือ โยชิโมโตะ บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านความบันเทิงของญี่ปุ่น ก็มีการนำตลกญี่ปุ่นมาแสดงเพื่อให้คนไทยและคนญี่ปุ่นในไทยได้ผ่อนคลายความเครียด แต่ถ้าถามว่าแล้วตลกญี่ปุ่นที่โด่งดังที่สุดที่คนไทยทั่วไปรู้จัก คนไม่มีใครเกิน “คู่หู-คู่ฮา” ชิมูระ เคน (Shimura Ken) และ คาโต้ ชะ (Kato Cha) หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า ลุงชิมูระ และ ลุงคาโต้ กับรายการแสดงตลกทางโทรทัศน์ยอดฮิตในยุค 1990s ทางช่อง 7 ยิ่งประกอบกับการพากย์ของน้าต๋อย เซมเบ้ ที่ปรับบริบทมุกตลกให้เข้ากับคนไทย ก็ทำให้กลายเป็นรายการขวัญใจของแฟน ๆ ได้ไม่ยาก แต่เชื่อไหมว่าจุดเริ่มที่ทั้งคู่พบกัน กลับมาจากการตั้งวงดนตรีร็อกแอนด์โรล! The Drifters เป็นวงดนตรีร็อกที่ถือว่านำสมัยมาก ๆ ในช่วงทศวรรษ 1960s ซึ่งขอบอกว่าฝีไม้ลายมือวงนี้ไม่ธรรมดา เพราะเคยมีสมาชิกอย่าง คีว ซากาโมโตะ ศิลปินเอเชียคนแรกและคนเดียวที่นำเพลงไปติดอันดับที่ 1 บิลบอร์ด 100 ของสหรัฐฯ อย่างเพลง Ue o Muite Arukou หรือที่คนไทยรู้จักในเพลง Sukiyaki ในวงดังกล่าว คาโต้รับหน้าที่เป็นมือกลองประจำวง และชิมูระเป็นมือคีย์บอร์ด ร่วมกับเพื่อนสมาชิกอื่น ๆ อีก เช่น โคจิ นากาโมโตะ และ บู ทาคากิ ตำแหน่งมือกีตาร์ โชสุเกะ อิคาริยะ มือเบสหัวหน้าวง และ ชู อาราอิ ที่เคยเป็นอดีตสมาชิกมือคีย์บอร์ดอีกคนหนึ่งของวงก่อนหน้าจะเป็นชิมูระ ความแตกต่างของ The Drifters ที่ต่างจากวงดนตรีอื่นนั้น นอกจากฝีมือแล้ว พวกเขายังเป็นวงที่ขึ้นชื่อในการเอนเตอร์เทนผู้ชมอีกด้วย เพราะสามารถพูดคุยและปล่อยมุกอย่างเป็นกันเอง ความโด่งดังของเขาทำให้ได้มีรายการของตัวเอง Hachijidayo, Zen'inshugo! ที่กลายเป็นรายการเรตติงสูงสุดของประเทศในช่วงระหว่างปี 1969-1985 เรียกได้ว่าพวกเขามีรายการที่ยิ่งใหญ่ยาวนานถึง 2 ทศวรรษ นับว่าเป็นหนึ่งรายการเรตติงสูงสุดระดับตำนานของญี่ปุ่น ซึ่งมีฐานแฟนคลับตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น และคนทำงาน ส่วนเกียรติประวัติสูงสุดของ The Drifters พวกเขาคือวงที่ได้รับเลือกให้ทำการแสดงเปิดวง เมื่อ The Beatles เดินทางมาแสดงในประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกด้วยที่นิปปอน บุโดคัง แต่จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 1985 หลังจากมีการยุบรายการ Hachiji Dayo, Zen'inshugo! สองสมาชิกที่สนิทสนมกันอย่างคาโต้และชิมูระ ผนึกกำลังกันสร้างรายการวาไรตี้ซิตคอมอย่าง Kato-chan Ken-chan Gokigen TV หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อของ “คู่หูคู่ฮา” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ TBS และฉายครั้งแรกในประเทศไทยทางช่อง 7 เมื่อปี 2532 โดยเป็นรายการตลกความยาว 30 นาที ภาพของชิมูระ ผู้ชายผมบางจอมกวน และ คาโต้ หนุ่มหน้าเข้มมาดขรึม แต่แฝงความเพี้ยน กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำของรายการนี้ ความโด่งดังของรายการยังถูกนำไปพัฒนาเป็นวิดีโอเกมส์เลยทีเดียว มุกต่าง ๆ ในคู่หูคู่ฮานั้น นอกจากความขบขันแล้ว ยังมีการเสียดสีสังคมที่โดนใจและกลายเป็นมุกคลาสสิก อย่างเช่น มุกจำลองสถานที่เป็นรถแท็กซี่ จำลองบทสนทนาระหว่างคนขับรถแท็กซี่กับผู้โดยสารในสถานการณ์แบบซิตคอม (คล้าย ๆ รายการ ตลกหกฉาก ของ Workpoint TV ในปัจจุบัน) หรือช่วงสุดฮิตอย่างการให้ผู้ชมทางบ้านส่งโฮมวิดีโอเข้ามา ซึ่งเริ่มเป็นที่นิยมในช่วงปลายทศวรรษ 