เจ้าชายแฮร์รี ดยุกที่รายล้อมด้วยดราม่า รอยร้าวที่ยากประสานในราชวงศ์อังกฤษ

เจ้าชายแฮร์รี ดยุกที่รายล้อมด้วยดราม่า รอยร้าวที่ยากประสานในราชวงศ์อังกฤษ

'เจ้าชายแฮร์รี' ผู้เคยถูกขนานนามว่า 'เจ้าชายแสนสุข' เติบโตมาเป็นดยุกที่รายล้อมด้วยดราม่า ท่ามกลางการจับจ้องของสื่อ รอยร้าวที่ยากประสานในราชวงศ์อังกฤษ

  • ทั่วโลกเรียกพระองค์ว่า 'เจ้าชายแฮร์รี' แต่ความจริงพระนามเต็มของพระองค์คือ 'เจ้าชายเฮนรี ชาร์ลส์ อัลเบิร์ต เดวิด'
  • แม้เจ้าชายแฮร์รีจะทรงงานด้านการกุศล แต่สื่อกลับไม่ได้สนใจงานด้านนี้ของพระองค์สักเท่าไร ทั้งยังเล่นงานพระองค์อย่างหนัก 
  • ในหนังสือ Spare เจ้าชายแฮร์รีกล่าวหาว่าเจ้าชายวิลเลียมทำร้ายร่างกายพระองค์เมื่อปี 2019 หลังจากเจ้าชายวิลเลียมตำหนิเมแกนว่า เรื่องมาก หยาบคาย และน่ารำคาญ 

ในฐานะพระโอรสองค์ที่ 2 ของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 และเจ้าหญิงไดอาน่า ปัจจุบัน 'เจ้าชายแฮร์รี' ทรงเป็นรัชทายาทอันดับที่ 5 แห่งราชวงศ์อังกฤษ รองจากพระราชบิดา เจ้าชายวิลเลียม พระโอรสและพระธิดาทั้งสามของเจ้าชายวิลเลียม 

เจ้าชายแฮร์รีทรงเติบโตมาท่ามกลางการจับจ้องของสื่อ รายล้อมไปด้วยเรื่องราวดราม่ามากมาย

'เจ้าชายแฮร์รี' ผู้เคยได้รับการขนานนามว่า 'เจ้าชายแสนสุข'

เจ้าชายเฮนรี ชาร์ลส์ อัลเบิร์ต เดวิด (Prince Henry Charles Albert David) ประสูติเมื่อวันที่ 15 กันยายน 1984 ที่โรงพยาบาลเซนต์แมรีในกรุงลอนดอน แต่พระองค์เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกในพระนาม ‘เจ้าชายแฮร์รี’

เจ้าหญิงไดอาน่าเคยกล่าวถึงเจ้าชายแฮร์รีว่าเป็นคนที่มีรสนิยมและสปอร์ตมาก โดยเจ้าชายแฮร์รีสนพระทัยการขี่ม้าและล่าสัตว์ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์

เจ้าหญิงไดอาน่าทรงตั้งปณิธานว่าพระโอรสทั้งสองจะต้องได้ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้จะได้รับสิทธิพิเศษมากมายในสังคมอังกฤษ แต่ทั้งสามพระองค์ (เจ้าหญิงไดอาน่า, เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี) มักจะเสด็จไปเที่ยวตามสวนสนุก ร้านแมคโดนัลด์ โรงหนัง ตามประสาแม่ลูก 

เจ้าชายผู้มีพระเกศาสีแดงทรงเข้าเรียนที่โรงเรียนเนอสเซอรี่เจน มัยนอร์ส (Jane Mynors) ในย่านน็อตติ้งฮิลล์ของกรุงลอนดอน เช่นเดียวกับพระเชษฐาคือเจ้าชายวิลเลียม
 

 

เดือนกันยายน 1987 ซึ่งเป็นช่วงแรก ๆ ที่เจ้าชายแฮร์รีเสด็จไปโรงเรียน พระองค์ทรงเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากในการปรับตัวเข้ากับโรงเรียน แต่ไม่นานก็สามารถปรับตัวได้ และกลายเป็นที่รู้จักในชื่อ ‘เจ้าชายแสนสุข’ (the Happy Prince) ในขณะที่ชีวิตสมรสของพระบิดากับพระมารดาตึงเครียดมากขึ้น 

ปี 1989 เจ้าชายแฮร์รีทรงเข้าเรียนที่โรงเรียนเวเทอร์บี (Wetherby) เช่นเดียวกับพระเชษฐา จากนั้นก็ตามพระเชษฐาไปเรียนต่อที่โรงเรียนประจำลัดโกรฟ (Ludgrove) ในเบิร์กเชียร์ เมื่อปี 1992 ซึ่งเป็นช่วงที่สองพี่น้องได้รับรู้ข่าวการแยกทางของพระบิดาและพระมารดา ที่มีการประกาศอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม ก่อนที่ทั้งสองพระองค์จะทรงหย่าร้างกันในปี 1996

หลังการหย่าร้างครั้งบรรลือโลก เจ้าชายทั้งสองทรงใช้เวลาวันหยุดแบ่งระหว่างพระบิดากับพระมารดา โดยจะใช้เวลาที่ไฮโกรฟกับพระบิดา เพลิดเพลินกับกิจกรรมกลางแจ้งและเดินทางไปพักผ่อนในต่างประเทศ และเมื่อไปอยู่กับพระมารดา สองพี่น้องก็จะได้ทำกิจกรรมหลากหลาย ตั้งแต่ไปเที่ยวพักผ่อนในเขตร้อน รวมถึงไปเยี่ยมคลินิกโรคเอดส์และศูนย์พักพิงคนไร้บ้าน

