22 พ.ย. 2566 | 19:38 น.
“เขายังคงอยู่ในร่างของฉัน ฉันยังทำอะไรหลายอย่างที่บรูซคนเก่าเคยทำ ฉันยังคงชอบขับเครื่องบินและขับรถแข่งเป็นครั้งคราว ฉันสามารถมีโลกสองใบที่ดีที่สุดได้พร้อม ๆ กัน”
เคทลิน เจนเนอร์ (Caitlyn Jenner) กล่าวถึงความรู้สึกของตัวเอง
หากเหรียญมีสองด้าน และมนุษย์ทุกคนล้วนมีสองมุม ทั้งมุมมืดและมุมสว่าง ผู้หญิงข้ามเพศที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของโลกอย่าง ‘เคทลิน เจนเนอร์’ ยอมรับว่า เธอก็มีสองร่างทั้งชายและหญิงอยู่ในคน ๆ เดียวกัน
‘เคทลิน เจนเนอร์’ หรือชื่อเดิมที่คนทั่วโลกรู้จักกันมายาวนานว่า ‘บรูซ เจนเนอร์’ (Bruce Jenner) เป็นชาวอเมริกัน เกิดที่เมืองเมาต์คิสโก ในรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ.1949
ชีวิตของเธอเริ่มจากการเป็นเด็กผู้ชายธรรมดา ซึ่งมีปัญหาบกพร่องด้านการเรียนรู้ (dyslexia) ทำให้เรียนหนังสือไม่เก่ง แต่พอขึ้นชั้น ป.5 ก็มาค้นพบพรสวรรค์ด้านกีฬา เมื่อครูพละสั่งให้นักเรียนทุกคนวิ่งจับเวลาแข่งกัน และเธอเป็นเด็กที่ทำเวลาได้ดีที่สุดในโรงเรียน
หลังจากนั้น ชีวิตของเด็กชาย ‘บรูซ’ ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บรูซกลายเป็นนักกีฬาที่สาว ๆ คลั่งไคล้ เล่นได้ทั้งบาสเกตบอล กรีฑา ไปจนถึงสกีน้ำ และได้ทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่เกรซแลนด์ คอลเลจ ในรัฐไอโอวา ด้วยโควตานักกีฬาอเมริกันฟุตบอล
อย่างไรก็ตาม ภายใต้ร่างกายกำยำและหน้าตาอันหล่อเหลาของหนุ่มผู้มีนามว่า ‘บรูซ’ ยังมีอีกร่างของหญิงสาวชื่อ ‘เคทลิน’ ซุกซ่อนไว้ และไม่เปิดเผยให้ใครได้เห็น
“ตอนฉันอายุราว 10 - 11 ขวบ ฉันชอบแอบเข้าไปในตู้เสื้อผ้าของแม่ เมื่อพ่อแม่ออกไปข้างนอก ฉันจะเอาเสื้อผ้ามาลองใส่ ทาลิปสติก กลัวแทบตายว่าจะถูกจับได้ แต่ก็ไม่เคยมีใครมาเห็น” เคทลินเปิดใจในหนังสารคดีของ Netflix ที่ชื่อ ‘Untold: Caitlyn Jenner’
เธอบอกว่า นอกจากปัญหา dyslexia ที่ทำให้เรียนหนังสือไม่เก่ง เธอยังมีอาการ gender dysphoria ที่ก่อให้เกิดความทุกข์ใจจากเพศสภาพ และทำให้รู้สึกสับสนในตัวตนของตัวเองมาตลอด
“ตลอดชีวิตที่ผ่านมา ทุกอย่างมันเกิดขึ้นในหัวของคุณ ฉันเป็นแค่คนชอบแต่งตัวข้ามเพศใช่มั้ย การแต่งตัวข้ามเพศมันช่วยปลุกเร้าอารมณ์ทางเพศของฉันใช่มั้ย งั้นฉันกำลังมีเซ็กซ์กับตัวเองเหรอ นี่ฉันเป็นเกย์หรือไม่?”