1980s-ต้น 1990s เมื่อแต่ละครอบครัวซื้อกล้องถ่ายวิดีโอไว้ และเมื่อส่งคลิปมาแล้ว ทั้งสองคู่หูนี้ก็จะเอาไปยำและใส่มุกให้อย่างสนุกสนาน ช่วงโฮมวิดีโอนี้เอง เป็นต้นกำเนิดของรายการ America's Funniest Home Videos มาจากการที่โปรดิวเซอร์ชาวอเมริกันได้ร่วมงานกับ TBS สถานีที่ผลิตรายการ “คู่หูคู่ฮา” นำไปปรับปรุงให้เกิดรายการใหม่ และนอกจากรายการคู่หูคู่ฮาที่โด่งดังแล้ว ทั้งคู่ยังมีรายการร่วมกับสมาชิก The Drifters คนอื่น ๆ อย่าง Dorifu Daibakusho ที่ออกอากาศไปจนถึงปี 1998 เรียกได้ว่า The Drifters เป็นหนึ่งในวงดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่ฝากผลงานมาถึง 4 ทศวรรษเลยทีเดียว  ซึ่งวงเองก็เพิ่งมีโอกาสกลับมารวมตัวกันเพื่อขึ้น “เทศการดนตรีขาวแดง” Kōhaku Uta Gassen งานดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ที่จัดถ่ายสดทาง NHK ในช่วงวันสิ้นปีไปจนถึงปีใหม่ โดย The Drifters แสดงบนเวทีครั้งแรกในปี 2001 เรียกได้ว่าไม่ใช่เฉพาะรายการคู่หูคู่ฮา ที่รู้จักกันในประเทศไทยเท่านั้น แต่ทั้งคาโต้และชิมูระคือตำนานที่ยังมีลมหายใจของวงการบันเทิงญี่ปุ่น อย่างคุณลุงชิมูระก็มาแจ้งเกิดให้แฟน ๆ ชาวไทยรุ่นใหม่ได้รู้จักอีกครั้งในรายการ “ขำกลิ้งลิงกับหมา” หรือ Tensai! Shimura Dōbutsuen ที่ออกอาการทางช่อง 9 อสมท โดยเป็นการแสดงความน่ารักแสนซนของเจ้าลิงจ๋อ “ปังคุง” และเจ้าสุนัขหน้าย่นน่าฟัดอย่าง “เจมส์” ในการทำภารกิจต่าง ๆ ส่วนคุณลุงคาโต้ก็สร้างความฮือฮาให้วงการบันเทิงญี่ปุ่นเมื่อปี 2011 โดยประกาศแต่งงานกับเจ้าสาวรุ่นลูกที่มีอายุห่างกัน 45 ปี แม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่รักความสนุกสนาน ความบันเทิง และเสียงหัวเราะ เป็นต้นกำเนิดของ Asia Pop Culture ที่หลากหลาย แต่เหมือนว่าในวิกฤตเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 ที่แพร่เชื้อคุกคามไปทั่วโลก ญี่ปุ่นก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน อีเวนต์ กิจกรรมบันเทิงต่าง ๆ ถูกงด ไม่ก็ยกเลิกไป เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สินประชาชน แม้ญี่ปุ่นจะเริ่มมีการชะลอการเพิ่มของผู้ป่วยรายใหม่ แต่หนึ่งในผู้ป่วยรายใหม่ที่ตรวจพบกลับเป็น ชิมูระ เคน หนึ่งในคู่หูคู่ฮาที่ยังมีผลงานออกมาต่อเนื่อง ในวัย 70 ปี ชิมูระถูกตรวจพบว่าติดโควิด-19 แพทย์พบว่าชิมูระมีอาการปอดบวม ซึ่งต้นสังกัดออกมาแถลงยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง และถือเป็นคนวงการบันเทิงรายแรกของญี่ปุ่นที่ได้รับเชื้อดังกล่าว แม้การติดเชื้อโควิด-19 จะปรากฏอาการมากในกลุ่มผู้ป่วยสูงวัย แต่ก็ได้แต่หวังว่าแล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี เหมือนหนึ่งในมุกคลาสสิกในรายการคู่หูคู่ฮา ที่เมื่อตัวละครใดก็ตามมีปัญหา ก็จะหยิบอุปกรณ์ที่ให้เคาะทำสมาธิ หรือที่แฟน ๆ ชาวไทยติดหูกับคำว่า “กลองสามช่า” (ตามคำเรียกของ น้าต๋อย เซมเบ้ ผู้พากย์เสียง) แล้วเปล่งวาจาว่า “ไดโจบุได” แล้วเคาะเป็นทำนองเป็นจังหวะ ซึ่งในภาษาญี่ปุ่น “ไดโจบุ” มีความหมายว่า “ไม่เป็นไร” หรือ “มันก็ยังโอเคอยู่” แต่ในที่สุด ชิมูระ เคน ก็กลายเป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตจากเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2020 เหลือไว้เพียงตำนาน "คู่หูคู่ฮา" ให้แฟน ๆ ได้นึกถึงและจดจำเขาไปนานแสนนาน   เรื่อง: พิเชฐ ยิ่งเกียรติคุณ