เจ้าชายแฮร์รี ดยุกที่รายล้อมด้วยดราม่า รอยร้าวที่ยากประสานในราชวงศ์อังกฤษ
เจ้าหญิงไดอาน่าสิ้นพระชนม์

แต่น่าเศร้า เมื่อเจ้าชายแฮร์รีมีพระชันษา 12 ปี อุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 1997 ได้พรากพระมารดาของพระองค์ไปตลอดกาล

หลายเดือนหลังการสิ้นพระชนม์ของพระมารดา เจ้าชายแฮร์รีประทับอยู่ที่พระตำหนักบัลมอรัลเป็นเวลาหลายวัน ทรงไว้ทุกข์กับพระราชวงศ์อย่างสงบเงียบ

วันที่ 6 กันยายน 1997 เจ้าชายแฮร์รีทรงพระดำเนินผ่านประชาชนหลายพันคนที่มาร่วมชุมนุมเพื่ออำลาสตรีที่หลายคนขนานนามว่า ‘เจ้าหญิงแห่งปวงชน’

พระองค์ทรงเดินตามหลังโลงพระศพของพระมารดา พร้อมกับพระเชษฐา พระบิดา และพระอัยกา ‘เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ’

 

 

ภายหลังพิธีศพพระมารดา เจ้าชายแฮร์รีและสมาชิกราชวงศ์อังกฤษเสด็จไปยังอัลธอร์ป ซึ่งเป็นที่ดินของครอบครัวพระมารดาในนอร์แธมป์ตัน เพื่อร่วมฝังพระศพเจ้าหญิงไดอาน่าบนเกาะกลางทะเลสาบ

เจ้าชายแฮร์รีทรงต่อสู้กับการสูญเสียครั้งใหญ่ พระองค์ทรงทุกข์ทรมานจากฝันร้ายเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระมารดาจนต้องหลีกหนีจากชีวิตสาธารณะไปพักหนึ่ง กระทั่งเดือนตุลาคม 1997 เจ้าชายแฮร์รีทรงติดตามพระบิดาไปทัวร์แอฟริกาใต้และบอตสวานาเป็นเวลา 8 วัน เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ

ที่แอฟริกาใต้ เจ้าชายแฮร์รีได้ทอดพระเนตรการแสดงคอนเสิร์ตการกุศลของวงสไปซ์เกิร์ล (Spice Girl) และได้พบกับ ‘เนลสัน แมนเดลา’ ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ในเวลานั้น 

ต่อมาในเดือนกันยายน 1998 หรือ 1 ปีหลังเจ้าหญิงไดอาน่าสิ้นพระชนม์ เจ้าชายทั้งสองพระองค์ทรงร่วมกันออกแถลงการณ์ขอให้สื่อมวลชนและสาธารณชนปล่อยให้พระมารดาได้พักผ่อนอย่างสงบ และให้ทั้งสองพระองค์ได้ใช้ชีวิตต่อไปโดยปราศจากการจับตาของสาธารณชน

เจ้าชายสายปาร์ตี้ 

ย้อนกลับไปที่โรงเรียน เจ้าชายแฮร์รีเผชิญความท้าทายด้านการเรียน มีการตัดสินว่าพระองค์ต้องใช้เวลาเพิ่มอีก 1 ปี ที่โรงเรียนลัดโกรฟ แต่ความพยายามของพระองค์ก็ไม่สูญเปล่า ในที่สุดพระองค์ก็สามารถสอบเข้าเรียนที่วิทยาลัยอีตันได้ และเริ่มเรียนที่นั่นในปี 1998 ก่อนจะกลายเป็นนักเรียนที่ป๊อปปูลาร์ในหมู่เพื่อนนักเรียนภายในเวลาไม่นาน

ปีเดียวกัน เจ้าชายแฮร์รีและเจ้าชายวิลเลียมทรงร่วมจัดงานเซอร์ไพรส์วันคล้ายวันประสูติครบรอบ 50 ปีของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ซึ่งในช่วงเวลานี้เจ้าชายทั้งสองได้พบกับ ‘คามิลลา ปาร์คเกอร์ โบว์ลส์’ สตรีที่มีความสัมพันธ์กับพระบิดาตลอดเวลาหลายปี

เช่นเดียวกับวัยรุ่นทั่วไป เจ้าชายแฮร์รีทรงชื่นชอบปาร์ตี้ มีรายงานว่าพระองค์ทรงดื่มสุราตั้งแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ บางครั้งก็ที่ผับ บางครั้งก็ที่ไฮโกรฟ ทั้งยังทรงลองสูบกัญชาในช่วงฤดูร้อนปี 2001 ด้วย

ในเดือนมกราคม 2002 พฤติกรรมที่ผิดกฎหมายของเจ้าชายแฮร์รีกลายเป็นพาดหัวข่าวในแท็บลอยด์หลายฉบับ พระองค์ยอมรับผิดกับพระบิดา ซึ่งต่อมาได้ส่งพระโอรสไปเยี่ยมชมศูนย์ฟื้นฟูแห่งหนึ่งในลอนดอน เพื่อให้เจ้าชายได้เห็นถึงอันตรายจากการใช้ยาเสพติด