คำถามและความสับสนเหล่านี้ที่เข้ามารบกวนจิตใจ ทำให้บรูซเลือกหาทางออกด้วยการทุ่มเทเวลาไปกับการเล่นกีฬา
ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก
บรูซเบนเข็มจากการเป็นนักอเมริกันฟุตบอล มาเป็นนักทศกรีฑา (decathlon) หลังจากมีปัญหาบาดเจ็บที่หัวเข่า เขาทุ่มเทเวลาฝึกซ้อมจนติดทีมชาติสหรัฐอเมริกาไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และประสบความสำเร็จสูงสุดด้วยการคว้าเหรียญทองทศกรีฑาชายในโอลิมปิกปี 1976 ที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา
บรูซ เจนเนอร์ กลายเป็นฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกของอเมริกา เพราะนอกจากจะทำลายสถิติโลกได้สำเร็จ เขายังโค่นแชมป์เก่าจากสหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับอเมริกา ทั้งในสนามกีฬาและเวทีการเมือง ท่ามกลางความตึงเครียดของโลกในยุคสงครามเย็น
“ฉันพิชิตมาแล้วทุกยอดเขา ฉันประสบความสำเร็จมาทุกอย่างที่สามารถทำได้ บรูซ เจนเนอร์ แชมป์โอลิมปิก นักกรีฑาผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก แต่ฉันก็ยังเป็นคนเดิม ต้องเผชิญกับปัญหาเดิม ๆ
“ฉันจำได้ดีในวันถัดมา ตอนตื่นนอน เดินไปเข้าห้องน้ำ เหรียญรางวัลวางอยู่ตรงนั้นบนเคาน์เตอร์ ฉันไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักชิ้น มีแค่เหรียญโอลิมปิกห้อยคอ ฉันมองไปยังกระจกบานใหญ่ และพูดว่า ‘นายเพิ่งทำบ้าอะไรลงไป”
หลังกลับจากโอลิมปิกครั้งนั้น กราฟชีวิตของบรูซก็พุ่งขึ้นแบบสุด ๆ เขาได้ขึ้นปกนิตยสารมากมาย และไปตระเวนออกรายการทีวี กลายเป็นนายแบบโฆษณา และแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับซีเรียลอาหารเช้าชื่อดัง ก่อนจะมาเล่นหนังและละครหลายเรื่อง กลายเป็นเซเลบริตี้คนดังภายในชั่วข้ามคืน
“โอลิมปิกเกมส์ คือ สิ่งที่ทำให้ชีวิตฉันไขว้เขวจากตัวตนจริง ๆ มากที่สุด ฉันหวาดกลัวว่า สิ่งนั้นอาจทำให้ตอนนี้ฉันต้องหันมาจัดการกับตัวเองอีกครั้ง
“ผู้คนหลงใหลเรื่องราวดี ๆ แบบนี้ เป็นลูกหลานชาวอเมริกันตัวจริง มีภรรยาออกไปช่วยทำงาน ฉันไม่คิดว่าจะทนมีชีวิตอย่างนั้นได้”
ชีวิตสมรสและตัวตนที่ซ่อนไว้
บรูซแต่งงานทั้งหมด 3 ครั้ง ภรรยาคนแรกเป็นเพื่อนนักศึกษาที่คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ชื่อ ‘คริสตี้’ (Crystie) มีลูกด้วยกัน 2 คน (เบิร์ต และเคซี) จากนั้นจึงหย่าร้างและไปแต่งงานอยู่กินเป็นเวลาสั้น ๆ กับดารานางแบบชื่อ ‘ลินดา ธอมป์สัน’ (Linda Thompson) มีลูกด้วยกัน 2 คน (แบรนดอน และโบรดี) ก่อนจะมาพบรักกับ ‘คริส คาร์เดเชียน’ (Kris Kardashian) แอร์โฮสเตสไฮโซที่เป็นแม่ของ ‘คิม คาร์เดเชียน’ อดีตเจ้าสาวของแรปเปอร์ชื่อดัง ‘คานเย่ เวสต์’
เคทลินเผยว่า ก่อนมารับบทพ่อเลี้ยงตระกูลคาร์เดเชียน เธอใช้ฮอร์โมนเพื่อบำบัดอาการ gender dysphoria และเคยคิดจะผ่าตัดแปลงเพศมาก่อนแล้ว ซึ่ง ‘คริส’ รู้เรื่องนี้ดี แต่เพราะทั้งคู่รักกัน และคริสมั่นใจว่า เธอสามารถดึง ‘บรูซคนเดิม’ กลับมาได้ ทั้งสองจึงตกลงแต่งงานกัน และมีลูกด้วยกันอีก 2 คน (เคนดัลล์ และไคลี)
การมีครอบครัวใหญ่ต้องดูแล (บรูซ - คริสมีลูกติดมาฝั่งละ 4 คน ทำให้ทั้งคู่มีลูกรวมกัน 10 คน) และแต่ละคนมีไลฟ์สไตล์ที่หรูหราฟู่ฟ่า ทำให้พ่อแม่ต้องพยายามหาทางปั๊มเงินมาเติมในบัญชี จนในที่สุดจึงเกิดเป็นรายการเรียลิตี้ เกาะติดชีวิตของสมาชิกตระกูลนี้ที่ชื่อ ‘Keeping Up with The Kardashians’ เริ่มออกอากาศซีซั่นแรกในปี 2007