ระหว่างศึกษาที่วิทยาลัยอีตัน เจ้าชายแฮร์รีทรงมีช่องทางในการแสดงพระปรีชาสามารถที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ กีฬา และความคิดสร้างสรรค์ พระองค์ทรงเป็นนักกีฬาผู้ชื่นชอบการโรยตัว เตะฟุตบอล และเล่นสกี 

เจ้าชายแฮร์รีได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ แตกต่างจากพระเชษฐาที่จริงจังกว่า

หลังจบการศึกษาจากอีตัน เจ้าชายแฮร์รีทรงใช้เวลาในช่วง 1 ปี ที่ฟาร์มปศุสัตว์ในออสเตรเลีย

ส่วนอีก 1 ปี เจ้าชายแฮร์รีได้เสด็จเยือนอาร์เจนตินาและแอฟริกา เพื่อทำสารคดีเกี่ยวกับชะตากรรมของเด็กกำพร้าในเลโซโท พระองค์ยังเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาเช่นเดียวกับพระมารดา เห็นได้จากการที่ทรงก่อตั้งองค์กรการกุศลเซนเทเบิล (Sentebale) ร่วมกับเจ้าชายซีอีโซแห่งเลโซโท เพื่อให้ความช่วยเหลือเด็กกำพร้าและกลุ่มคนเปราะบางในประเทศแอฟริกาใต้

ความผิดพลาดในงานเลี้ยงแฟนซี

แม้เจ้าชายแฮร์รีจะทรงงานด้านการกุศล แต่สื่อกลับไม่ได้สนใจงานด้านนี้ของพระองค์สักเท่าไร ทั้งยังเล่นงานพระองค์อย่างหนัก เมื่อครั้งพระองค์ทรงสวมเครื่องแบบทหารนาซีที่มีปลอกแขนสวัสดิกะ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความเกลียดชังและความโหดร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เข้าร่วมงานเลี้ยงแฟนซีในช่วงต้นปี 2005

ขณะนั้นภาพเจ้าชายแฮร์รีพระชันษา 20 ปี ถูกเผยแพร่ไปทั่วหนังสือพิมพ์ระดับประเทศ และ ‘ดิกกี้ อาร์บิเตอร์’ ราชเลขาธิการ (ในเวลานั้น) ถึงกับต้องออกมาประกาศว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงรู้สึกผิดหวังในพระโอรสที่ดื้อดึง หลังจากนั้นพระตำหนักคลาเรนซ์เฮาส์ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษสำหรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทันที

ส่วนเจ้าชายแฮร์รีเองทรงออกแถลงการณ์ว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้กระทำในสิ่งที่สร้างความขุ่นเคืองและอึดอัดใจ มันเป็นการเลือกเครื่องแต่งกายที่ไม่ดี ข้าพเจ้าขอโทษ” 

แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แท็บลอยด์ตีข่าวพฤติกรรมเจ้าชายแฮร์รี เพราะปีก่อนหน้านั้นก็มีข่าวพระองค์มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับช่างภาพ บริเวณนอกไนต์คลับในลอนดอน

ไม่กี่เดือนหลังเกิดเรื่องเครื่องแบบนาซี เจ้าชายแฮร์รีและเจ้าชายวิลเลียมทรงเข้าร่วมพิธีเสกสมรสของพระบิดากับคามิลลา พระองค์ให้สัมภาษณ์กับสื่อในเวลานั้นว่า “เธออยู่ใกล้ชิดข้าพเจ้าและวิลเลียมเสมอ เธอไม่ใช่แม่เลี้ยงใจร้าย เธอเป็นผู้หญิงที่วิเศษ และเธอทำให้พระบิดาของพวกเรามีความสุขมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”

บทบาททางทหารของเจ้าชายแฮร์รี

ในเดือนพฤษภาคม 2005 เจ้าชายแฮร์รีเริ่มเข้าสู่ก้าวใหม่ในชีวิต พระองค์ทรงเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิร์สต์ (Royal Military Academy Sandhurst) อันทรงเกียรติ และประสบความสำเร็จในการฝึกอบรมหลักสูตรระยะเวลา 44 สัปดาห์ ก่อนจะเข้ารับราชการเป็นทหารบกในเดือนเมษายน 2006 โดยในพิธีเข้ารับราชการนั้น เจ้าชายแฮร์รีได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งเป็นพระอัยยิกาของพระองค์ด้วย

เดือนเมษายน 2006 เจ้าชายแฮร์รีและเจ้าชายวิลเลียมทรงประกาศแผนการจัดคอนเสิร์ตเฉพาะกิจในปี 2007 เพื่อรำลึกครบรอบ 10 ปีการจากไปของพระมารดา

คอนเสิร์ตดังกล่าวมีผู้ชมมากกว่า 6 หมื่นคน สามารถระดมเงินเข้ากองทุนเจ้าหญิงไดอาน่าและองค์กรการกุศลอื่น ๆ ได้เป็นจำนวนมาก

ปีเดียวกัน เจ้าชายแฮร์รีจบหลักสูตรผู้นำหน่วยลาดตระเวนติดอาวุธ เจ้าชายแฮร์รีได้เข้าร่วมกองพันทหารม้าบลูส์แอนด์รอยัลส์ (Blues and Royals) ประจำพระราชวังวินเซอร์ ซึ่งได้ร่วมกับกองทหารม้ารักษาพระองค์ของอังกฤษ (Life Guards) ก่อตั้งทหารม้ารักษาพระราชวัง (Household Cavalry) 

สถานะของพระองค์ในเวลานั้น ก่อให้เกิดความท้าทายด้านความมั่นคงต่อกองทัพ และมีการถกเถียงกันมากว่าพระองค์ควรได้รับอนุญาตให้ปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์สู้รบหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์ 2008 เจ้าชายแฮร์รีถูกส่งไปปฏิบัติหน้าที่ในอัฟกานิสถานพร้อมกับทหารคนอื่น ๆ

โดยทรงปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อันตรายอย่างจังหวัดเฮลมานด์ แต่หลังปฏิบัติหน้าที่ได้เพียง 2 เดือน มีข้อมูลพิกัดของพระองค์หลุดออกมา ทำให้กองทัพต้องรีบนำพระองค์ออกจากพื้นที่อันตราย

ช่วงต้นปี 2009 เจ้าชายแฮร์รีทรงเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้ง เมื่อปรากฏวิดีโอของพระองค์ขณะกำลังใช้คำพูดดูถูกเพื่อนทหารชาวปากีสถาน เมื่อปี 2006 ซึ่งทำให้พระองค์ต้องรีบออกมาขอโทษต่อกรณีดังกล่าว ต่อมากองทัพจึงได้สั่งให้พระองค์เข้ารับการฝึกอบรมเพื่อมุ่งเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม (Sensitivity Training)

เช่นเดียวกับเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแฮร์รีทรงมีความรักตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น พระองค์พบรักกับสาวสวยผมบลอนด์ชาวแอฟริกาใต้ผู้มีนามว่า ‘เชลซี เดวี’ (Chelsy Davy) ทั้งคู่เริ่มเดตกันเมื่อปี 2004 และมีความสุขด้วยกันอยู่หลายปี อย่างไรก็ตาม ในปี 2009 แม้ทั้งคู่จะยังคบกัน แต่เพื่อนหลายคนบอกตรงกันว่าเจ้าชายแฮร์รีเริ่มมุ่งมั่นกับความฝันในการเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์มากขึ้นเรื่อย ๆ

ตั้งแต่ปี 2009 - 2012 เจ้าชายแฮร์รีทรงฝึกฝนเพื่อเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์อาปาเช่ในกองทัพอากาศ จากนั้นพระองค์ทรงนำทักษะนี้ไปใช้ปฏิบัติภารกิจครั้งที่ 2 ในอัฟกานิสถาน ซึ่งเริ่มขึ้นในเดือนกันยายน 2012 

หลังจากทรงเข้าร่วมในภารกิจการสู้รบหลายครั้ง เจ้าชายแฮร์รีทรงยุติหน้าที่ทางทหารอย่างเป็นทางการในปี 2015 แต่พระองค์ยังทรงอาสาช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บต่อไป

ภาพหลุดเจ้าชายแฮร์รี 

เดือนสิงหาคม 2012 เจ้าชายแฮร์รีทรงตกเป็นข่าวในแท็บลอยด์อีกครั้ง หลังจากมีภาพเปลือยหลุดสู่สาธารณะ ภาพดังกล่าวเป็นภาพขณะเจ้าชายกำลังอยู่ในปาร์ตี้ส่วนพระองค์ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในลาสเวกัส ซึ่งมีรายงานว่าพระองค์และเพื่อน ๆ กำลังเล่นเกมเปลื้องผ้ากัน

ภาพหลุดของเจ้าชายแฮร์รีถูกตีพิมพ์บน ‘เดอะ ซัน’ ของเจ้าพ่อวงการสื่อ ‘รูเพิร์ต เมอร์ด็อก’ แต่หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ในอังกฤษปฏิเสธที่จะลงภาพเหล่านี้ 

แม้จะถูกตีข่าวในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่เรื่องอื้อฉาวนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของเจ้าชายสักเท่าไร หลังจากนั้นเจ้าชายแฮร์รีก็ปรากฏพระองค์ในที่สาธารณะครั้งแรกในงาน WellChild Award ในลอนดอน ซึ่งพระองค์ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น 

เจ้าชายแฮร์รีทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ของ WellChild ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่อุทิศตนเพื่อช่วยเหลือเด็กป่วยและครอบครัว พระองค์ยังพูดติดตลกในระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ว่า “ไม่เคยอายที่จะแสดงตัว”

เจ้าชายแฮร์รี กับ เมแกน มาร์เคิล

เจ้าชายแฮร์รีเริ่มเดตกับ ‘เมแกน มาร์เคิล’ นักแสดงจากซีรีส์ทางโทรทัศน์เรื่อง Suits ในปี 2016 ทั้งคู่พบกันในระหว่างที่เจ้าชายแฮร์รีเสด็จไปเปิดการแข่งขันกีฬาทหารผ่านศึกนานาชาติ ‘Invictus Games’ ในโทรอนโต ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์เรื่อง Suits 

ในเดือนพฤศจิกายนปีนั้นเอง สำนักพระราชวังเคนซิงตันได้ออกแถลงการณ์ยืนยันความสัมพันธ์ของทั้งคู่ พร้อมร้องขอความเป็นส่วนตัวและความเคารพต่อทั้งคู่ หลังจากที่เมแกนถูกโซเชียลมีเดียถล่ม และถูกคุกคามจากปาปารัสซี

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2017 มีการเปิดเผยว่าเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนแอบหมั้นหมายกัน ต่อมาจึงมีประกาศอย่างเป็นทางการว่าทั้งคู่จะเข้าพิธีเสกสมรสกันในวันที่ 19 พฤษภาคม 2018