ความสำเร็จของรายการ ‘Keeping Up with The Kardashians’ ที่ออนแอร์ติดต่อกันยาวนานถึง 20 ซีซั่น นอกจากจะทำให้ครอบครัว ‘คาร์เดเชียน - เจนเนอร์’ มีชื่อเสียงและร่ำรวยขึ้นไปอีกขั้น มันยังทำให้ชื่อของ ‘บรูซ เจนเนอร์’ เป็นที่รู้จักของคนรุ่นใหม่ แม้จะเกิดไม่ทันกีฬาโอลิมปิกปี 1976 ก็ตาม
“ฉันรักการทำหน้าที่พ่อ รักการขับรถพาลูก ๆ ไปไหนมาไหน ชอบให้คำปรึกษา และเลี้ยงดูพวกเขาจนเติบใหญ่ แต่ปัญหาส่วนตัวของฉันก็ยังไม่ได้หายไป”
ความพยายามดึง ‘บรูซคนเดิม’ กลับมาไม่ประสบความสำเร็จ เพราะในปี 2015 ‘บรูซ’ ขณะมีอายุ 65 ปี ตัดสินใจหย่าขาดกับภรรยาคนที่สาม ซึ่งอยู่กินกันมานาน 22 ปี และประกาศเปิดตัว ‘เคทลิน’ ในร่างของตัวเองออกมาให้คนทั่วโลกรับทราบเป็นครั้งแรก
เธอเข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ และเปลี่ยนชื่อเป็น ‘เคทลิน’ อย่างเป็นทางการ ก่อนขึ้นปกนิตยสาร Vanity Fair อวดเรือนร่างใหม่ที่กลายเป็นหญิง และถูกยกย่องให้เป็น ‘ราชินี’ สตรีข้ามเพศที่โด่งดังที่สุดในโลก ถึงขั้น ‘กินเนส เวิลด์ เรคคอร์ด’ ต้องจดบันทึกไว้ในเดือนมิถุนายน 2015 ในฐานะผู้ทำยอดคนติดตามบน ‘ทวิตเตอร์’ ครบล้านได้เร็วที่สุด ภายในเวลา 4 ชั่วโมง 3 นาที ทำลายสถิติเดิมของ ‘บารัก โอบามา’ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ
“ฉันใช้เวลาทั้งชีวิตปิดบังตัวเองมาจนถึงจุดนั้น ไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้ ฉันแค่ต้องการตบหน้าทุกคน และพูดว่า ‘พวกมึงหยุดยุ่งกับกูได้แล้ว นี่แหละตัวกู’ จงยอมรับมัน”
เคทลินระบายด้วยความอัดอั้น แต่ขณะเดียวกันก็ยอมรับว่า แม้คนข้ามเพศทั่วไปจะไม่ชอบให้ใครมาเรียกชื่อเก่าของตัวเอง เพราะชื่อนั้นสำหรับพวกเขาเหมือน ‘คนที่ตายไปแล้ว’ แต่สำหรับเธอ ‘บรูซ’ ยังไม่จากไปไหน และเป็นอีกร่างที่เธอภาคภูมิใจเสมอ
“ฉันมีชีวิตมา 65 ปี ถูกต้องมั้ย ฉันชอบบรูซ เขาเป็นคนดี ชีวิตของเขาทำสิ่งต่าง ๆ สำเร็จมามากมาย จะบอกว่า ‘เขาไม่มีตัวตน’ งั้นเหรอ มันไม่ใช่อย่างนั้น เขามีตัวตน เขาสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมา เขาเป็นแชมป์กีฬาโอลิมปิก เขาเลี้ยงดูลูก ๆ ได้น่าทึ่ง เขาทำสิ่งดี ๆ มากมาย และมันไม่ใช่เพราะฉันต้องการทิ้งขว้างเขาไป”
เคทลินตอกย้ำการมีโลกสองใบภายในตัวเอง โดยชี้ว่า แม้ตอนนี้เธอจะอยู่ในร่างสตรี แต่บางทีเธอก็ยังเล่นกีฬาที่ ‘บรูซ’ เคยชอบ เธอยังชอบขับเครื่องบินและแข่งรถเหมือนที่บรูซเคยทำ
เธอไม่ต้องการให้ใครลืมคนชื่อ ‘บรูซ เจนเนอร์’ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่อยากกักขังตัวเองไว้ในเพศสภาพเดิมอีกต่อไป และนั่นคือเหตุผลว่า ทำไมเธอจึงเลือกเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงอีกมุมในชื่อ ‘เคทลิน เจนเนอร์’ ออกมา เพื่อจะบอกให้โลกรู้ว่า ไม่ว่าจะอยู่ในเพศสภาพใด คนเราล้วนมีคุณค่าและสามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ต่างกัน
เรื่อง: ภานุวัตร เอื้ออุดมชัยสกุล
ภาพ: (ซ้าย) บรูซ เจนเนอร์ กับเหรียญทองโอลิมปิก 1976 และภาพหลังผ่าตัดแปลงเพศเป็น ‘เคทลิน เจนเนอร์’ จาก Getty Images
อ้างอิง:
‘Untold: Caitlyn Jenner’ ภาพยนตร์สารคดีของ Netflix