เรื่องนี้สร้างความยินดีในหมู่สมาชิกราชวงศ์ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ควีนเอลิซาเบธที่ 2 และดยุกแห่งเอดินบะระ ต่างออกมาประกาศแสดงความยินดี ในขณะที่เจ้าชายวิลเลียม และดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ กล่าวว่า “รู้สึกตื่นเต้นกับแฮร์รีและเมแกนมาก” ทั้งยังบอกด้วยว่า “มันวิเศษมากที่ได้รู้จักกับเมแกน และได้เห็นว่าทั้งคู่มีความสุขแค่ไหน”

ในเดือนมีนาคม 2018 เดลีเมล์รายงานว่าเจ้าชายแฮร์รีจะไม่เซ็นสัญญาก่อนสมรส โดยแหล่งข่าวรายหนึ่งให้เหตุผลว่า เจ้าชายแฮร์รีไม่เคยตั้งคำถามว่าจะเซ็นสัญญาก่อนสมรสหรือไม่ เพราะพระองค์ทรงตั้งพระทัยแน่วแน่ว่าการสมรสของพระองค์จะมั่นคงตลอดไป จึงไม่จำเป็นต้องเซ็นอะไรทั้งนั้น 

ทั้งนี้ การเซ็นสัญญาก่อนสมรสไม่ถือเป็นผลผูกพันทางกฎหมายในอังกฤษ แม้ผู้พิพากษาจะนำไปพิจารณาในคดีหย่าร้างก็ตาม

ความเศร้าโศกที่ไม่เคยจางหายไป

ในเดือนเมษายน 2017 เจ้าชายแฮร์รีซึ่งมีพระชันษา 20 ปลาย ๆ ทรงเปิดอกพูดคุยอย่างตรงไปตรงมากับ ‘ไบรโอนี กอร์ดอน’ นักข่าวชาวอังกฤษ ในพอดแคสต์ที่เผยแพร่โดยเดลีเทเลกราฟ เกี่ยวกับการพยายามทำใจหลังการสิ้นพระชนม์ของพระมารดา

“ข้าพเจ้าพูดได้เลยว่าการสูญเสียแม่ตอนอายุ 12 ปี ซึ่งทำให้อารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดของข้าพเจ้าถูกปิดกั้นตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบค่อนข้างร้ายแรง ไม่เฉพาะชีวิตส่วนตัวของข้าพเจ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงงานของข้าพเจ้าด้วย"

“วิธีรับมือของข้าพเจ้าคือการทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่ยอมคิดถึงแม่เลย เพราะคิดว่ามันจะช่วยได้ แต่มันยิ่งทำให้เศร้า มันไม่ได้ทำให้แม่กลับมา ดังนั้นในแง่อารมณ์ของข้าพเจ้าก็จะประมาณว่า อย่าให้อารมณ์กลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งใด”

เจ้าชายแฮร์กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า พระองค์รู้สึกว่าตัวเองเกือบจะเสียสติไปหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็ได้ขอคำปรึกษาจากมืออาชีพตามคำแนะนำของเจ้าชายวิลเลียม ที่บอกกับพระองค์ว่า “นี่ นายต้องจัดการกับเรื่องนี้จริง ๆ นะ มันไม่ใช่เรื่องปกติที่จะคิดว่าไม่มีอะไรส่งผลกระทบกับนาย”

เจ้าชายแฮร์รีทรงหันไปชกมวยเพื่อช่วยให้ตัวเองรับมือกับความเศร้าโศกได้ ซึ่งพระองค์ยอมรับว่ามันช่วยได้จริง ๆ 

เจ้าชายแฮร์รียังแบ่งปันเรื่องราวส่วนพระองค์ด้วยความหวังว่าจะทำให้คนอื่น ๆ เลิกตีตราเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิต โดยเจ้าชายแฮร์รี เจ้าชายวิลเลียม และดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ทรงร่วมกันทำแคมเปญ Heads Together เพื่อยุติการตีตราด้านสุขภาพจิต

ชีวิตครอบครัวของเจ้าชายแฮร์รี 

ในเดือนเมษายน สำนักพระราชวังเคนซิงตันออกแถลงการณ์ว่า จะไม่มีการออกคำเชิญอย่างเป็นทางการให้กับผู้นำทางการเมืองในวันเสกสมรสของเจ้าชายแฮร์รีกับเมแกน ซึ่งนับเป็นการขัดต่อประเพณีที่มีมายาวนานในพิธีเสกสมรสของราชวงศ์อังกฤษ 

แหล่งข่าวในสำนักพระราชวังเปิดเผยกับนิวยอร์กไทม์สว่า ในพิธีเสกสมรสมีการเชิญเพื่อนและสมาชิกครอบครัวรวม 600 คน ตามความจุของโบสถ์เซนต์จอร์จ และคนสำคัญอีก 1,200 คนจะได้เข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองกับเจ้าชายแฮร์รีและเมแกนที่ปราสาทวินด์เซอร์

หลังจากนั้นไม่นาน มีการเปิดเผยว่าเจ้าชายวิลเลียมจะเป็นกัปตันทีมเพื่อนเจ้าบ่าวให้กับเจ้าชายแฮร์รี ซึ่งก็เคยทำหน้าที่นี้ให้เจ้าชายวิลเลียมเช่นกัน 

พิธีเสกสมรสจัดขึ้นในโบสถ์เซนต์จอร์จ พระราชวังวินเซอร์ ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2018 โดยควีนเอลิซาเบธที่ 2 พระราชทานพระยศดยุกแห่งซัสเซกซ์ เอิร์ลแห่งดัมบาร์ตัน และบารอนคิลคีล ให้แก่เจ้าชายแฮร์รี 

เจ้าชายแฮร์รี ดยุกที่รายล้อมด้วยดราม่า รอยร้าวที่ยากประสานในราชวงศ์อังกฤษ

เดือนตุลาคมปีนั้นเอง ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ ประกาศการตั้งครรภ์พระโอรสองค์แรก ก่อนจะประสูติในวันที่ 6 พฤษภาคม 2019 มีพระนามว่า ‘อาร์ชี แฮร์ริสัน เมานต์แบตเทน-วินด์เซอร์’ เป็นรัชทายาทลำดับที่ 6 ของราชบัลลังก์อังกฤษ

“มันเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งที่สุดเท่าที่ข้าพเจ้าจะจินตนาการได้ เราทั้งคู่ต่างก็ตื่นเต้นและขอบคุณความรักและการอุ้มชูจากทุกคน มันวิเศษมาก เราอยากแบ่งปันสิ่งนี้กับทุกคน” เจ้าชายแฮร์รีตรัสด้วยความดีพระทัย 

เจ้าชายแฮร์รี ดยุกที่รายล้อมด้วยดราม่า รอยร้าวที่ยากประสานในราชวงศ์อังกฤษ

วันวาเลนไทน์ปี 2021 เจ้าชายแฮร์รีและเมแกนประกาศว่า เมแกนกำลังตั้งครรภ์พระธิดา ซึ่งต่อมาได้ประสูติเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2021 ที่โรงพยาบาลในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ มีพระนามว่า ‘ลิลิเบต ไดอาน่า เมานต์แบตเทน-วินด์เซอร์’ อยู่ในลำดับที่ 7 ของราชบัลลังก์อังกฤษ

เจ้าชายแฮร์รี ดยุกที่รายล้อมด้วยดราม่า รอยร้าวที่ยากประสานในราชวงศ์อังกฤษ

ปลายเดือนกันยายน 2019 เจ้าชายแฮร์รี พระชายา และพระโอรส เดินทางท่องเที่ยวที่แอฟริกาเป็นเวลา 10 วัน ระหว่างนี้มีช่วงหนึ่งที่เจ้าชายแฮร์รีทรงย้อนรอยการเดินทางของพระมารดาในเขตทุ่นระเบิดที่แองโกลา ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่กี่เดือนก่อนที่พระมารดาของพระองค์จะสิ้นพระชนม์ 

ในช่วงวันสุดท้ายของทริปแอฟริกา เจ้าชายแฮร์รีและพระชายาประกาศว่าทั้งคู่กำลังยื่นฟ้องเดลีเมล์ กรณีเผยแพร่จดหมายส่วนตัวที่เมแกนเขียนถึงพ่อของเธอ

การลดบทบาทจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูง

ในภาพยนตร์สารคดี Harry & Meghan: An African Journey เจ้าชายแฮร์รีทรงเปิดเผยว่า พระองค์คิดถึงพระมารดาทุกครั้งที่เผชิญกับแสงแฟลชจากกล้องของสื่อ ทั้งยังยอมรับในข่าวลือที่ว่าพระองค์กับเจ้าชายวิลเลียมไม่ได้สนิทกันเหมือนก่อนนั้น พร้อมอธิบายถึงรอยร้าวระหว่างพระองค์กับพระเชษฐาว่า “แน่นอนว่าเราอยู่บนเส้นทางที่แตกต่างกันในขณะนี้ แต่ข้าพเจ้าจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ และอย่างที่ข้าพเจ้ารู้ เขาจะอยู่เคียงข้างข้าพเจ้าเช่นกัน เราไม่ได้เจอกันเหมือนเดิม เพราะเราต่างก็ยุ่งมาก แต่ข้าพเจ้ายังรักเขาสุดหัวใจ”

วันที่ 8 มกราคม 2020 ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ได้สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วโลก เมื่อทั้งคู่ประกาศลดบทบาทจากการเป็นสมาชิกราชวงศ์ชั้นสูง และต้องการทำงานเพื่อเป็นอิสระทางการเงิน

ในแถลงการณ์บนอินสตาแกรมของทั้งคู่ ข้อความตอนหนึ่งระบุว่า “ด้วยการสนับสนุนของพวกคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรารู้สึกว่าเราพร้อมที่จะทำการเปลี่ยนแปลงนี้ ตอนนี้เราวางแผนที่จะรักษาสมดุลระหว่างเวลาในอังกฤษและอเมริกาเหนือ โดยยังคงให้ความเคารพต่อองค์ราชินี เครือจักรภพ และราชินูปถัมภ์

“ความสมดุลในทางภูมิศาสตร์นี้จะช่วยให้เราสามารถเลี้ยงดูลูกชายของเราด้วยความสำนึกในบุญคุณต่อธรรมเนียมของราชวงศ์ที่เขาได้ถือกำเนิดขึ้น ในขณะเดียวกันครอบครัวของเราก็มีพื้นที่สำหรับการมุ่งไปยังบทต่อไป ซึ่งรวมถึงการเปิดตัวหน่วยงานการกุศลใหม่ของเรา”

หลังเสร็จสิ้นการทำข้อตกลงขั้นสุดท้ายในช่วงต้นเดือนมีนาคม เจ้าชายแฮร์รีและเมแกนก็ได้ย้ายไปลอสแองเจลิส ก่อนสิ้นสุดสถานะราชวงศ์ชั้นสูงในวันที่ 31 มีนาคม

เดือนกุมภาพันธ์ 2021 เมแกนและเจ้าชายแฮร์รียืนยันว่าพวกเขาจะไม่กลับไปรับบทบาทในราชวงศ์อีก แต่ยังคงใช้พระยศต่อไป 

ขณะที่แถลงการณ์จากสำนักพระราชวังบักกิงแฮมระบุว่า “ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ทรงยืนยันต่อสมเด็จพระราชินีว่า ทั้งคู่จะไม่เสด็จกลับมาเป็นสมาชิกราชวงศ์ที่ปฏิบัติพระกรณียกิจอีกต่อไป ในข้อตกลงล่าสุด ดยุกและดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ทรงรับทราบว่าจะต้องถอนพระองค์จากการปฏิบัติพระกรณียกิจ และต้องสละยศทหารในกองทัพ รวมถึงจะไม่ได้รับงบประมาณจากรัฐในการปฏิบัติพระกรณียกิจอีกต่อไป"

เดือนมีนาคม 2021 เมแกนและเจ้าชายแฮร์รีให้สัมภาษณ์รายการพิเศษกับ ‘โอปราห์ วินฟรีย์’ เป็นเวลา 2 ชั่วโมง เจ้าชายแฮร์รีเล่าถึงสาเหตุที่ทั้งคู่ลดบทบาทจากการเป็นราชวงศ์ชั้นสูง รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับพระอัยยิกา พระบิดา และพระเชษฐา โดยกล่าวว่า ‘ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย’

พระองค์ยังกล่าวถึงพระมารดาด้วยว่า “ข้าพเจ้าคิดว่าพระมารดาจะต้องรู้สึกโกรธมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเศร้ามาก”

เจ้าชายแฮร์รี ดยุกที่รายล้อมด้วยดราม่า รอยร้าวที่ยากประสานในราชวงศ์อังกฤษ

หนังสือ Spare ของเจ้าชายแฮร์รี 

รอยร้าวระหว่างเจ้าชายแฮร์รีกับราชวงศ์อังกฤษยังถูกฉีกเป็นแผลลึกขึ้นอีก เมื่อพระองค์ออกหนังสือชื่อ ‘Spare’ (ตัวสำรอง) ซึ่งมาจากคำพูดที่เหล่าขุนนางอังกฤษพูดถึงเสมอ เรื่องที่จำเป็นต้องมีรัชทายาทและตัวสำรอง และเป็นคำที่ว่ากันว่ากษัตริย์ชาร์ลสพูดกับเจ้าหญิงไดอานาในวันมีพระประสูติกาลเจ้าชายแฮร์รี

“เหลือเชื่อเลย ตอนนี้คุณมีทั้งรัชทายาทและตัวสำรองให้ผม งานผมสำเร็จแล้ว”

เจ้าชายแฮร์รี ดยุกที่รายล้อมด้วยดราม่า รอยร้าวที่ยากประสานในราชวงศ์อังกฤษ

ในหนังสือเล่มนี้มีการลงรายละเอียดถึงชีวิตส่วนพระองค์ ตั้งแต่การสิ้นพระชนม์ของพระมารดา ไปจนถึงการสิ้นพระชนม์ของพระอัยยิกาเมื่อเดือนกันยายน 2022 เนื้อหาหลัก ๆ เป็นการบรรยายถึงความเศร้าโศกและการเยียวยาตนเอง ที่มีการพาดพิงสมาชิกราชวงศ์ โดยเฉพาะเจ้าชายวิลเลียม พระเชษฐาของพระองค์

เจ้าชายแฮร์รีกล่าวหาว่าเจ้าชายวิลเลียมทำร้ายร่างกายพระองค์เมื่อปี 2019 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเจ้าชายวิลเลียมตำหนิเมแกนว่า เรื่องมาก หยาบคาย และน่ารำคาญ แล้วการเผชิญหน้ากันก็เริ่มบานปลาย 

“เขาวางแก้วน้ำลง เรียกชื่อข้าพเจ้า แล้วก็ตรงเข้ามาหา มันเกิดขึ้นเร็วมาก เขาจับคอเสื้อของข้าพเจ้า กระชากสร้อยคอของข้าพเจ้า และผลักข้าพเจ้าจนล้มลงจนร่างของข้าพเจ้าไปกระแทกเข้ากับชามข้าวสุนัข จนเศษชามข้าวสุนัขบาดตัวของข้าพเจ้า ข้าพเจ้านอนนิ่งงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้นบอกให้เขาออกไป”

เจ้าชายแฮร์รีเล่าด้วยว่า เจ้าชายวิลเลียมหันกลับมาพูดว่า ไม่ต้องเล่าเรื่องนี้ให้เมแกนฟัง แล้วเจ้าชายแฮร์รีก็ถามกลับไปว่า “หมายถึงเรื่องที่นายทำกับฉันเหรอ?” แล้วเจ้าชายวิลเลียมก็ตอบว่า “ฉันไม่ได้ทำร้ายนาย แฮโรลด์”

หนังสือเรื่องนี้ยังมีการเปิดเผยว่า กษัตริย์ชาร์ลส์พยายามเข้ามาไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ในพระราชพิธีศพของเจ้าชายฟิลิปเมื่อปี 2021 โดยตรัสว่า “ได้โปรดเถอะลูกทั้งสองของพ่อ อย่าทำให้บั้นปลายชีวิตของพ่อต้องทุกข์ระทมเลย”

นอกจากนี้เจ้าชายแฮร์รียังเปิดเผยถึงเรื่องการสวมเครื่องแบบนาซีเมื่อสิบกว่าปีก่อนด้วยว่า พระองค์ได้โทร. ไปปรึกษาเจ้าชายวิลเลียมกับแคเธอรีนแล้ว และทั้งคู่ให้พระองค์เลือกสวมเครื่องแบบนาซีแทนชุดนักบิน 

เจ้าชายแฮร์รี ดยุกที่รายล้อมด้วยดราม่า รอยร้าวที่ยากประสานในราชวงศ์อังกฤษ

ในหนังสือสุดฉาวโฉ่ยังมีการเปิดเผยรายละเอียดที่เจ้าชายแฮร์รีเสียพรหมจรรย์ให้กับผู้หญิงที่แก่กว่าบริเวณที่โล่งหลังผับที่มีคนพลุกพล่าน ซึ่งแน่นอนว่ามีคนเห็น

รวมถึงมุกตลกร้ายที่พระบิดาตรัสว่า “ใครจะรู้ว่าฉันเป็นเจ้าชายแห่งเวลส์จริงหรือเปล่า ใครจะรู้ว่าฉันเป็นพ่อจริง ๆ ของเธอด้วยหรือเปล่า” ซึ่งโยงไปกับข่าวลือที่ว่า ‘เจมส์ ฮิววิตต์’ มีความสัมพันธ์กับเจ้าหญิงไดอาน่าและเป็นพ่อที่แท้จริงของเจ้าชายแฮร์รี เนื่องจากสีผมของเจ้าชายแฮร์รีนั้นเป็นสีเดียวกับผมของเจมส์ 

ที่น่าตกใจคือการที่เจ้าชายแฮร์รีเปิดเผยว่าพระองค์ได้สังหารนักรบตาลีบันในอัฟกานิสถาน 25 คน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทหารไม่เอามาพูดกัน 

นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่เจ้าชายแฮร์รีและเจ้าชายวิลเลียมเคยขอให้พระบิดาไม่อภิเษกสมรสกับคามิลลา, เจ้าชายแฮร์รียอมรับว่าเสพโคเคนขณะมีชันษา 17 ปี, การเปิดเผยชื่อผู้ที่อยู่เบื้องหลังทำให้เจ้าชายแฮร์รีและเมแกนได้พบกัน, เจ้าชายแฮร์รีรู้ข่าวควีนเอลิซาเบธสิ้นพระชนม์จากบีบีซี, เจ้าชายแฮร์รีกล่าวหาว่าควีนคามิลลาเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องของพระองค์กับเจ้าชายวิลเลียม

รวมถึงเรื่องที่แคเธอรีนไม่พอใจเมแกนที่บอกว่าแคเธอรีนอยู่ในภาวะสมองเด็ก (baby brain) เนื่องจากกำลังตั้งครรภ์ เจ้าชายแฮร์รียังบรรยายด้วยว่าเคทกำลังรู้สึกกังวลที่ถูกเปรียบเทียบกับเมแกน

ในเรื่องเกี่ยวกับเมแกน เจ้าชายแฮร์รียอมรับว่าพระองค์ดูฉากเซ็กซ์ของพระชายาในซีรีส์ Suits แล้วเป็นเรื่องยากมากที่จะลบภาพเหล่านั้นออกจากหัว ทั้งยังเผยด้วยว่าสำนักพระราชวังพยายามแทรกแซงบทของเมแกน โดยให้มีการเปลี่ยนบทสนทนาและตรวจสอบว่าตัวละครนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งทำให้ทีมผู้จัดรู้สึกผิดหวังมาก

หลังจากหนังสือเล่มนี้วางจำหน่ายฉบับภาษาอังกฤษอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม สำนักพระราชวังอังกฤษไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใด ๆ ล่าสุด สื่ออังกฤษหลายสำนักคาดการณ์ว่า เจ้าชายแฮร์รีจะเสด็จเข้าร่วมพระราชพิธีราชาภิเษกกษัตริย์ชาร์ลส์ในวันที่ 6 พฤษภาคมนี้ แต่พระองค์จะไม่อยู่ร่วมในพิธีการอื่น ๆ หลังจาก เจ้าชายแฮร์รีกับพระบิดาได้เจรจาสันติภาพกัน

แต่ในส่วนของพระเชษฐาคือเจ้าชายวิลเลียมนั้น พระองค์เลือกที่จะไม่พูดอะไรด้วยเลย

นี่คือเรื่องราวบางส่วนของเจ้าชายแฮร์รี ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเจ้าชายที่ได้รับฉายาว่า ‘เจ้าชายแสนสุข’ ก่อนจะกลายเป็นเจ้าชายที่รายล้อมไปด้วยเรื่องดราม่าไม่จบไม่สิ้น 

 

ภาพ:

กษัตริย์ชาร์ลส์ เจ้าหญิงไดอาน่า เจ้าชายวิลเลียม และเจ้าชายแฮร์รี

พิธีเสกสมรสเจ้าชายแฮร์รีกับเมแกน มาร์เคิล 

เจ้าชายวิลเลียมและเจ้าชายแฮร์รี 

เจ้าชายแฮร์รีและเมแกนให้สัมภาษณ์โอปราห์ วินฟรีย์

อาร์ชี 

ลิลิเบต

หนังสือ Spare

อ้างอิง: 

hellomagazine

biography

townandcountrymag

กรุงเทพธุรกิจ